แปลกใหม่ != แตกต่าง

Jane.Makub
odds.team
Published in
1 min readJan 12, 2020

ท่องเที่ยว และเรียนรู้

ชีวิตผมได้มีโอกาสไปเที่ยว ที่เรียกว่าไปเที่ยวจริงๆ ครั้งแรกตอน ม.5 ผมได้ไปเที่ยวทะเลที่ชะอำกับเพื่อนๆหลังสอบเสร็จ และหลังจากนั้นก็ได้ไปเที่ยวอีกหลายๆที่ ต่อมาได้มีเริ่มโอกาสเปิดโลกแห่งการท่องเที่ยวในต่างแดนครั้งแรก คือสมัยที่ผมเรียนจบได้สองปี เพราะได้ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย หลังจากนั้นผมก็มักจะใช้โอกาสในการเดินทางไปทำงานในที่ต่างๆ เป็นนักท่องเที่ยวไปในเวลาเดียวกัน ทำให้ผมเข้าใจในความแปลกใหม่และ ความแตกต่างมากขึ้น และที่สำคัญผมพบว่ามันไม่เหมือนกัน

สำหรับผม การที่ได้เดินทางไปในสถานที่ไหนๆก็ตามในครั้งแรก เรามักจะรู้สึกตื่นเต้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวมันคือความแปลกใหม่ ทั้งคน สีผิว อาหาร ภาษา อากาศ สิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ และแน่นอนเราจะสนุก ตื่นเต้นกับความแปลกใหม่นั้นๆ ชีวิตการท่องเที่ยวของผมในช่วงแรก มักจะเรียกได้ว่า Check-in ตาม แบบฉบับนักเดินทางสมาชิกห้องบลูแพลนเนต มีการวางแผนทั้งสถานที่ กิจกรรม จุดถ่ายภาพ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ วางแผนถึงขนาดที่ว่าไปร้านไหนต้องสั่งอะไรรับบัตรคิวตรงไหน เรียกว่าแพลนเป็นนาทีต่อนาที เพื่อให้ไปได้ครบทั้งหมดภายในเวลาที่จำกัด ตอนนั้นผมรู้สึกเริงร่า และสนุกสนานไปกับความแปลกใหม่

เมื่อประสบการณ์การพบความแปลกใหม่สะสมมาสักระยะ ไม่ว่าจะไปที่ไหน เรามักจะอดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยง ความแปลกใหม่ กับ ประสบการณ์ที่ผ่านมาเช่น Sydney เหมือน San Fransisco ไต้หวันเหมือนญี่ปุ่น ฟิลิปินเหมือนไทย เป็นต้น สมัยที่ได้ไป San Francisco ครั้งแรก พี่รูฟเคยบอกว่านี่มัน Sydney หนิ และแน่นอนครับ ผมไม่เคยไป Sydney จนมาถึงวันนี้วันที่ผมได้มีโอกาสไปประชุมที่ Sydney ยอมรับเลยว่า สองเมืองนี้มีความคล้ายกันมากจริง ๆ และเมื่อเราเริ่มเชื่อมโยงความแปลกใหม่กับประสบการณ์ที่ผ่านมา มันจะไม่ใช่ความแปลกใหม่อีกต่อไป ต่อให้ได้ไปที่นั่นเป็นครั้งแรก ผมก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะสำหรับผมมันไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่
ถึงตรงนี้ผมมองว่าความแปลกใหม่ คล้าย dictionary เรามักจะเอาของที่เราเจอ เข้าไป สำรวจดูว่ามีในพจนานุกรมของเราแล้วหรือยัง ถ้ามีแล้ว มันก็ไม่ใช่ความแปลกใหม่ แต่ถ้ายังไม่มี มันถึงจะเป็นความแปลกใหม่

ไม่รู้ด้วยนิสัยของตัวเองหรือว่าเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อมันเริ่มไม่รู้สึกแปลกใหม่ เรามักจะใช้เวลา และความสนใจมากขึ้นในการมองหา ความแตกต่าง
การพยายามเชื่อมโยงยังเหมือนเดิมแต่ผมใส่ใจกับรายละเอียดของความแตกต่างมากขึ้น การท่องเที่ยวของผมไม่ใช่มาแค่ให้เห็นอีกต่อไป ผมใช้เวลาทำความเข้าใจว่าทำไม เค้าพูดแบบนี้ เรียนรู้การใช้ชีวิต การกิน การอยู่ การเดินทาง ในแต่ละที่ที่ได้ไป และมันเจ๋งตรงที่ ต่อให้ผมมาเที่ยว Sydney แต่มันกลับช่วยทำให้เข้าใจทั้ง Sydney และ San Francisco ไปพร้อมๆ กัน

ถึงตอนนี้การท่องเที่ยวผม เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ผมใช้เวลามหาศาลกับการ นั่งมอง เดินดู มากกว่านั่งวางแผนแล้วไปเก็บจุดต่างๆ ให้ครบ ผมมักจะนั่งมองมากกว่านั่งพัก มักจะเดินดูมากกว่าเดินหา และผมว่านั่นคือ ความแตกต่าง ของการเที่ยวในแต่ละแบบ และแน่นอน มันทำให้เรามีมุมมองที่ต่างออกไป

หลุดจากเรื่องเที่ยวออกมา ผมมองเห็นของคล้ายกันเกิดขึ้นในโลกของ Agile เมื่อมองย้อนไป สิบปีที่แล้ว ตอนที่ Agile เพิ่งเริ่มถูกพูดถึงในประเทศไทย ทุกองค์กรมองเห็นความแปลกใหม่ และสนุกสนาน ตื่นเต้นกับมันมากๆ อะไร ๆ ก็แปลกใหม่ไปหมด จนวันนี้ วันที่ Agile กลายไปเป็น Buzz Word ของไทยไปแล้ว

แต่เดี๋ยวก่อน !! ผมไม่ได้บอกว่าทุกองค์กรไม่รู้สึกแปลกใหม่กับ Agile นะ แต่ผมว่าวันนี้คือวันที่เราอยู่ระหว่างกลางช่วงการเปลี่ยนผ่านพอดี มันคือมีบางองค์กรที่รู้สึกไม่แปลกใหม่แล้ว และบางองค์กรที่ยังรู้สึกว่า มันแปลกใหม่มากๆ อยู่ สำหรับผมมันเป็นช่วงเวลาที่มีเสน่ห์ และเป็นช่วงที่ผมได้เรียนรู้ในฐานะ External Agile Coach มหาศาล เพราะผมเชื่อว่าเราจะมีวิธีการและมุมมอง ที่ต่างกันในตอนที่เรา รู้สึกแปลกใหม่ กับตอนที่เรารู้สึกแตกต่าง

“ขอให้เรียนรู้จากความแปลกใหม่ และสนุกกับความแตกต่างครับ”

--

--