Pong
odds.team
Published in
2 min readAug 9, 2023

--

.::Leading self ::.

เมื่อผมได้ไปเรียน Leading self ถ้าให้ผมแปลเป็นไทยตามที่ผมเข้าใจก็คือ นำทางตัวเอง

Leading Self : A personal growth workshop based on the teaching of Virginia Satir

Class เรียนนี้ผมเจอใน Facebook แล้วก็เห็นว่า น่าสนใจดีนะ แต่ติดอยู่ว่า Class นี้เค้าสอนกันเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยว่าจะผ่านเลยไป แต่ว่า.. คุณจั๊วะ เพื่อนที่ผมชื่นชมคนนึงใน ODDS ชวนไปเรียน ซึ่งทำให้ผมตอบตกลงในทันที โอเคร ไปๆๆๆ

Class นี้ร่วมกันจัดโดย Odd-e Singapore และ Odd-e Thailandโดยมีผู้ถ่ายทอดคือคุณ Stanly Lau และคุณจั๊วะ ใช้เวลา 2 วัน อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมต่างๆ เริ่มตั้งแต่ ให้เรารู้จักตัวเอง เคารพตัวเอง การลงลึกเข้าไปในเหตุการณ์ที่มีผลต่อจิตใจ การรับมือกับอารมณ์ต่างๆ แล้ว เป็นยังไงบ้างนะ ในสองวันนี้

คุณ Stanly Lau

เริ่มด้วยกันแนะนำกันเล็กน้อยพอให้ทุกคนได้รู้จักกัน และเรียกชื่อกันถูก แล้วก็มาต่อด้วยการช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้ทุกคน สบายใจที่บอกเล่า ประสบการณ์ที่ดีหรือไม่ดีที่ผ่านมา ซึ่งเราจะเอากลับมาวิเคราะห์อีกครั้ง

ต่อด้วยการแนะนำให้เรารู้จักคุณค่าของตัวเอง และความสัมพันธ์ของสามสิ่ง ซึ่งแปรผันตามกัน

สามเสาหลักต้นเหตุของความแปรปรวน

วันนี้ได้นั่งนิ่งๆ คิดถึงลมหายใจ คิดถึงตัวตน ตัวของเราเองได้ผ่อนคลายและปล่อยวางทุกสิ่ง นั่งนิ่งๆ สูดลมหายใจเข้าท้องป่อง กลั้นไว้ … แล้วปล่อยลมยาวๆทางปาก

ถึงจุดนี้ ผมเองรู้สึกว่าทำไมยิ้มแฮะ อาจเป็นเพราะด้วยงานทุกวันนี้ ที่ต้องสนใจกับทีม สนใจกับเวลา มีแต่ความเร่งรีบในแต่ละวัน ดูแลประคับประคองไม่ให้ร่างกายเจ็บป่วยโดยลืมนึกถึงการดูแลจิตใจ พอมีเวลาได้ นิ่ง ได้คิดถึงตัวเอง มันก็รู้สึกดีแฮะ ถ้าอ่านถึงตรงนี้ลองทำดูนะครับ

กิจกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นกลุ่มย่อย แชร์ประสบการณ์ที่เคยผ่าน ลองเอากลับมาวิเคราะห์อีกครั้ง ผ่าน 6 phase ของการเปลี่ยนแปลง ว่าเหตุมันคืออะไร ผลเป็นยังไง โดยก่อนที่จะเล่า ก็จะมีสอนเทคนิคการรับฟัง Active Listening ฟังอย่างไรให้มีคุณค่า สำหรับผมเอง จับใจความได้ว่า การตระหนักรู้และยอมรับ นั้นมันสำคัญจริงๆ

Satir’s Process : 6 phases ของการเปลี่ยนแปลง

การตระหนักรู้ หรือรู้จักตัวตน ผมคิดเองว่ามันน่าจะคือคำว่า สติ ด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นให้เราประคองสติไว้ ใช้เวลาแยกแยะ เหตุ หรือต้นเหตุ คืออะไร ผลลัพธ์ เป็นอย่างไร

การยอมรับ ก็คือเมื่อตระหนักรู้แล้ว ว่าตัวเราในขณะนั้น เป็นอย่างไร เช่นถ้าเราโกรธอยู่ เราก็ยอมรับและเปิดใจ ไม่โกหกตัวเอง โกรธก็คือโกรธ มันก็คือของของเราทั้งนั้น อารมณ์ก็ของเรา ร่างกาย การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทางล้วนแต่เป็นของเราทั้งสิ้น เมื่อเรารับรู้และยอมรับได้แล้วทีนี้ก็รู้ตัวเองละว่าโกรธ ก็จะรู้ละว่าต้องทำยังไง ปรับยังไงให้อารมณ์มันลงมาได้ ถึงตรงนี้แล้วก็คิดไปถึงวิชาพระพุทธศาสนา ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คือความจริงอันประเสริฐทั้ง 4 ประการ หรือ “อริยสัจ 4

ปิดท้าย : Class นี้เต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ บางเวลานึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วรู้สึกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแต่ก็ทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น บางกิจกรรมก็รู้สึกมีคำตอบ ว่าทำไมถึงได้ทำสิ่งนั้นลงไปในเวลานั้น บางเนื้อหาของ Class ต้องยอมรับว่า ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่า มันคืออะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คงต้องใช้เวลาย่อยความรู้ด้วยประสบการณ์ อีกเยอะเลย ส่วนตัวผมชอบ Class นี้ครับ จะได้คิดหาเหตุผลเรื่องร้ายในอดีต เพื่อตระหนักรู้ และป้องกัน ไม่ให้มันเกิดขึ้น สุดท้ายขอขอบคุณ คุณจั๊วะ มากมาย เลยครับที่ช่วยแปลภาษาและอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นมากๆ ,ขอบคุณ Stanly Lau ที่อธิบายให้เห็นที่ภาพชัด และขอบคุณ เพื่อนร่วม Class ทุกคนที่แบ่งปันประสบการณ์ต่างๆ ตลอดทั้งสองวัน

--

--