Lego serious play แบบ รูฟๆ

Amorndej <Ko-Dookie>
odds.team
Published in
3 min readOct 21, 2019

เมื่ออาทิตย์ก่อน ได้มีโอกาส ไปงาน odds gathering ที่คลองโคน (พวกเราจัดกันทุกปี แต่เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ถ้าสงสัยว่า odds คือไร google ดูเลยครับ )

ในงาน มีกิจกรรม หนึ่งเรียกว่า open space ที่ให้ทุกคนใน odds อยากจะ แชร์อะไร อยากจะฟังอะไร หรือ อยากจะเข้าร่วมอะไร ก็จะจัด box เวลาให้ลงกัน เช่น เรื่อง Lego serious play แชร์ 9.00 -12.00 เป็นต้น (ใครเคยไปงาน agile thailand แล้วน่าจะนึกภาพออก แต่ถ้านึกไม่ออก ไปงาน agile thailand ฮะ!)

ภายในงานมี section หนึ่งที่น่าสนใจ คือ Lego serious play ของพี่รูฟ คือจริงๆ แล้วผมไม่ได้สนใจ ไอ้คำหลังอะไรเลยนะ “serious play” สนใจแต่คำว่า “Lego” มากกว่า เพราะ ไม่ได้ต่อมานานมากๆแล้ว อยากไปต่อๆ 555

และที่สำคัญ section นี้สอนโดยพี่ รูฟ หรือ พี่ Roofimon ของพวกเรานี่แหละ ด้วยที่ว่าเป็นเพราะแกสอนมันน่าจะมีอะไรดีผมเลยสนใจ แล้วก็เป็นไปตามนั้น “ของดีครับบอกเลย !!”

ในตอนแรกพี่รูฟ ได้ให้ เราวอร์มอัพก่อน โดยแกให้โจทย์มาว่า ลองคิดว่าในตัวเรามีจุดแข็งอะไร ให้ต่อมันออกมาให้เวลาในการต่อ model ประมาณ 5 นาที

ซึ่งพี่รูฟได้ให้ข้อคิดหนึ่งในการต่อ Lego แบบนี้ คือให้เราได้ลงมือทำก่อนแล้วค่อย ประติดประต่อ กับ สิ่งที่นึกคิด หรือ จินตนาการอีกที

เหมือนกับตอนทำงาน บางทีเรา อาจจะเห็นของ ที่เบลอๆ หรือ เทาๆ ไม่ 100% อยู่
แต่ถ้าเรามัวแต่กลัวไม่ลงมือทำซะที สุดท้ายงานก็ไม่ได้ทำ และงานก็ล่าช้าออกไปอีก

สุดท้ายแล้วผมก็ต่อออกมาเป็นรูปนี้

Abstract มั้ยละ 555 และพี่รูฟก็ให้อธิบายว่า ไอ้ที่เราต่อ มันคืออะไร งานเข้าละตรู!!เลย อธิบายไปเท่าที่คิดออกว่า

“ผมมีจุดแข็ง ที่เป็นคนใจเย็น ก็เลยมีร่มอยู่บนหัว และ สามารถให้คำปรึกษาใครหลายๆคนได้ เลยมีไอพ่น บินไปบินมา (มันเกี่ยวกันมั้ยวะ 😄)”

จากนั้นก็ให้เพื่อนๆในวงตั้งคำถามกันไปกันมาโดยมีกฎอยู่ว่าต้องตั้งคำถามภายใต้ model เท่านั้น พี่รูฟให้เหตุผลว่าเป็นการฝึกการตั้งคำถามและอธิบายเรื่องต่างๆ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้

แต่สิ่งที่มันสั่นพ้องผมมากมี่สุดในการต่อ Lego อีกอย่างหนึ่ง คือ ทำให้ผมเข้าใจถึงสัจธรรมเรื่องหนึ่งว่า มันไม่มีอะไร perfect ทุกอย่างหรอกบนโลกใบนี้

จะสังเกตุจาก Lego ตัวที่ผมต่อ มันจะมีหลากหลายสี ที่ไม่เข้าส่วนกันบ้าง บางอย่างเหลื่อมกันบ้าง

ซึ่งมันตอบคำถามเรื่องความ perfectionist ของผม ที่กล้าๆกลัวไม่ยอมทำอะไรถ้ามันยังไม่ดี หรือ ยังไม่พร้อม

