ทำไมถึงเลือกการทำงานแบบ Agile นะ?

ช่วงหลังๆมานี้ จะมีน้องๆบางคน ถามผมประมาณว่า ทำไมพี่โอถึงมาทำงานสาย Agile (หรืออารมณ์ประมาณ ทำไมคิดว่ามันดี ประมาณนั้น สงสัยทำแล้วเจ็บปวด) แต่ตอนนั้นผมตอบแบบกวนๆไปว่า …

เพื่อจะได้มีตังมากขึ้น เอามาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมีย

… ถึงมันจะกวนแต่ก็เป็นความจริงนะ คือช่วงที่ผมทำงานเดิมอยู่ มันถึงจุดที่รู้สึกว่าถ้าทำงานแบบเดิมต่อไป นอกจากจะไม่มีความสุขแล้ว เราก็ย่ำอยู่กับที่อีกตะหาก ขอออกมาลองทำอะไรใหม่ๆ หาโอกาสมีรายได้ที่สูงขึ้นดีกว่า ถึงมันจะเสี่ยงกว่าเดิมก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย…

แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะ ส่วนที่เหลือที่ไม่ได้ตอบ ผมขอกลับมาตอบตรงนี้ครับ…

ตลอดเวลาที่ทำ software มาสิบกว่าปี (ก่อนมาทำงานสาย Agile) ผมเคยทำมาสารพัดแบบ ทั้งแบบลูกทุ่ง แบบเอา Database เป็นใหญ่ (คือมีอะไรก็ยัดลง Store Procedure กับ Trigger) ทั้งแนวใช้ CASE Tools พวก Borland, Rational, แนว Model-Driven พวก UML gen code, หรือแนว ISO + CMMI ที่ทำเอกสารปึกใหญ่ ไม่มี code ซักบรรทัดเดียวยัง cert. ผ่านก็ลองทำมาแล้ว

ปัญหาก็คือ มันไม่ได้แก้ปัญหาเรื่อง project fail เลย ไม่มี project ไหนที่จบสวยซัก project ตอนจบเจ็บทุกที ถ้าเราไม่เจ็บ ลูกค้าก็เจ็บ เปลี่ยนวิธียังไงได้ของห่วยเหมือนเดิม วนอยู่ในอ่างแบบนั้นแหละ

ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่เก่า ก็มีโอกาสศึกษาเรื่อง Agile จริงจัง จำได้ว่าปีนั้นอ่านหนังสือ Agile เป็นสิบเล่มเลย และคิดว่า …เออ นี่แหละทางที่เราหาอยู่ … แต่พอทำเองก็ fail นะ ยังคิดเลยว่ามัน success ยังไงนะ? สุดท้ายก็เลิกทำ จนมีโอกาสมาทำงานกับคนที่รู้จริงนี่แหละมันเลยคลิกและทำให้เข้าใจจริงๆ ว่าต้องทำประมาณไหน

เอาเข้าจริงกระบวนการแนว Agile มันก็ไม่ได้จบสวยหรอกนะ (ถึงตรงนี้บางคนอาจจะร้อง …อ้าว พี่โอ!!! 555) แต่ผมพบว่าถึงมันจะไม่ได้ดีที่สุด แต่มันก็ยังดีกว่าอันอื่นเท่าที่เคยทำมาเท่านั้นเอง บางคนอาจจะไม่ถูกจริตกับมันด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็ไม่ต้องคิดมากหรอก มันก็แค่วิธีทำงานแบบนึง ถ้าคิดว่าไม่ดีคุณก็แค่ทำแบบอื่นให้ดีกว่าก็แค่นั้นเอง

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่ามันยังไม่ดีที่สุด ก็คือประโยคแรกของ Agile Manifesto ที่บอกว่า…

We are uncovering better ways of developing
software by doing it and helping others do it .…

เค้าใช้คำว่า “bettrer way” ไม่ใช่ “the best way” (ตอนปี 2001 นะ) เพราะฉะนั้นมันมีดีกว่านี้ในอนาคตแน่ๆ อย่าง UX, Design Thinking, Product Management ที่ต่อยอดมันก็มีให้เห็นแล้ว แต่ตอนนี้เรารู้แค่นี้ เราก็ต้องรู้จักเอาปัญหาและข้อผิดพลาดมาเรียนรู้และแก้ไขไปเรื่อยๆ

แต่สิ่งที่ผมได้มากกว่าเรื่องวิธีการทำ software ผมกลับพบเรื่องอื่นที่มีคุณค่ามากกว่า สิ่งที่ผมพบคือ

  • แนวคิดที่ไม่ปิดกั้นหรือจำกัดว่ามันดีกว่าอันอื่นเสมอ หรือมันดีที่สุดแล้ว บางครั้งพบว่ามันก็แย่กว่าหรือไม่เหมาะก็บ่อยไป มันทำให้เราไม่ยอมแพ้ที่จะเดินหน้าต่อ
  • นอกเหนือจาก Agile ผมยังได้รู้จักเรื่องอื่นอีก ทั้ง UX, Design Thinking, Product Discovery, Coaching, Facilitation และมั่นใจว่ายังมีอีกเยอะที่ให้เราได้เรียนรู้ในวันข้างหน้า มันพิสูจน์ว่าเรามีความหวังที่จะพบวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆได้เสมอ
  • ผมพบ mindset เบื้องหลัง methodology และ agile manifesto มันทำให้ผมเข้าใจเรื่อง growth mindset เข้าใจเรื่อง Ikikai ทำให้ผมรู้ว่า เราเติบโตได้อีกนะ เรายังเป็นคนดีกว่า version ปัจจุบันได้ เราทำงานอย่างมีความสุขได้
  • แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ผมพบผู้คนที่ไม่ใช่แค่เก่ง แต่คนเหล่านั้นมีจิตใจที่ดี ตั้งใจเรียนรู้และส่งต่อความรู้อยู่เสมอ ทำให้ผมมั่นใจในความเขื่อที่บอกว่า

ถ้าอยากเป็นคนแบบไหนคุณต้องไปอยู่ในสังคมของคนที่คุณอยากเป็น

การที่ผมมาทำงานสายนี้ เรื่องนี้คือเรื่องที่มีคุณค่ากับผมมากที่สุด

อธิบายซะยาว แต่โดยสรุปคือ ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะเลือกขนาดนั้นหรอก อยากเปลี่ยนงาน มันตันละ อยากขยับขึ้นไปอีก level นึง ​ซึ่งโชคดีที่ได้พบเพื่อนๆ ที่สนับสนุนให้เราเติบโต และพอได้ทำมันก็ ok กว่าที่ผ่านมาจริงๆ ถ้าจะให้กลับไปทำแบบเดิม มันก็ทำไม่ได้แล้วครับ

ขอบคุณน้องๆที่ถามเรื่องนี้ ที่ทำให้ผมมีโอกาสเล่าสิ่งที่ผมค้นพบตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หวังว่าจะมันจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ ^_^

--

--