ทำ Healthly Mind Platter กันครับ

RuufimoN
odds.team
Published in
2 min readJan 30, 2024
healthy mind platter

พอดีได้มีโอกาสได้เรียนคลาส Oxford Senior Executive Leadership Program หนึ่งสิ่งที่คนเรียนต้องทำคือต้องบินไปอยู่ด้วยกันที่ดูไบห้าวันหนึ่งครั้งและไปที่ Oxford หนึ่งครั้ง เมื่อต้นเดือน มกราคม ผมเลยได้ไปดูไบมาตลอดห้าวันทีเนื้อหาเข้มข้นมากมายที่ถูกถ่ายถอดโดยคนสอนที่มี level สูงมาก หนึ่งสิ่งที่ผมชอบมากคือสิ่งที่เรียกว่า Healthy Mind Platter มันเป็นเครื่องมือที่ถูกคิดขึ้นมาเพื่อพยายามอธิบายว่ามนุษย์เราควรมีสภาพจิตใจที่แข็งแรงเพราะถ้าเรามีสภาพจิตใจที่แข็งแรงแล้วเราจะสามารถคิดและแก้ปัญหาได้อย่างดีอย่างไรก็ตามการที่เรามีสภาพจิตใจที่ดีนั้นไม่ได้แปลว่าเราจะฝึกจิตเพียงอย่างเดียวเพราะจิตใจและความคิดมนุษย์ต้องการการเชื่อมต่อและการทำงานอย่างสอดประสานกับร่างกายของตัวเราเองและรวมไปถึงบุคลลที่อยู่รอบข้างเราด้วยดังนั้น Healthy Mind Platter จึงเป็นเครื่องมือที่พยายามอธิบายว่าปัจจัยทั้งภายนอกและภายในอะไรบ้างที่เราต้องเอาใจใส่เพื่อทำให้เรามีความคิดและจิตใจที่แข็งแรงซึ่งเขาบอกว่ามีทั้งหมด 7 เรื่องประกอบไปด้วย

  1. Focus Time เวลาที่เราจดจ่อกับการทำอะไร 1 อย่างแบบไม่ถูกรบกวนเป็นช่วงเวลาที่เราใช้พลัวสมองขั้นสูง เช่นต้องทำ presetation นี้ให้เสร็จใน 30 นาทีนี้อย่ายุ่งกับผม
  2. Time In เวลาที่เรานั่งตรึกตรองถึงเรืองราวที่เกิดขึ้นเพื่อเชื่อมโยงสิ่งต่างๆเข้าด้วยการจนเกิดเป็นความรู้ใหม่บางคนทำมัน เช่นเวลาเราอาบน้ำ ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ
  3. Play Time เวลาที่เราเล่นสนุกหัวเราะทำอะไรที่ผ่อนคลาย เช่นนั่งคุยกับเพื่อน เล่นกับลูก ช่วงเวลาที่เราหัวเราะ
  4. Connection Time ช่วงเวลาที่เราได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนรอบข้าง ได้สัมผัส ได้ใกล้ชิดกัน ได้อยู่ใกล้ๆกัน เช่นกอดลูก กอดภรรยา
  5. Physical Time เวลาที่เราออกแรง จนหัวใจเราไปอยู่ในระดับ Aerobic Level เช่นวิ่ง Zone2 ออกกำลังกายไม่หนักไม่เบาจนเกินไป
  6. Down Time เวลาที่เราไม่ได้โฟกัสกับอะไรเป็นพิเศษ นั่งล่องลอย ปล่อยตัวเองให้หยุดคิดอะไรยากๆเช่นเวลาเรานั่งรถแล้วมองไปนอกหน้าต่าง เวลาที่เรานั่งดูทีวี
  7. Sleep Time เวลาที่เรานอน อันนี้ตรงไปตรงมามาก

ของทั้งเจ็ดอย่างนี้สามารถเกิดขึ้นพร้อมๆกันได้ไม่จำเป็นต้องทำแยกกันเช่น สำหรับผม Time In กับ Physical Time เกิดขึ้นพร้อมๆกันเพราะผมจะสามารถปล่อยให้ตัวเองไม่คิดอะไรมากได้ในช่วงที่ตัวเองวิ่งแบบ Easy เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายขยับแบบเป็นจังหวะง่ายๆ ปล่อยให้ร่างกายและใจไหลๆไปเรื่อยๆ ซึ่ง combination นี้เป็นสิ่งที่เราต้องสังเกตุตัวเองให้เป็น และเมื่อเรานั่งสังเกตุตัวเองได้แล้วเราจะเริ่มมาให้คะแนนตัวเองกัน อันนี้ผมเข้าใจว่าคนสอนผมเขาคิด range เองแต่ก็เป็น range ที่ make sense นะเช่น