เมื่อวอร์มเสร็จ ก็มาถึง section จริงซะที พี่รูฟได้ให้โจทย์พวกเราว่า ให้ต่อ lego ถึง 3 สิ่ง ที่สื่อถึงความเป็น odds ให้เวลาประมาณ 5 นาทีเหมือนเดิม

พวกเราก็เริ่ม discuss กันในเรื่องของความเป็น odds และสุดท้ายก็ต่อได้ออกมาตามภาพ

ซึ่งสรุปควาเป็น odds ออกมาได้ดังนี้

1. พวกเราเป็นครอบครัว
เราใด้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เราอยู่ด้วยกันมานานกันซักระยะนึงแล้ว บางคนก็เคยร่วมงานกันมาก่อน จึงคิดว่าพวกเรามีความกลมเกลียวกันมาก สนิทกันทุกเรื่อง บางทียิ่งกว่าเพื่อน มันน่าจะเป็นครอบครัวได้ละ ก็เลยต่อออกมาเป็นคนกลุ่ม เยอะๆตามรูป

2. พวกเราเป็นนักแก้ปัญหา
ส่วนใหญ่แล้วพวกเราชอบแก้ปัญหาไม่ว่าจะใน odds เอง หรือ กับลูกค้า ใน model เราจึงมีลูกค้าอยู่หน้าบ้าน พร้อมที่จะเปิดรับ ลูกค้าเพื่อช่วยแก้ปัญหาเสมอ

3. พวกเราศึกษาสิ่งใหม่ๆเสมอ
เท่าที่สังเกตุ พวกเราชาว odds ชอบเล่นของใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา พูดให้สวยงามคือ เราพัฒนาตัวเองอยู่เสมอนั้นเอง lego ที่ต่อออกมาเลยเป็นพวกเรา มองออกไปนอกหน้าต่างมองหาสิ่งใหม่ๆ เสมอ

พอเราต่อเสร็จ พี่รูฟ ก็ได้เชิญ commentator มาถามคำถาม ซึ่งก็เป็น พี่เจน และน้องๆ อีกสองคน ซึ่งมีกฎอยู่ว่า ให้ถามคำถามภายใต้ model ที่ต่อเท่านั้น

พวกเราก็ได้ present model ตามที่ผมบอกไปด้านบน commentator ก็ถามคำถามหลายอย่างเราก็ช่วยกันตอบ( ผมจำไม่ได้ละว่าถามว่าอะไรบ้าง ต้องขออภัย 😜)

พอจบ section นี้ พี่รูฟ ก็ได้ให้โจทย์ต่อมาคือ ให้ต่อ lego ถึง 3 สิ่งที่คิดว่าเป็นปัญหาของ odds ซึ่งพวกเราก็ต่อมาได้รูปนี้

ปัญาหา 3 อย่างที่พวกเราคิดกันคือ

1.ความเข้าใจของพวกเรากับลูกค้าในบ้างเรื่องยังไม่เท่ากัน สังเกตุได้จาก ตัวต่อ ที่มีสีโทนใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว ยังมีความสูงต่ำไม่เท่ากันอยู่

2.ในบางทีพวกเรา respone ค่อนข้างช้าในการถาม-ตอบเรื่องใหญ่ๆ เช่น ใครจะเอาเตาปิ้งบ้างในงานนี้(odds gathering 2019) กว่าจะสรุปได้ก็ปาเค้าไปงานจะเริ่มละ 555 และ ก็เรื่องการตัดสินใจในบางอย่าง พวกเราเลยต่อออกมาเป็นรูปนาฬิกา เพื่อสื่อ ถึงเวลาที่สูญเสียไป

3.เนื่องจากปัจจุบันคนของเราเยอะขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เลยรู้สึกว่าในบางทีพวกเรา sync กันน้อยไปหน่อย ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือ เรื่องอื่นๆ พวกเราเลย ต่อ ออกมาเป็น model สะพานแคบๆ และ อยู่ ไกลกัน

หลังจากต่อเสร็จ เช่นเคย พี่รูฟก็เชิญ commentator มาดูและซักถาม พวกเราก็เปลี่ยนกันอธิบายเพื่อจะได้ฝึกการอธิบายไปด้วย พอจบการอธิบายและตอบคำถาม พี่รูฟก็ได้ให้โจทย์สุดท้ายของพวกเรามา ซึ่งเป็นโจทย์ที่ผมชอบมากคือ

