หมดไฟ

Chokchai Phatharamalai
odds.team
Published in
2 min readJan 10, 2019

ช่วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ให้นึกถึงช่วงที่ตัวเองเคยหมดไฟ ช่วงนั้นอาศัยอยู่หอพักพนักงานในที่ทำงาน ปั่นจักรยานจากหอพักไปถึงที่ทำงานใช้เวลา 7–10 นาที แล้วแต่ว่าปั่นเกียร์ไหน เกียร์ธรรมดา 10 เกียร์หมาก็ 7 :D

ช่วงนั้นทุกวันจะตื่นประมาณ 6 โมงครึ่ง เข้างาน 8 โมง ปรากฏว่าไปสาย… เวลาส่วนใหญ่เสียไปกับการนอนมองดูเข็มวินาทีของนาฬิกาเดินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับรวบรวมพลังใจที่จะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว

เวลาเป็นแบบนี้ ผมมักจะนึกถึงตอนไปสัมมนาที่ software park ครั้งนึง ประมาณ 7 ปีที่แล้ว มี CEO ของบริษัท Welath Management System Limited มาพูดให้ฟัง เค้าบอกว่า

สำหรับหัวหน้า วันที่เจ็บปวดที่สุด คือวันที่มือขวาของเราเดินมาบอกว่าจะลาออก ในเหตุการณ์แบบนี้ เรามักจะปลอบใจตัวเองว่า เค้าออกเพราะที่อื่นให้เงินเยอะกว่า แต่จริง ๆ แล้ว แม้เงินจะเป็น 1 ใน 4 เหตุผลยอดนิยมที่ทำให้คนลาออก แต่ใน 4 ข้อนั้น เงินเป็นลำดับ 4

เหตุผล 4 ลำดับที่ท่านแชร์ไว้มีดังนี้

  • 4. เงิน
  • 3. ความเป็นธรรม ถ้าคนทำงานรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม มันอยู่ยากมาก ไม่ว่าจะโดนกับตัวเอง หรือเห็นเพื่อนโดนก็ตาม
  • 2. การเติบโต ถ้าคนทำงานรู้สึกว่าทุก ๆ วันที่ทำงาน มันไม่มีความก้าวหน้า มันเหมือนย่ำอยู่กับที่ สักพักก็จะรู้สึกไม่มั่นคง แล้วก็อยู่ไม่ได้
  • 1. ไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณค่าอะไรกับองค์กร บ่อยครั้งเราพบคนที่ทำงานโดยเงินก็ไม่พอใช้ ความเป็นธรรมก็ไม่มี แววจะเติบโตก็ไม่เห็น แต่ขอแค่เค้ารู้ว่าแรงที่เค้าออกเพื่อทำงาน มันสร้างคุณค่าอะไรให้องค์กร เค้าก็จะอยู่ต่อ

ผมทำ self check 4 ข้อ แล้วก็น้ำตาร่วง ผมคิดว่านาทีทองของช่วงทำงาน คือช่วง 25–45 นี่แหละ ช่วงที่มีกำลัง, มีทุน, มี connection และยังไม่มีภาระมาก ผมให้คุณค่ากับเวลาแต่ละวันในช่วงวัยนี้มาก แต่ละวันที่ต้องทนอยู่แบบนี้มันแพงเกินไปจริง ๆ ผมเลยตัดสินใจไปบอกหัวหน้าที่เคารพว่าผมจะลาออก

หัวหน้าถามว่าสู้ไปด้วยกันจนสุดทางได้ไหม?

เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เพราะผมเคารพหัวหน้าผมหมดใจ มีครั้งนึง ผมเอาผลงานของผมให้คณะกรรมการตรวจ คณะกรรมการตรวจด้วยความหงุดหงิดมาก เพราะงานมันดูก็รู้ว่าเผามา มันไม่มีความเรียบร้อยเลย (และการที่งานมันถูกทำโดยคนที่หมดไฟ ไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้นเลย) จนมีกรรมการท่านนึง ทนไม่ไหว ถามขึ้นมาว่า ไอ้เอกสารนี้ใครทำ ผมคิดในใจว่า โดนแล้วกู ขณะที่กำลังจะเปล่งเสียงออกไปว่า ผมเอง ก็ตกใจ เพราะได้ยินคำว่า “ผมเอง” ออกมาจากข้าง ๆ ก่อนที่ผมจะทันพูดออกไป หันไปเห็นแววตาหัวหน้ากำลังเผชิญหน้ากับคณะกรรมการ แวบแรกงงว่าทำไมหัวหน้าถึงต้องโกหก และเสี้ยววินาทีต่อมาก็รู้สึกอุ่นใจ เพราะรู้ว่าเราได้รับการปกป้องแล้ว