การให้คะแนน

Focus Time

5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้— 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน

Time In

5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน

Play Time

5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน

Connection Time

5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน

Down Time

5 ถ้าสามารถได้ 30 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน

Sleep Time

5 ถ้าสามารถได้ 8 ชั่วโมงต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 4 ชั่วโมงต่อวัน

Physical Time

5 ถ้าสามารถได้ 60 นาทีต่อวัน — ใส่คะแนนเองระหว่างนี้ — 0 ถ้าสามารถได้ 0นาทีต่อวัน

ผลประกอบการของผมได้ดังนี้

Focus Time -> 5 ทำได้ตอนต้องฝึกเขียน code ตอนเช้า

Time In -> 5 ทำได้ตอนวิ่ง

Play Time -> 2ไม่ค่อยได้เล่นอะไร หรือ จำไม่ได้แล้วว่าขำแบบจุกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

Connection Time -> 2 มีเวลาที่ได้กอดลูกเมียสองครั้งต่อวัน ได้คุยกับน้องๆแบบคุยเรื่อยๆน้อยไปวันนึงไม่เกิน 30 นาทีที่เหลือพิมพ์เอา หรือกอดเพื่อนร่วมงานน้อยมาก

Down Time -> 5 อันนี้ทำบ่อยตอนกินข้าวเพราะชอบกินข้าวคนเดียว เกิน 30 นาทีแน่นอน

Sleep Time -> 2 เพิ่งสังเกตุว่าเป็นคนที่นอน 5–6 ชั่วโมง บางวัน 4 ด้วยแย่จัด

Physical Time -> 4 เพราะวิ่งสามวัน ที่เหลืออีก 2 วันฝึกอย่างอื่นแต่ไม่ถึง 60 นาที

ได้รวมกัน 25/35

หลังทำเสร็จเขาบอกว่าถ้าได้

30–35 ถือว่าเราจัดการชีวิตได้ดี

25–30 ยังพอไปได้แต่น่าจะมีบางเรื่องที่ต้องจัดการละ เช่นของผมต้องไปเพิ่ม sleep time, play time, connecting time ด้วยการนอนให้มากขึ้น เล่นหรือหัวเราะให้มากขึ้นก่อนนอน ระหว่างวันให้เดินไปคุยกับเพื่อนร่วมงานให้มากขึ้นคุยโน่นนี่นั่น กอดลูก กอดเมีย กอดคนในครอบครัวให้มากขึ้น

20–25 สุ่มเสี่ยงละเพราะจะมีของหนึ่งอย่างต่ำเกินไปหรือไม่เคยทำเลย

ตำกว่า 20 ถือว่าแย่ละต้องหยุดงาน 2 สัปดาห์เพื่อไปนั่งทบทวนตัวเองละว่าเป็นอะไรมากไปไหมถ้าปล่อยไปแบบนี้น่าจะวอดวาย

อย่างไรก็ตาม Healthy Mind Platter นี้เป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่เราเอาไว้สำรวจตัวเอง ยังมีอีกหลายเครื่องมือที่ใช้ทำสิ่งนี้ได้และผมเชื่อเรื่อง 80/20 นะเพราะคนเราไม่ใช่ทุกคนที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้เพราะจะมีคนอักกลุ่มที่สามารถมีความคิดและจิตใจที่แข็งแรงด้วยการใช้ชีวิตอีกแบบอย่างไรก็ตามประโยคสุดท้ายที่คนสอนบอกคือถ้าเราได้คะแนนตำกว่า 20 เราควรหยุดนะเพราะว่า

โลกนี้จะไม่แหลกแตกสลายหรือบริษัทจะล้มหายตายจากเพียงเพราะเราหายไปซ่อมตัวเองสองสัปดาห์ดูแลตัวเองบ้างเพราะถ้าหลุดต่ำ 20 แปลว่ามันมีบางอย่างผิดปกติในองค์กรที่เราทำงานแล้วหละ

ต้นทางอยู่ที่นี่ครับ Healthy Mind Platter

--

--

RuufimoN
odds.team

ชายวัยกลางคน มีเมียหนึ่งคน ลูกสาวสองคน นกสี่ตัว