มวลน้ำในร่างกาย
ผมซื้อเครื่องวัดมวลกายมาใหม่ แกะกล่อง ติดตั้งเสร็จ ก็ขึ้นชั่งดู ผลที่ส่งมาในแอพพลิเคชั่นบอกว่า น้ำในร่างกายน้อยไป พอกดดูรายละเอียดก็เจอคำแนะนำตามปรกติว่าการเผาผลาญใช้น้ำเป็นองค์ประกอบนะ ถ้ากินน้ำไม่พอมีความเสี่ยงเป็นนิ่วด้วยนะ
ผมซึ่งปรกติกินน้ำวันละ 2–3 ลิตร ไม่คิดว่ากินเยอะกว่านี้จะมีประโยชน์คุ้มค่า ผมคิดว่าถ้าต้องลุกไปฉี่บ่อยกว่านี้ น่าจะไม่มีงานทำละ ผมก็เลยลองค้นคว้าดูว่าจะเพิ่มน้ำในร่างกายได้อย่างไรอีกบ้าง แต่ค้นเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
วันเวลาผ่านไปเป็นปี จนถึงเช้าวันพุธสุดท้ายของเดือนวันหนึ่ง มีฟิตเนสในตึกเดียวกันติดต่อมาจัดอีเวนท์ในออฟฟิศเรา ให้พวกเราไปวัดมวลกายและรับคำแนะนำจากโค้ชฟรี และแน่นอน มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนธรรมดาชาวออดส์มาให้เราด้วย
ช่วงเช้าคิวยาวมาก มีพี่ ๆ น้อง ๆ ไปต่อคิววัดมวลกายอย่างล้นหลาม ผมยุ่งกับงาน ก็เลยได้แต่ชะเง้อมอง แต่ไม่มีเวลาไปต่อคิว รอจนถึงช่วงพักเที่ยงที่ทุกคนไปกินข้าวกัน ผมก็อาศัยจังหวะนั้นไปวัดมวลกายดู
ผลออกมาค่อนข้างดี มีแค่มวลกล้ามเนื้อแขนทั้งสองที่น้อยไปหน่อย พร้อมทั้งน้ำในร่างกายที่น้อยไปนิดตามคาด โค้ชค่อย ๆ อธิบายค่าต่าง ๆ ให้ผมฟังทีละตัว จนมาถึงน้ำในร่างกาย คำถามที่คาใจผมมาตลอดว่า ”มันเพิ่มยังไงนะ?“ ก็กระจ่าง
น้ำในร่างกายที่น้อยไปเนี่ย เราไม่สามารถเพิ่มโดยการไปกินน้ำเยอะ ๆ ได้นะ เพราะ น้ำถูกกักเก็บอยู่ในกล้ามเนื้อ ถ้าเรามีมวลกล้ามเนื้อน้อย ก็เหมือนถังใบเล็ก ๆ ถึงจะเทน้ำลงไปมากมาย มันก็เก็บได้แค่นี้ ถ้าน้องเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ น้ำในร่างกายก็จะเพิ่มตามเอง — โค้ช
ถึงตอนนี้ผมก็ร้อง อ๋อ ดัง ๆ ในใจ สรุปแล้วสำหรับคนที่ดื่มน้ำเพียงพอแล้วแบบผม สามารถเพิ่มมวลน้ำในร่างกายด้วยการเพิ่มถังเก็บน้ำ ซึ่งก็คือมวลกล้ามเนื้อนี่เอง ใครจะไปคิดว่าพอร่างกายผมขาดน้ำ ให้แก้ด้วยการยกเวทนะ
ที่ผมเอาเรื่องนี้มาแบ่งปันเพราะ คำแนะนำจากแอพพลิเคชั่นว่า ”มวลน้ำไม่พอ กินน้ำเยอะ ๆ นะ“ ก็เหมือนคำแนะนำจากกูรูหลาย ๆ คนที่ผ่านหูเรามา คำแนะนำมันอาจจะเวิร์คสำหรับคน 80% ก็ได้นะ แต่ไม่มีอะไรทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราอยู่ใน 80% นั้น และไม่ว่าผมจะอยู่ใน 80 หรือ 20 การที่ผมตัดสินใจทำตามคำแนะนำนั้นเป็นความรับผิดชอบของผมเอง ทำให้นึกถึงคำของครูสอนใช้เสียง Vinh Giang ว่า…
มันอันตรายที่จะเชื่อว่าการฝึกจะทำให้คุณ perfect เสมอ ถ้าคุณฝึกสิ่งที่ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การฝึกจะทำให้สิ่งนั้นถาวร — Vinh Giang
วันนี้ผมก็ได้ซึ้งว่าทำไมคนถึงยอมจ่ายค่าตัว personal coach แพง ๆ เพราะเค้าไม่อยากได้คำแนะนำกลาง ๆ ที่เวิร์คสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่เค้าอยากได้คนที่คอยแนะนำว่าควรทนกับการฝึกแบบไหน และอะไรที่ไม่ต้องทนนี่แหละ
