พอดีได้มีโอกาสได้เรียนคลาส Oxford Senior Executive Leadership Program หนึ่งสิ่งที่คนเรียนต้องทำคือต้องบินไปอยู่ด้วยกันที่ดูไบห้าวันหนึ่งครั้งและไปที่ Oxford หนึ่งครั้ง เมื่อต้นเดือน มกราคม ผมเลยได้ไปดูไบมาตลอดห้าวันทีเนื้อหาเข้มข้นมากมายที่ถูกถ่ายถอดโดยคนสอนที่มี level สูงมาก หนึ่งสิ่งที่ผมชอบมากคือสิ่งที่เรียกว่า Healthy Mind Platter มันเป็นเครื่องมือที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อพยายามอธิบายว่ามนุษย์เราควรมีสภาพจิตใจที่แข็งแรงเพราะถ้าเรามีสภาพจิตใจที่แข็งแรงแล้วเราจะสามารถคิดและแก้ปัญหาได้อย่างดีอย่างไรก็ตามการที่เรามีสภาพจิตใจที่ดีนั้นไม่ได้แปลว่าเราจะฝึกจิตเพียงอย่างเดียวเพราะจิตใจและความคิดมนุษย์ต้องการการเชื่อมต่อและการทำงานอย่างสอดประสานกับร่างกายของตัวเราเองและรวมไปถึงบุคลลที่อยู่รอบข้างเราด้วยดังนั้น Healthy Mind Platter จึงเป็นเครื่องมือที่พยายามอธิบายว่าปัจจัยทั้งภายนอกและภายในอะไรบ้างที่เราต้องเอาใจใส่เพื่อทำให้เรามีความคิดและจิตใจที่แข็งแรงซึ่งเขาบอกว่ามีทั้งหมด 7 เรื่องประกอบไปด้วย
- Focus Time เวลาที่เราจดจ่อกับการทำอะไร 1 อย่างแบบไม่ถูกรบกวนเป็นช่วงเวลาที่เราใช้พลัวสมองขั้นสูง เช่นต้องทำ presetation นี้ให้เสร็จใน 30 นาทีนี้อย่ายุ่งกับผม
- Time In เวลาที่เรานั่งตรึกตรองถึงเรืองราวที่เกิดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆเข้าด้วยการจนเกิดเป็นความรู้ใหม่บางคนทำมัน เช่นเวลาเราอาบน้ำ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ
- Play Time เวลาที่เราเล่นสนุกหัวเราะทำอะไรที่ผ่อนคลาย เช่นนั่งคุยกับเพื่อน เล่นกับลูก ช่วงเวลาที่เราหัวเราะ
- Connection Time ช่วงเวลาที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนรอบข้าง ได้สัมผัส ได้ใกล้ชิดกัน ได้อยู่ใกล้ๆกัน เช่นกอดลูก กอดภรรยา
- Physical Time เวลาที่เราออกแรง จนหัวใจเราไปอยู่ในระดับ Aerobic Level เช่นวิ่ง Zone2 ออกกำลังกายไม่หนักไม่เบาจนเกินไป
- Down Time เวลาที่เราไม่ได้โฟกัสกับอะไรเป็นพิเศษ นั่งล่องลอย ปล่อยตัวเองให้หยุดคิดอะไรยากๆเช่นเวลาเรานั่งรถแล้วมองไปนอกหน้าต่าง เวลาที่เรานั่งดูทีวี
- Sleep Time เวลาที่เรานอน อันนี้ตรงไปตรงมามาก
ของทั้งเจ็ดอย่างนี้สามารถเกิดขึ้นพร้อมๆกันได้ไม่จำเป็นต้องทำแยกกันเช่น สำหรับผม Time In กับ Physical Time เกิดขึ้นพร้อมๆกันเพราะผมจะสามารถปล่อยให้ตัวเองไม่คิดอะไรมากได้ในช่วงที่ตัวเองวิ่งแบบ Easy เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายขยับแบบเป็นจังหวะง่ายๆ ปล่อยให้ร่างกายและใจไหลๆไปเรื่อยๆ ซึ่ง combination นี้เป็นสิ่งที่เราต้องสังเกตุตัวเองให้เป็น และเมื่อเรานั่งสังเกตุตัวเองได้แล้วเราจะเริ่มมาให้คะแนนตัวเองกัน อันนี้ผมเข้าใจว่าคนสอนผมเขาคิด range เองแต่ก็เป็น range ที่ make sense นะเช่น