เราจะ refactor ปัญหา 3 อย่างของเรา ให้ออกมาในรูปแบบ model ใหม่ ได้อย่างไร

โอ้โห!! ไม่ง่ายเลยแต่น่าสนุกมาก พวกเราคุยกันพักใหญ่และสุดท้ายก็ต่อออกมาเป็นไปตามรูปนี้ครับ

ผมขอแบ่งเป็น 3 ส่วน จากการแก้ปัญหา 3 ข้อ ดังนี้ครับ

ส่วนที่ 1 : จากที่เราเกิดปัญหาความเข้าใจของเรากับลูกค้าที่ไม่เท่ากัน
-จาก model เรา refactor ให้ลูกค้ามาอยู่ในบ้านของเราเลย และ ปรับความเข้าใจของเรากับลูกค้าให้ตรงกัน

ส่วนที่ 2 : จากที่เราเกิดปัญหาเรื่อง respone ในเรื่องต่างๆของพวกเราค่อนข้างช้า
-จาก model จะสังเกตุเห็นว่าเรามีกรอบสี่เหลี่ยมตรงนาฬิกาเพิ่มขึ้นมา ซึ่งสื่อถึงว่า ต่อไปเราจะกำหนด Time box ในการตอบคำถาม หรือ response ในเรื่องต่างๆ ของพวกเรา

ส่วนที่ 3: จากที่เราเกิดปัญหาที่เรา sync กันน้อยไปและไม่ค่อยได้เจอกัน
-จาก model ก่อนหน้า เราเอาสะพานเข้ามาอยู่ในบ้าน และทำให้มันสั้นลง เพิ่มขนาดให้สะพานกว้างขึ้น สื่อถึงว่า ต่อไปพวกเราจะเจอกันมากขึ้นและบ่อยขึ้นนั้นเอง

เช่นเคย พี่รูฟเชิญ commentator มาดูและซักถาม จึงเกิดส่วนเพิ่มเติมในการ refactor ขึ้น

ส่วนเพิ่มเติม: เนื่องจาก พี่เจน commentator ของเรา ได้ถามว่า

ทำไม ตัวการ์ตูน ของพวกเรามันหันกันคนละทิศละทางเหมือนไม่คุยกันนะ

พวกก็มาฉุกคิด เออจริงหวะ เราก็เลย refactor model ให้ตัวการ์ตูนมันหันห้าเข้ากัน เพื่อสร้างสรรค์ อะไรบางอย่าง 555

สุดท้ายพวกเราก็ได้ Odds model ของปีนี้ไปตั้งที่ฐาน (Geeky Base ) เพื่อให้ทุกคนได้ดูว่า สิ่งที่พวกเราจะเป็น พวกเราจะทำ ในปีนี้มันคืออะไร

ซึ่ง ดูจาก Lego ที่พวกเราต่อกัน มันชัดเจนมาก 👏

ส่วนตัวผมแล้ว ได้ประสบการณ์อันล้ำค่า รวมถึงข้อคิด และแรงบันดาลใจมากมาย หนึ่งในนั้นคือ
การได้กลับมาเขียน blog เนื่องจากเมื่อก่อนผมไม่ค่อยชอบเขียน blog เพราะคิดว่า กลัวจะเขียนออกมาไม่ดี เขียนออกมาไม่มีคนอ่าน กังวล นู่น นี่ นั่น ไปหมด
แต่ตอนนี้ ผมไม่กลัว และ ผมไม่มีความกังวลใดๆแล้ว เพียงแค่จับ keyboard แล้วก็พิมพ์ เดี๋ยวมันก็มาเอง 😃

พูดได้ว่า section นี้ ของพี่รูฟ “มันเปลี่ยนชีวิตผม”

แล้วเราจะไปวิ่ง Full marathon ด้วยกันนะฮะ พี่ รูฟ 😁🤘
(มันเกี่ยวกันมั้ยเนี๊ย…… 5555)

ป.ล. ถ้าผมลืมอะไรตรงไหนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย กว่าจะได้เขียนก็ผ่านมาหลายวันละ มันก็มีหลงๆลืมๆ บ้างนะ 😜

--

--

Amorndej <Ko-Dookie>
odds.team

เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ ที่ไม่ World Class แค่ทำทุกวันให้มีความหมายก็พอ 😉