“Leading Self” — A personal growth workshop

BELL
odds.team
Published in
3 min readAug 22, 2023

เรียนรู้และเข้าใจตัวตนผ่านการฝึกฝนในแบบ Virginia Satir

Disclaimer: This blog post is based on my personal experiences and insights gained from the “Leading Self” workshop. The concepts discussed are interpreted through my lens and may vary for others.

ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วม Class “Leading Self” A personal growth workshop ที่จัดขึ้นโดย Odd-e Singapore และ Odd-e Thailand

ผู้ฝึกสอนคือคุณ Stanly Lau จาก Odd-e Singapore
และ พี่จั๊ว Chokchai Phatharamalai จาก Odd-e Thailand

ผมอยากจะแชร์สิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอด 2 วันที่ผ่านมาที่คิดว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน โดย Class จะเน้นการทำกิจกรรมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ มีการแชร์​ประสบการณ์และเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอ

และระหว่างที่ทำกิจกรรมเราจะได้ฝึก Appreciative Listening ไปด้วย ซึ่งสำหรับผมแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี รวมถึงการได้ฝึกทำสมาธิระหว่างการทำกิจกรรมต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่าเราได้กลับมาอยู่กับตัวเองและได้มีเวลาในการพิจารณาสิ่งต่างๆไปด้วย

Appreciative Listening

:: ใน Workshop นั้นผมได้เรียนรู้ การฟังอย่างตั้งใจเพื่อรับรู้คุณค่าของสิ่งนั้น ฟังแล้วอาจจะดูงงๆ ยากๆ แต่เมื่อผมได้เรียนรู้มันแล้ว ผมเชื่อว่าเราทุกคนสามารถฝึกฝนการฟังอย่างตั้งใจนี้ได้ และมันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆอีกด้วย เพราะเราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น เวลามีคนไม่สบายใจ ต้องการขอคำปรึกษาจากเรา หรืออยากมาระบายเรื่องราวในใจของเขากับเรา เป็นต้น

Appreciative Listening

ใน Workshop เราจะได้ฝึกการเป็นผู้ฟังตลอดเวลา ซึ่งส่วนที่ผมคิดว่ายากมากๆ มีอยู่ 2 เรื่อง นั่นคือ

  • เราต้องพยายามหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นหรือคำแนะนำที่เรามีออกมาในทันที (ในขณะที่เรากำลังฟังอยู่)
  • เราต้องพยายามฟังด้วยหูแล้วรับรู้ด้วยใจ เมื่อฟังเสร็จแล้วเราต้องพูดในสิ่งที่ได้รับฟังออกมาให้เป็นภาษาและเป็นไปตามความเข้าใจของเรา เพื่อที่จะได้รับรู้ว่าเราเองสามารถเป็นผู้ฟังที่เข้าใจผู้พูดได้ดีขนาดไหน

Resources

:: What is your superpower if you could have any?

เริ่มต้นด้วยคำถามที่น่าสนใจ “ถ้าเรามีพลังพิเศษได้ เราอยากจะมีพลังพิเศษอะไร?” ทุกๆคนใน Class ต่างก็แชร์คำตอบและเหตุผลของตัวเองออกมาได้อย่างสนุกสนาน

Resources

Determination, Choice, Curiosity, Awareness, Compassion, Acceptance, Courage, Wisdom, Hope and Change

จากรูป Stanly ได้ให้ทุกคนช่วยกันวาดภาพลงไปในแต่ละ Resources เพื่อแชร์ในสิ่งที่ตัวเองเข้าใจว่าภาพที่เราเห็นนั้นมันเป็นยังไง และเสริมอีกด้วยว่าสิ่งเหล่านี้คือพลังที่เราต่างทุกคนมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว และเราต่างหยิบใช้ในแต่ละสถาณการณ์ ที่แตกต่างกันออกไปโดยที่อาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว

Values

:: Workshop ทุกคนได้รับกระดาษคนละ 1 แผ่นที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ และให้เราเลือก Value ที่เรายึดถือหรือเราเชื่อมั่น

หลังจากนั้นทุกคนก็แชร์ Value กันออกมา พร้อมบอกเหตุผลว่าทำไมนะ… เราถึงยึดถือคุณค่าสิ่งนี้ หรือ ทำไมนะ… เราถึงเชื่อมั่นในสิ่งนี้

Values

Satir’s Process คืออะไรกันนะ?