การให้คะแนน
Focus Time
5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้— 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน
Time In
5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน
Play Time
5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน
Connection Time
5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน
Down Time
5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน
Sleep Time
5 ถ้าสามารถได้ 8 ชั่วโมงต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 4 ชั่วโมงต่อวัน
Physical Time
5 ถ้าสามารถได้ 60 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน
ผลประกอบการของผมได้ดังนี้
Focus Time -> 5 ทำได้ตอนต้องฝึกเขียน code ตอนเช้า
Time In -> 5 ทำได้ตอนวิ่ง
Play Time -> 2ไม่ค่อยได้เล่นอะไร หรือ จำไม่ได้แล้วว่าขำแบบจุกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
Connection Time -> 2 มีเวลาที่ได้กอดลูกเมียสองครั้งต่อวัน ได้คุยกับน้องๆแบบคุยเรื่อยๆน้อยไปวันนึงไม่เกิน 30 นาทีที่เหลือพิมพ์เอา หรือกอดเพื่อนร่วมงานน้อยมาก
Down Time -> 5 อันนี้ทำบ่อยตอนกินข้าวเพราะชอบกินข้าวคนเดียว เกิน 30 นาทีแน่นอน
Sleep Time -> 2 เพิ่งสังเกตุว่าเป็นคนที่นอน 5–6 ชั่วโมง บางวัน 4 ด้วยแย่จัด
Physical Time -> 4 เพราะวิ่งสามวัน ที่เหลืออีก 2 วันฝึกอย่างอื่นแต่ไม่ถึง 60 นาที
ได้รวมกัน 25/35
หลังทำเสร็จเขาบอกว่าถ้าได้
30–35 ถือว่าเราจัดการชีวิตได้ดี
25–30 ยังพอไปได้แต่น่าจะมีบางเรื่องที่ต้องจัดการละ เช่นของผมต้องไปเพิ่ม sleep time, play time, connecting time ด้วยการนอนให้มากขึ้น เล่นหรือหัวเราะให้มากขึ้นก่อนนอน ระหว่างวันให้เดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้นคุยโน่นนี่นั่น กอดลูก กอดเมีย กอดคนในครอบครัวให้มากขึ้น
20–25 สุ่มเสี่ยงละเพราะจะมีของหนึ่งอย่างต่ำเกินไปหรือไม่เคยทำเลย
ตำกว่า 20 ถือว่าแย่ละต้องหยุดงาน 2 สัปดาห์เพื่อไปนั่งทบทวนตัวเองละว่าเป็นอะไรมากไปไหมถ้าปล่อยไปแบบนี้น่าจะวอดวาย
อย่างไรก็ตาม Healthy Mind Platter นี้เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่เราเอาไว้สำรวจตัวเอง ยังมีอีกหลายเครื่องมือที่ใช้ทำสิ่งนี้ได้และผมเชื่อเรื่อง 80/20 นะเพราะคนเราไม่ใช่ทุกคนที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้เพราะจะมีคนอักกลุ่มที่สามารถมีความคิดและจิตใจที่แข็งแรงด้วยการใช้ชีวิตอีกแบบอย่างไรก็ตามประโยคสุดท้ายที่คนสอนบอกคือถ้าเราได้คะแนนตำกว่า 20 เราควรหยุดนะเพราะว่า
โลกนี้จะไม่แหลกแตกสลายหรือบริษัทจะล้มหายตายจากเพียงเพราะเราหายไปซ่อมตัวเองสองสัปดาห์ดูแลตัวเองบ้างเพราะถ้าหลุดต่ำ 20 แปลว่ามันมีบางอย่างผิดปกติในองค์กรที่เราทำงานแล้วหละ
ต้นทางอยู่ที่นี่ครับ Healthy Mind Platter