เพื่อน

Chokchai Phatharamalai
odds.team
Published in
1 day ago
Photo by Annie Spratt on Unsplash

ในปี 2009 ขณะที่ผมกำลังเรียนในมหาวิทยาลัย เช้าวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังรีบไปอาบน้ำเพราะมีนัดเต็มตารางทั้งวัน เช้ามีติวหนังสือกับเพื่อนคนหนึ่ง บ่ายมีนัดทำโปรเจ็คกับเพื่อนอีกกลุ่ม และเย็นก็มีเลี้ยงวันเกิดเพื่อนอีกกลุ่ม ระหว่างที่กำลังไปอาบน้ำก็ไม่ลืมที่จะหยิบการ์ตูนไปให้เพื่อนคนนึงยืมตามสัญญา ตอนอาบน้ำผมก็บ่นไปพลางว่า “วันนี้มียุ่งเป็นบ้า ตารางแน่นทั้งวันเลย” ขณะที่กำลังอาบน้ำสระผม ภาพของตัวผมในวัยเด็กเมื่อ 15 ปีก่อนก็ย้อนกลับมา

ตอนผมเข้า ป. 1 ผมเข้าเรียนช้า พอเข้าไปก็ไม่สนิทกับใครเลย เพราะเค้าจับกลุ่มกันหมดแล้ว ช่วงนั้นผมมักจะเล่นคนเดียวตอนพักเที่ยง

วันหนึ่งตอนพักเที่ยงที่อากาศสดใส ผมวิ่งแข่งกับลมอยู่คนเดียว ผมจะค้างอยู่ท่าเตรียมวิ่ง รอจนลมเย็น ๆ พัดมาโดนผิว ผมก็จะออกวิ่งสุดแรงแข่งกับลม คงไม่จำเป็นต้องบอกว่าผมแพ้ 3 ครั้งรวด ระหว่างที่ผมกำลังหอบหนัก เหงื่อโซมกาย ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วผมไปรอบ ๆ เห็นเด็กคนอื่น ๆ จับกลุ่มกันเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ไม่มีสักคนเดียวที่เล่นคนเดียวเหมือนผม ผมรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสดใสแล้วภาวนาในใจว่า “พระเจ้าครับ ผมอยากมีเพื่อนสักคน ขอแค่สักคนนึงก็พอ“

ตัดภาพกลับมาตอนกำลังอาบน้ำ ตอนนี้ผมถามตัวเองว่า “ในตอนนี้ฉันมีเพื่อนกี่คนแล้วนะ” แล้วก็นึกถึงหน้าเพื่อนมากมายก็พุ่งผ่านจินตนาการของผมเป็นร้อยคนในไม่กี่อึดใจ ผมต้องหยุดนับก่อนเพราะกลัวจะสาย แต่ผมก็ยิ้มไม่หุบระหว่างแต่งตัวผมได้รู้ตัวว่า ผมไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้นที่ไม่มีเพื่อนสักคนอีกต่อไปแล้ว

บ่อยครั้งที่ผมไขว่คว้า วิ่งไล่ตามความฝัน โดยลืมซาบซึ้งสิ่งที่ผมมีอยู่รอบตัว หลงลืมไปว่าสิ่งที่มีรอบตัวนี้คือสิ่งที่ผมเคยโหยหาเพียงใด บ่อยครั้งที่ผมค่อยซาบซึ้งคุณค่าของมันตอนจะเสียมันไปแล้ว

ที่ผมเลือกจะเล่าเรื่องนี้มาแบ่งปันกับคุณเพราะผมอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักกับฮีโร่คนหนึ่งของผม Nick Vujcic ชายที่ไม่มีแขน ไม่มีขา แต่มีโอบกอดที่อบอุ่นและกว้างขวางกว่าใคร ๆ ที่ผมเคยรู้จัก ชายที่สอนให้ผมรู้คุณค่าของการซาบซึ้งสิ่งที่เรามี เพราะมันสำคัญไม่น้อยไปกว่าการไล่ตามสิ่งที่เราขาด

ขอบคุณที่สละเวลาอ่านครับ

--

--