เมื่อเผชิญกับงานที่ยากลำบาก

ในการทำงานช่วงหลังๆ มานี้ มักจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก บ่อยครั้งที่รู้สึกเหนื่อย ท้อ รู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกอะไรหนักๆ อยู่ตลอดเวลา หนักสุดถึงกับอยากจะหนีออกไปให้ไกลๆ เลย ผมพบว่าสิ่งที่ช่วยให้ผมกลับมาอยู่ในร่องในรอยได้มากที่สุด ก็คือ ใบแจ้งหนี้ที่มาทุกสิ้นเดือน … ไม่ใช่สิ … The Responsibility Process ที่ไปเรียนมาเมื่อ 1–2 ปีที่แล้ว กับ ดร. Christopher Avery ครับ

The Responsibility Process

the-responsibility-process-poster

สำหรับใครที่ไม่รู้จักนะครับ The Responsibility Process เป็นงานวิจัยและ workshop ของ Christopher Avery, Ph.D. (https://responsibility.com/about-us/) ที่อธิบายถึง mental state ของคนเราทุกคน ให้เข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับพฤติกรรมและจิตใจของเราเมื่อมีเหตุการณ์ด้านลบมากระทบ แล้วทำไมเราถึงไม่แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และทำอย่างไรเราจึงมีความสามารถที่จะก้าวข้ามและรับผิดชอบต่อสิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าเดิม หรือจะพูดว่า เป็นคลาสที่ไปเรียนเพื่อให้มี ability to response (in a better way) ก็น่าจะได้ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ครับ https://responsibility.com/responsibility-process/)

ผมเคย run workshop สั้นๆ ให้ทีมที่ผมเคยไปเป็น Scrum Master ครั้งนึง และน้องเกตุสรุปเบื้องต้นไว้ได้ดีทีเดียว ลองอ่านกันดูได้ครับ https://srikate.medium.com/the-responsibility-process-เรื่องของคนอื่นล่ะเก่งนัก-ca0cc150deb3

อย่างไรก็ดี ผมอยากจะ share ประโยชน์ที่ผมได้รับจากสิ่งที่เรียนและฝึกมาครับ

Confront Moment

เครื่องมือที่ผมนำมาใช้บ่อยมากๆ คือ Confront หรือการเผชิญหน้ากับความกลัวของตัวเองต่อเหตุการณ์ที่เราอยากหลีกหนี ซึ่ง Confront มันเป็น moment ที่เรารับรู้แล้วว่าเราอยากหนี เราเบื่อ เราไม่อยากทำ เรากลัว

แต่ถ้าเราคงความรู้สึกนั้นไว้ (เผชิญหน้าต่อความรู้สึกโดยไม่ต้องคิดถึงทางออกหรือเหตุผลใดๆ) และ focus อยู่กับมันไปจนถึงจุดๆหนึ่ง เราจะเริ่ม ok กับความรู้สึกนั้นโดยที่มันจะไม่รู้สึกแย่ไปกว่านั้นอีก แล้วเราจะค่อยๆ ยอมรับมันได้ จิตใจของเราจะสงบลง และมีสติมากพอที่จะหาทางเลือก (choice) ได้ บนเจตนา (intention) ที่ดี

ซึ่ง Awareness, Confront, Intention เป็น key 3 อย่างของ The Responsibility Process

Scenario

ผมจะลองยกตัวอย่างเหตุการณ์ให้ฟังครับ

ตอนที่ผมเป็น Scrum Master ที่ต้องเข้าไปอยู่ใน Agile Project ที่มี ceremony แบบ Scrum แต่ fixed time, fixed scope โดยที่เปลี่ยนอะไรไม่ได้ (ครับ …เราทำ Scrum แต่ไม่ Agile) จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่ผมจะทรมานมาก เพราะมันขัดกับแนวทางที่เรารู้มาทุกอย่างเลย มันรู้สึกไร้พลัง เหนื่อย ท้อ และอยากกระโดดหนีที่สุด … แล้ว Responsibility Process ก็ลอยขึ้นมา…

พอถึงตรงนี้ ผมจะพอรู้ตัว (Awareness) แล้วว่า ดีที่สุดตอนนี้ที่ผมทำอยู่ มันก็แค่ “ทำตามหน้าที่” อารมณ์ประมาณว่าใครอยากทำอะไรก็ทำไป (มันคือ Obligation State) ซึ่ง moment นั้นแหละที่ผมจะพาตัวเองเข้าสู่ การเผชิญหน้า (Confront) โดย focus อยู่กับความรู้สึกนั้นให้เต็มที่ (เหนื่อย กลัว อยากหนี) และเมื่อถึงจุดนึง ความรู้สึกเหล่านั้นมันจะจางลงไป แล้วจังหวะนั้นผมก็จะมีสติกลับมาคิดว่า …

อะไรนะ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้น, เราเข้าใจรึยังว่า management เค้ากำลังแบกอะไรอยู่, ทำไมเค้าเลือกที่จะทำแบบนั้น, แล้วเป้าหมายเค้าคืออะไร” และที่สำคัญ คือ ผมจะช่วยอะไรเค้าได้บ้าง บนพื้นฐานของความรู้และความสามารถที่ผมมี

จุดนี้แหละที่เรียกว่า “Responsibility”

เมื่อ take Responsibility แล้ว เราก็จะก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีก 1 ก้าว ถึงแม้ว่าจะทำไปแล้วก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี (ซึ่งอาจจะต้องใช้ skill อื่นแก้ปัญหาต่อ) แต่อย่างน้อย ผมก็เอาชนะตัวเองและก้าวข้ามความรู้สึกด้านลบในใจไปได้อีก 1 ครั้ง

ต้องขอบคุณ ที่ Roof 44 Panichsombat ให้ไปเรียนครั้งนั้น ขอบคุณมากครับ ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วงงมากมายว่าผมพูดอะไร เดี๋ยวมีโอกาสจะเปิดสอนซัก 1 วันนะครับ 😁

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ 🙏

--

--