สิ่งเร้าไม่เหมือนสาเหตุ
Stimulus vs. cause
ผมอ่านหนังสือ Nonviolent Communication แล้ว Marshall B. Resenberg ก็เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งหนึ่งที่เค้าได้คุยกับนักโทษชาวสวีเดนคนหนึ่งชื่อจอห์น
จอห์น: สามสัปดาห์ก่อนผมส่งคำขอให้ผู้คุม จนถึงวันนี้เค้ายังไม่ตอบอะไรผมเลย
MBR: ตอนสิ่งนี้เกิดขึ้น คุณรู้สึกโกรธมาก เพราะอะไร?
จอห์น: ก็เพิ่งบอกไปไง เค้าไม่ตอบผม!
MBR: เดี๋ยวก่อน แทนที่จะพูดว่า “ฉันโกรธเพราะเค้า…” ให้หยุด แล้วนึกว่าคุณบอกตัวเองว่าอะไร ถึงทำให้คุณโมโหขนาดนี้
จอห์น: ผมไม่ได้บอกอะไรตัวเอง
MBR: หยุด แล้วค่อย ๆ นึกช้า ๆ ฟังเสียงข้างในตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น
จอห์น: (หลังจากนั่งนึกเงียบ ๆ) ผมบอกตัวเองว่าพวกเค้าไม่เคารพมนุษย์ด้วยกันเลย พวดเค้าเป็นพวกเจ้าหน้าที่หน้าเนื้อใจเสือที่ไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง! พวกเค้าเป็นพวก…
MBR: ขอบคุณ พอละ ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าทำไมคุณถึงโกรธ เป็นเพราะความคิดแบบนี้แหละ
จอห์น: แต่คิดแบบนี้ผิดตรงไหน?
MBR: ผมไม่ได้บอกเลยว่าการคิดแบบนี้เป็นเรื่องที่ผิด สังเกตดูนะ ถ้าผมบอกคุณว่ามีอะไรผิดปรกติในตัวคุณที่คิดแบบนี้ ผมก็กำลังคิดแบบเดียวกันกับคุณ ผมไม่ได้บอกว่ามันผิดที่จะตัดสินใคร หรือจะเรียกใครว่าเจ้าหน้าที่หน้าเนื้อใจเสือ หรือจะตัดสินการกระทำของใครว่าไม่มีน้ำใจหรือเห็นแก่ตัว อย่างไรก็ตาม มันเป็นความคิดลักษณะนี้ของคุณที่ทำให้คุณโกรธมาก ๆ
ลองพยายามเพ่งความสนใจไปที่คามต้องการของคุณ คุณต้องการอะไรในสถานการณ์นี้?
จอห์น: (หลังจากเงียบอยู่นาน) มาร์แชล ผมอยากเรียนสิ่งที่ผมร้องขอไป ถ้าผมไม่ได้เรียนสิ่งนั้น มันแน่ยิ่งกว่าแน่ว่าผมจะต้องกลับมาติดคุกนี้อีกหลังจากพ้นโทษแล้ว
MBR: ตอนนี้ที่คุณเพ่งความสนใจไปที่ความต้องการ คุณรู้สึกอย่างไร
จอห์น: กลัวมาก
MBR: คราวนี้ลองไปใส่รองเท้าของผู้คุมดูนะ ถ้าผมเป็นนักโทษ แบบไหนที่ความต้องการของผมน่าจะได้รับการตอบสนองง่ายกว่า ระหว่างผมบอกคุณว่า
“เฮ้ ผมต้องการบทเรียนนั้นจริง ๆ และผมกลัวมาก ๆ ว่าอะไรจะตามมาถ้าผมไม่ได้เรียนสิ่งนั้น” หรือการเข้าหาคุณขณะที่มองคุณเป็นเจ้าหน้าที่หน้าเนื้อใจเสือ ต่อให้ผมไม่พูดออกไปแบบนั้นตรง ๆ สายตาผมก็จะเผยความคิดนั้นออกไปอยู่ดี แบบไหนที่ความต้องการผมน่าจะได้รับการตอบสนองง่ายกว่า
จอห์น: (มองพื้นแล้วไม่พูดอะไร)
MBR: เฮ้ย พรรคพวก เป็นอะไรไป
จอห์น: ผมเล่าไม่ได้
เมื่อเราหาความต้องการของตัวเองเจอ ความโกรธจะหลีกทางให้กับอารมณ์อื่น ๆ ที่ส่งเสริมชีวิต — MBR
สามชั่วโมงหลังจากนั้น จอห์นก็เข้ามาหามาร์แชลแล้วบอกว่า “มาร์แชล ผมหวังมาก ๆ ว่าคุณจะได้สอนสิ่งที่คุณสอนผมเช้านี้เมื่อสองปีก่อน ไม่งั้นผมคงไม่ต้องฆ่าเพื่อนสนิทผมตาย”
รากของความรุนแรงมาจากความเชื่อว่าคนอื่นเป็นสาเหตุของความเจ็บปวดของเรา พวกเขาจึงควรจะถูกลงโทษ — MBR
เมื่อผมแยกออกว่าการกระทำของคนอื่นเป็นเพียงสิ่งเร้าราวกับเป็นประกายไฟ ผมจะเห็นองค์ประกอบอีกครึ่งหนึ่งที่ผมใส่เข้าไป นั่นคือคำตัดสินของผม ที่ทำให้เกิดเพลิงที่ลุกไหม้ร้อนอยู่ในใจ พอมองเห็นแบบนี้ ผมก็จะรับผิดชอบกับความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกอะไรได้ มันเป็นมุมมอง เสียงในหัว สิ่งที่ผมยึดมั่นที่เป็นเชื้อเพลิง เป็นความร้อน เป็นองค์ประกอบที่เหลือที่เปลี่ยนประกายไฟเล็ก ๆ เป็นความทุกข์ร้อนในใจ
ผมบังคับให้คนอื่นหยุดสร้างประกายไฟไม่ได้ แต่ผมฝึกฝนที่จะมีความคิดที่ยืดหยุ่น ไม่ติดกับแนวความคิดใดความคิดหนึ่งของตัวเองได้ พอทำแบบนี้คล่อง ผมก็ควบคุมไฟในอกตัวเองได้ แล้วชีวิตผมก็สงบสุขมากขึ้น ๆ ตามการฝึกฝน