ผมทิ้งหัวหน้าไปไม่ลง เพราะผมรู้ว่า ถ้าผมออกตอนนี้ ถึงอาจจะหางานที่เงินดีกว่านี้ได้ อาจจะได้ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีคนปฏิบัติกับเราอย่างเป็นธรรมกว่านี้ ได้เรียนรู้ฝึกฝนจนเติบโต แต่โปรเจคที่ผมทำมาเป็นปี จะต้องปิดตัวลง เพราะในโปรเจคนี้ มีแค่ผมกับหัวหน้ากันอยู่สองคน และถ้าผมออก ผมก็คิดไม่ออกว่าหัวหน้าจะเอาเวลาที่ไหนมาทำ เพราะผมเห็นอยู่ว่าภาระหน้าที่ที่ท่านถืออยู่มันก็ล้นมืออยู่แล้ว

สุดท้ายผมก็ทนอยู่จนโปรเจคนั้นมันปิดตัวลง ผมทนอยู่สภาพนั้นอยู่เกือบปีเห็นจะได้ และโปรเจคก็จบลงที่มันล้มเหลว เพราะมันไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ณ วันที่มันเสร็จ

ผมลองถามตัวเองว่าเสียดายเวลาไหม?

แวบแรกที่มันปิดตัวลงด้วยความล้มเหลว และมันก็มีงานปัดกวาดเช็คถูต้องทำหลังตัดสินใจพับโปรเจคอีก ตอนทำมันต้องใช้พลังใจเยอะมาก แต่แวบที่เสร็จแล้วผมก็ตอบตัวเองว่าไม่เสียดายเวลานะ เพราะถ้าย้อนเวลากลับไปวันที่หัวหน้าถามว่า อยู่ด้วยกันจนสุดทางได้ไหม ผมก็จะทำแบบเดิม เพราะ ผมทิ้งหัวหน้าไม่ลง ทิ้งเพื่อนร่วมงานไม่ลง ถ้าผมทิ้งไป แล้วคนที่เหลือเค้าจะอยู่กันยังไง?

เพราะผมจ่ายเวลาเกือบ 1 ปีตอนนั้น และผมจ่ายแบบนี้ทุกครั้งก่อนย้ายงาน ผมทำให้มั่นใจว่า ผมออกโดยไม่ทิ้งภาระไว้ข้างหลัง ผมบอกหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานอย่างโปร่งใส ตั้งแต่เริ่มหมดใจแล้วนะ จะเริ่มหางานใหม่แล้วนะ จะลาไปสัมภาษณ์นะ สัมภาษณ์ตกนะ สัมภาษณ์ผ่านเข้ารอบนะ ต้องตกลงกันแล้วว่าจะให้มาทำงานวันสุดท้ายวันไหน และผมก็ให้ความสำคัญกับเพื่อน ๆ ที่ทำงานเก่า มากกว่าโอกาสจากที่ทำงานใหม่มาตลอด คำที่ผมได้รับจากทุกที่ที่ผมเคยทำงานมา คือ ให้คิดว่าที่นี่เป็นบ้าน ประตูที่นี่จะเปิดต้อนรับผมเสมอ กลับมาได้ทุกเมื่อ

ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาหลายปีแล้ว ตอนนี้มาเป็นทีมโค้ช ตอนนี้เป็นตอนที่รู้สึกขอบคุณตัวเองมาก ๆ ที่ตัวเองในตอนเด็กตอนนั้นยอมทน เพราะทุกวันนี้ พอผมเห็นพฤติกรรมของคนในทีมเปลี่ยนไป ผมเข้าไปคุยด้วยแล้วได้รู้ว่าเค้าหมดไฟ ผมพบว่า ประสบการณ์ 1 ปีนั้นแหละ ที่เป็นกุญแจ ให้ผมเปิดเข้าไปในพื้นที่ของคนในทีมคนนั้น แล้วคุยเปิดอกกับเค้าได้ ถ้าไม่มีกุญแจนี้ ผมคิดไม่ออกเลย ว่าผมจะสนันสนุนเค้าได้อย่างไร

https://flic.kr/p/WvTx2g

เวลาที่เราเผชิญปัญหาหนัก ๆ ไม่รู้จะปรึกษาใคร เราก็จะนึกถึงเพื่อนคนที่เราคิดว่าเค้าอาจจะเข้าใจเรา แล้วก็โทรไปเล่าให้เค้าฟัง เวลาที่ไม่มีใครให้เล่าให้ฟัง ไม่มีใครที่จะมาเข้าใจเรา มันอึดอัดมาก มันโดดเดี่ยวมากด้วย มันทำให้เรารู้สึกอับจนหนทางจริง ๆ

ผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลย ว่า กุญแจนี้มีค่ากับผมมากขนาดไหน หลังจากที่ผมได้ใช้มันไขเข้าไปในพื้นที่ของเพื่อนที่กำลังลำบาก แล้วไปนั่งแก่วเป็นเพื่อนเค้าได้

ทุกวันนี้ เวลาที่เผชิญสถานการณ์หนัก ๆ วิธีหนึ่งที่ผมปลอบใจตัวเองคือ วันหนึ่ง ประสบการณ์นี้อาจจะกลายเป็นกุญแจที่มีความหมายก็ได้

ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากนะครับ ขอบคุณครับ!

--

--