:: มันคือ Process 6 phases ที่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้นผ่านแต่ละขั้นตอน ซึ่งทั้ง 6 ขั้นตอนนี้ ก็ถูกรังสรรค์ขึ้นมาแสดงให้เห็นผ่านกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นใน workshop ครั้งนี้

Satir’s Process
  1. Making Contact : การรับรู้ จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 รวมทั้งเสียงในหัวของเราที่เกิดขึ้น เช่น เรากำลังเริ่มโมโหขณะที่ขับรถอยู่
  2. Validating : Phase นี้ เป็นช่วงที่เราต้องนึกถึงและค้นหาคุณค่าที่ตัวเรายึดถือ เชื่อมั่น และเป็นสิ่งสำคัญของตัวเรา โดยที่เราได้ทำ Session เล็กๆ ใน Phase นี้เพื่อค้นหาคุณค่าของตัวเราเอง และแชร์คุณค่าเหล่านั้นให้คนอื่นๆได้รับฟังด้วยเหมือนกัน
  3. Facilitate Awareness : Phase นี้ เป็นส่วนที่น่าสนใจมาก เพราะเราจะได้พิจารณาตัวเองอย่างละเอียดและรอบคอบมากขึ้น จนทำให้เกิดการตระหนักรู้ถึงการกระทำของเรา สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา หรือแม้กระทั่งคำพูดที่เราพูดต่อผู้อื่น อันนำมาซึ่งการได้เรียนรู้ Defensive Behavior ว่าคืออะไร และเราจะหลีกเลี่ยงมันได้ยังไงบ้าง
  4. Promote Acceptance : หลังจากที่เราเกิด Awareness แล้ว เราจะเข้าสู่ Phase การยอมรับถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้น รับรู้ว่าตัวเรากำลังอยู่ในสภาวะไหน และเข้าใจในความต้องการของตัวเราเองจริงๆว่าต้องการอะไร เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลง
  5. Making Changes : เข้าสู่ Phase การสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งก่อนที่เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องเข้าใจคุณค่าของตัวเองเราเองให้ได้ก่อน โดยเราจะต้องตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างถ่องแท้ เข้าใจอารมณ์และการกระทำของตัวเอง ระมัดระวังเหตุการณ์ที่มันอาจจะกลายเป็น Defensive Behavior หลังจากที่เราเข้าใจมันแล้ว เราก็จะต้องยอมรับมันให้ได้ แล้วหลังจากนั้นเราก็จะสามารถมองเห็นทางเลือกได้มากขึ้น
  6. Reinforcing Change : Phase สุดท้าย คือการที่เราเลือกทางเลือกอันนำมาซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นควรต่อเนื่องและยั่งยืน ถึงจะเรียกว่า Satir’s Process ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Defensive Behavior

:: พฤติกรรมการป้องกันตัวเอง ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เราจะแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมาเพื่อปกป้องตัวเราเอง เมื่อเราเผชิญหน้ากับปัญหา ความเครียด แรงกดดัน ใดใดก็ตาม สิ่งต่างๆเหล่านี้มันจะเป็นกลไกที่ทำให้เราได้เรียนรู้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะจากเพื่อน ครอบครัว หรือ สภาพแวดล้อม

สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 Mode

  • Fight mode: เช่น การกล่าวโทษคนอื่น หรือ การพูดคำว่า “ก็คุณเป็นแบบนั้น หรือ ไม่เคยเป็นแบบนั้น หรือ คุณก็เหมือนกันนั้นแหละ” และ การทำร้ายร่างกาย
  • Flight mode: เป็นการโทษตัวเองตั้งแต่แรก การยอมรับความด้อยค่าของตัวเอง หรือ แม้แต่การเปลี่ยนเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น เช่น เปลี่ยนเรื่องคุยไปเลย หรือ แม้แต่การเดินหนีปัญหาไปเลยก็เช่นกัน
  • Freeze mode: เป็นการไม่รับรู้ไม่สนใจสิ่งๆใดเลย ไม่คิด ไม่รู้สึก และไม่พูดออกมา

คำถามคือถ้าเราเข้าใจตรงนี้และสามารถ สร้าง awareness ได้จะเกิดอะไรขึ้นนะ ?

เราสามารถหลีกเลี่ยงสถาณการณ์ที่อาจจะแย่ลงได้
ตระหนักถึงปัญหาหรือความรู้สึกที่เกิดขึ้น
และรับมือกับมันโดยที่ไม่เกิดความรุนแรง หรือ พยายามที่จะเข้าใจกันมากกว่าเดิม

“Life is not the way it’s supposed to be, it’s the way it is. The way you cope with it is what makes the difference”
Virginia Satir

Conclusion

Workshop นี้ ยังมีอะไรอื่นๆแฝงอยู่อีกมากมายที่ผมอาจจะไม่ได้นำมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านครบ แต่สิ่งที่ผมได้เลือกมาแชร์ และนำมาเขียนให้ทุกคนอ่านในนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าต่อผมเป็นอย่างมาก และเมื่อจบ Workshop นี้ ก็ทำให้ผมคิดได้ว่า “ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการที่ตัวเราเองได้เรียนรู้สิ่งต่างๆด้วยตัวเอง และสามารถเข้าใจตัวเราเองได้อย่างแท้จริง

--

--

BELL
odds.team

Software Engineer, Scrum Master Practitioner and Father of 4 Cats