เปลี่ยนใจไม่เหมือนประนีประนอม

Shift vs. compromise

Chokchai Phatharamalai
odds.team
1 min readAug 19, 2024

--

Photo by Ran Berkovich on Unsplash

บทความนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ย์ของ NVC key differentiations สำหรับคนที่ไม่รู้จัก key differentiations มาก่อน เล่าคร่าว ๆ คือของ 2 สิ่งที่เราต้องแยกออกจากกันให้ได้ เพราะด้านซ้ายจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสื่อสาร ส่วนด้านขวาจะทำร้ายความสัมพันธ์

สองสัปดาห์ที่แล้วผมได้ไป Odd-e family gathering ซึ่งเป็น 6 วันที่ Odd-e ทุกสาขาทั่วโลกจะมาพาครอบครัวมาประชุมกันที่ประเทศไทยเป็นเวลา 5 วัน และไปเที่ยวสวนน้ำกันอีก 1 วัน ผมโชคดีเพราะลูกเพื่อนชื่อนิกที่เป็นนักกีฬาเหรียญทองท่าผีเสื้อในรุ่นเยาวชน ผมเลยขอให้เขาสอนผมว่ายน้ำหน่อย โดยเฉพาะท่าฟรีสไตล์ที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นท่าที่ทั้งเหนื่อยและช้ามาก

นิกสอนได้ดีมาก โดยเฉพาะการเลียนแบบท่าว่ายที่ห่วยแตกของผม เทียบกับท่าที่ควรจะเป็น มันชัดขนาดที่ความรู้ฟิสิกส์ม.ปลายของผมก็เห็นได้ว่าท่าที่ควรมันจะเร็วกว่าเห็น ๆ ผลลัพธ์คือ ผ่านการฝึกครั้งแรก ผมว่ายเร็วขึ้น 20% ขณะที่ใช้แรงน้อยลง 10%

ระหว่างสัปดาห์ผมก็ฝึกเรื่อย ๆ ทุกเช้าเพราะอยากให้ร่างกายจดจำฟอร์มใหม่ให้ได้ ผมจะว่ายระยะสั้น ๆ เสร็จแล้วก็พัก เน้นให้ฟอร์มถูกเป็นหลัก แล้วค่อยเริ่มใหม่วนไป พอเริ่มเข้าที่ ก็ใช้แรงน้อยลงเป็น 20% ของท่าเดิม

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เช้าวันพฤหัสที่แล้ว ผมตื่นมาด้วยความอ่อนเพลียเพราะประชุมเลิกดึก ตื่นมาดื่มน้ำอุ่น นั่งชมอากาศเย็น ๆ แสงแดดอ่อน ๆ จิบกาแฟยามเช้า ฟังเสียงนกกระจอกร้อง ด้านหนึ่งก็อยากผ่อนคลายตรงนี้ต่อไม่ไปไหน อีกด้านก็รู้ว่านี่มันเลยเวลาจิบกาแฟ และมันถึงเวลาออกกำลังกายแล้ว ถ้าออกกำลังกายช้า เดี๋ยวกิจกรรมต่อ ๆ มาก็สายตามกันหมด

พอคิดว่าจะออกกำลังกาย วันนี้เป็นวันคาร์ดิโอ ผมกำลังเลือกว่าจะคาร์ดิโอแบบไหนดี ไอเดียหนึ่งที่แวบเข้ามาก็คือ “อยากฝึกว่ายน้ำ” เพราะตั้งแต่กลับมาจาก gathering ก็ไม่มีโอกาสได้ฝึกอีกเลย กลัวลืม

“โห แต่สายป่านนี่แล้ว กว่าจะไปถึง sport club ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ก็ไม่รู้ กว่าจะว่ายเสร็จ กว่าจะแต่งตัว น่าจะไปทำงานไม่ทันมั๊ง ทำคาร์ดิโอตาม YouTube อยู่ในบ้านดีกว่า” ผมคิดในใจ แล้วก็มีคิดเสียงหนึ่งแวบเข้ามาในหัว ที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจไปว่ายน้ำ เสียงนั้นคือ

แต่นี่เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ลูกปิดเทอมแล้วนะ ถ้าไม่ได้ไปวันนี้ พอต้องไปส่งลูกที่โรงเรียนยิ่งไม่มีโอกาสเข้าไปใหญ่

