.::Leading self ::.
เมื่อผมได้ไปเรียน Leading self ถ้าให้ผมแปลเป็นไทยตามที่ผมเข้าใจก็คือ นำทางตัวเอง
Class เรียนนี้ผมเจอใน Facebook แล้วก็เห็นว่า น่าสนใจดีนะ แต่ติดอยู่ว่า Class นี้เค้าสอนกันเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยว่าจะผ่านเลยไป แต่ว่า.. คุณจั๊วะ เพื่อนที่ผมชื่นชมคนนึงใน ODDS ชวนไปเรียน ซึ่งทำให้ผมตอบตกลงในทันที โอเคร ไปๆๆๆ
Class นี้ร่วมกันจัดโดย Odd-e Singapore และ Odd-e Thailandโดยมีผู้ถ่ายทอดคือคุณ Stanly Lau และคุณจั๊วะ ใช้เวลา 2 วัน อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆ เริ่มตั้งแต่ ให้เรารู้จักตัวเอง เคารพตัวเอง การลงลึกเข้าไปในเหตุการณ์ที่มีผลต่อจิตใจ การรับมือกับอารมณ์ต่างๆ แล้ว เป็นยังไงบ้างนะ ในสองวันนี้
เริ่มด้วยกันแนะนำกันเล็กน้อยพอให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเรียกชื่อกันถูก แล้วก็มาต่อด้วยการช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้ทุกคน สบายใจที่บอกเล่า ประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดีที่ผ่านมา ซึ่งเราจะเอากลับมาวิเคราะห์อีกครั้ง
ต่อด้วยการแนะนำให้เรารู้จักคุณค่าของตัวเอง และความสัมพันธ์ของสามสิ่ง ซึ่งแปรผันตามกัน
วันนี้ได้นั่งนิ่งๆ คิดถึงลมหายใจ คิดถึงตัวตน ตัวของเราเองได้ผ่อนคลายและปล่อยวางทุกสิ่ง นั่งนิ่งๆ สูดลมหายใจเข้าท้องป่อง กลั้นไว้ … แล้วปล่อยลมยาวๆทางปาก
ถึงจุดนี้ ผมเองรู้สึกว่าทำไมยิ้มแฮะ อาจเป็นเพราะด้วยงานทุกวันนี้ ที่ต้องสนใจกับทีม สนใจกับเวลา มีแต่ความเร่งรีบในแต่ละวัน ดูแลประคับประคองไม่ให้ร่างกายเจ็บป่วยโดยลืมนึกถึงการดูแลจิตใจ พอมีเวลาได้ นิ่ง ได้คิดถึงตัวเอง มันก็รู้สึกดีแฮะ ถ้าอ่านถึงตรงนี้ลองทำดูนะครับ
กิจกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นกลุ่มย่อย แชร์ประสบการณ์ที่เคยผ่าน ลองเอากลับมาวิเคราะห์อีกครั้ง ผ่าน 6 phase ของการเปลี่ยนแปลง ว่าเหตุมันคืออะไร ผลเป็นยังไง โดยก่อนที่จะเล่า ก็จะมีสอนเทคนิคการรับฟัง Active Listening ฟังอย่างไรให้มีคุณค่า สำหรับผมเอง จับใจความได้ว่า การตระหนักรู้และยอมรับ นั้นมันสำคัญจริงๆ
การตระหนักรู้ หรือรู้จักตัวตน ผมคิดเองว่ามันน่าจะคือคำว่า สติ ด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้เราประคองสติไว้ ใช้เวลาแยกแยะ เหตุ หรือต้นเหตุ คืออะไร ผลลัพธ์ เป็นอย่างไร
การยอมรับ ก็คือเมื่อตระหนักรู้แล้ว ว่าตัวเราในขณะนั้น เป็นอย่างไร เช่นถ้าเราโกรธอยู่ เราก็ยอมรับและเปิดใจ ไม่โกหกตัวเอง โกรธก็คือโกรธ มันก็คือของของเราทั้งนั้น อารมณ์ก็ของเรา ร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทางล้วนแต่เป็นของเราทั้งสิ้น เมื่อเรารับรู้และยอมรับได้แล้วทีนี้ก็รู้ตัวเองละว่าโกรธ ก็จะรู้ละว่าต้องทำยังไง ปรับยังไงให้อารมณ์มันลงมาได้ ถึงตรงนี้แล้วก็คิดไปถึงวิชาพระพุทธศาสนา ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คือความจริงอันประเสริฐทั้ง 4 ประการ หรือ “อริยสัจ 4”
ปิดท้าย : Class นี้เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ บางเวลานึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วรู้สึกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแต่ก็ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น บางกิจกรรมก็รู้สึกมีคำตอบ ว่าทำไมถึงได้ทำสิ่งนั้นลงไปในเวลานั้น บางเนื้อหาของ Class ต้องยอมรับว่า ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่า มันคืออะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คงต้องใช้เวลาย่อยความรู้ด้วยประสบการณ์ อีกเยอะเลย ส่วนตัวผมชอบ Class นี้ครับ จะได้คิดหาเหตุผลเรื่องร้ายในอดีต เพื่อตระหนักรู้ และป้องกัน ไม่ให้มันเกิดขึ้น สุดท้ายขอขอบคุณ คุณจั๊วะ มากมาย เลยครับที่ช่วยแปลภาษาและอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นมากๆ ,ขอบคุณ Stanly Lau ที่อธิบายให้เห็นที่ภาพชัด และขอบคุณ เพื่อนร่วม Class ทุกคนที่แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ตลอดทั้งสองวัน