เปลี่ยนใจ เกิดจากการที่มีข้อมูล อารมณ์ หรือความคิดที่เปลี่ยน “มุมมอง“ ของเราไป หลังจากเห็นว่าเหลือโอกาสแค่สองเช้าเท่านั้นที่จะฝึกว่ายน้ำได้ ไม่งั้นจะต้องรอลูกปิดเทอมหน้าอีก 3 เดือน ผมก็คว้าชุดว่ายน้ำกับแว่นตากันน้ำแล้วพุ่งตัวไป sport club ใกล้บ้านทันที ไม่สนด้วยว่าจะอดอ่านหนังสือหลังออกกำลังกาย ตอนนั้นอ่านหนังสือมันก็ไม่สำคัญแล้ว ได้ฝึกว่ายน้ำเช้านี้สำคัญกว่า

ประนีประนอมคือทางเลือกกลาง ๆ ได้คาร์ดิโอนิดหน่อย ได้อ่านหนังสือแป๊บนึง ได้ความมั่นใจว่าจะไปทำงานทันอีกนิด ถ้าประนีประนอมเกิดในบริบทของคนหลายคน เราชอบเรียกว่าถอยคนละก้าว

ปัญหาของการประนีประนอมคือ เราได้เติมเต็มความต้องการของเราในทางเลือกนั้นนิด ๆ แต่มันไม่ฟิน มันยังโหยหาอยู่ เช่น ถ้าผมเลือกคาร์ดิโออยู่บ้านเช้านั้น ผมก็ยังโหยหาที่จะฝึกว่ายน้ำอยู่ ความกลัวลืมฟอร์มว่ายน้ำมันยังไม่หายไป

แต่พอมุมมองผมเปลี่ยนจากเช้าวันธรรมดาวันหนึ่ง เป็นสองเช้าสุดท้ายที่เลือกว่ายน้ำได้ ผมไม่เหลือความต้องการที่จะอ่านหนังสือแล้ว พร้อมเสี่ยงที่อาจจะไปทำงานสายด้วย

แล้วเช้านั้นผมก็ได้ไปว่ายน้ำสมใจ แล้วก็ไปทำงานทัน แถมหลังว่ายก็รู้สึกสดชื่น ความอ่อนเพลียจากจากที่นอนดึกเมื่อคืนหายไปหมดสิ้นเลย

สรุปแล้ว ความต่างระหว่างเปลี่ยนใจกับประนีประนอม คือ มุมมองที่เปลี่ยนไป ถ้ามุมมองเปลี่ยน อารมณ์และความรู้สึกก็จะเปลี่ยน แต่การประนีประนอม มุมมองไม่เปลี่ยน ก็เลยยังโหยหาความต้องการนั้นอยู่ เราแค่อดทนเฉย ๆ คล้ายกับตอนไดเอ็ทแล้วเจอของที่อยากกินแต่อดใจไว้แหละ เป็นการติดหนี้ความต้องการในอนาคต เราอาจจะทำได้ไม่ยั่งยืน ใครจะทนไปได้ตลอดกันหล่ะ

ที่ผมเอาเรื่องนี้มาแบ่งปันเพราะ ในองค์กรของเราที่มีแผนกหลากหลาย แต่ละหน่วยงานยึดถือคุณค่าที่แตกต่างกัน และทุกหน่วยงานล้วนจำเป็นกับความยั่งยืนขององค์กร

ด้วยคุณค่าที่แตกต่างกัน ไม่แปลกที่เราจะขัดแย้งกัน เห็นต่างกัน ถ้าเราสามารถสื่อสารความรู้สึกและความกังวลให้เราเข้าใจกันและกันได้ เราอาจจะเปลี่ยนใจให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันได้ ถ้าเรามีมุมมองเดียวกัน เราจะตัดสินใจไปในทางเดียวกันโดยไม่มีคำว่าแพ้ชนะ บางแผนกอาจจะเปลี่ยนใจละวางคุณค่าที่ฝ่ายตัวเองยึดถือชั่วคราวในการตัดสินใจครั้งนั้น ๆ เลยก็ได้ แต่ไม่ใช่เพราะยอม ไม่ใช่การแพ้ แต่เป็นข้อมูลและมุมมองใหม่ ทำให้เห็นพ้องว่าคุณค่าที่ฝ่ายตัวเองเคยยึดถือสำคัญน้อยกว่าในชั่วขณะนี้ ถ้ามองที่ภายนอก เช่นผลลัพธ์การตัดสินใจ อาจจะมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเปลี่ยนใจกับประนีประนอมเลย แต่ถ้าเรามองไปที่ความสัมพันธ์ เราจะมองเห็นว่า เปลี่ยนใจทำให้แต่ละฝ่ายเข้าใจมุมมองกันและกันมากขึ้น ขณะที่ประนีประนอมทำให้สนิทใจกันน้อยลง

บทความที่เกี่ยวข้อง

--

--