Shu Ha Ri
วันหนึ่งผมฟังอัยซึ่งเป็นน้องในทีมเล่าว่ากำลังเริ่มกินคีโต โดยลดแป้งลง และเพิ่มไขมันเข้าไป
ผมฟังแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยแนะนำให้น้องไปตรวจเลือดไว้ก่อนเริ่มปรับการกิน ผมรู้สึกได้ว่าความเป็นห่วงผมออกทางแววตาเลย แล้วน้องอัยก็ไปหาที่ตรวจเลือดตามที่ผมแนะนำ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ บ่ายของวันพฤหัสวันหนึ่ง น้องเอาผลเลือดมาให้ดูพร้อมสีหน้ากังวลนิด ๆ ผมเห็นค่าเลือดไม่ค่อยดี บางค่าสูง ๆ ต่ำ ๆ และถูกมาร์คด้วยตัว H(igh) และ L(ow) บ้าง ดูเหมือนคนกิน หวาน มัน และยูริคสูงหน่อย ๆ มีโอกาสเป็นเก๊าท์นิด ๆ แต่ไม่ได้แย่มาก
ผมถามน้องว่า…
จั๊วะ: ทำไมอยากลองกินคีโตเหรอครับ
อัย: ผมอยากลองฝึกให้ร่างกายใช้ไขมันบ้างครับ
ผมอธิบายให้น้องฟังว่าช่วงแรกที่เริ่มเปลี่ยนมาใช้ไขมัน สุขภาพมันจะแย่ลงก่อนนะเพราะร่างกายยังขยันสะสมพลังงานอยู่ ก่อนที่มันจะดีขึ้นและเริ่มเผาผลาญมากขึ้น ฉะนั้นเราต้องเคร่งครัดมากที่จะไม่กระตุ้นอินซูลินเลย มากพอที่จะทำให้สุขภาพที่เสียไปกลับมาดีเท่ากับก่อนจะเริ่ม แล้วถึงจะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้
ไม่งั้นความพยายามจะเป็นการทำร้ายร่างกายตัวเองเฉย ๆ
วันศุกร์หลังจากนั้น ทีมก็ไปเที่ยวจังหวัดราชบุรีด้วยกัน ระหว่างไปเที่ยว ผมเห็นอัยเคร่งครัดกับการกินมาก ไปร้านก๋วยเตี๋ยวก็กินแต่เกาเหลา ไม่แตะพวกขนมหวาน ข้าวต้มมัดเลย ตัวผมเองที่วางแผนออกคีโตก่อนไปเที่ยวแล้วกินดะทุกอย่างถึงกับเขินเลย
แล้วผมก็ได้ตระหนักว่า จริง ๆ แล้ว พฤติกรรมการกินของผมตอนนี้ เหมือนที่อัยทำก่อนหน้านี้จนผมเป็นห่วง แล้วชวนให้อัยไปตรวจเลือดเป๊ะเลย
สิ่งที่แตกต่างกันคือ ระยะเวลาที่ร่างกายเราสองคนใช้เพื่อสลับโหมดพลังงานจากใช้น้ำตาลเป็นไขมัน ของอัยอาจจะอยู่ที่สองสัปดาห์ ขณะที่ผมอยู่ที่ 2–3 วัน ถ้าจะวัดระดับ เรียกว่าร่างกายอัยใช้ไขมันได้ในระดับลูกศิษย์ที่กำลังฝึกฝน ส่วนร่างกายผมเหมือนร่างกายที่ฝึกฝนมาจนจบจากสำนักแล้วก็ได้
จิตใต้สำนึกเรียนรู้ช้ากว่าจิตสำนึก
ต่อให้เราตัดสินใจในหัวแล้วว่าเราจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากไขมัน แต่ร่างกายเราอาจจะปรับตัวตามไม่ทัน
ในเทควันโดจะมีหลักการเรียกว่า Shu Ha Ri โดย Shu คือ ลูกศิษย์ มีหน้าที่ทำตามกฏที่อาจารย์สั่งมาอย่างเคร่งครัด Ha คือ คนที่จบจากสำนัก กำลังออกไปท่องยุทธภพ มีหน้าที่แหกกฏ ตอนไม่มีอาจารย์มาคอยบังคับแล้ว เพื่อจะได้เข้าใจถึงเหตุผลว่ากฏแต่ละข้อทำไปทำไม และ Ri คือระดับอาจารย์ เป็นคนที่เลือกเองว่าจะตั้งกฏอะไรบ้างสำหรับสำนักของตัวเอง
สำหรับร่างกายที่ยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนในเลเวล Shu มันอันตรายที่จะไปเลียนแบบพฤติกรรมของร่างกายในเลเวล Ha หรือ Ri
คนฝึกกินคีโตใหม่ ๆ เวลาผมถามว่าร่างกายเริ่มดึงไขมันมาใช้ยัง คำตอบส่วนใหญ่คือไม่รู้เหมือนกัน ด้วยความที่เรารู้จักร่างกายตัวเองต่างกัน ความสามารถในการสังเกตและติดตามกระบวนการของสิ่งที่เราหยิบใส่ปากจนกลายเป็นพลังงานมันต่างกันมาก คนในเลเวล Shu ที่ควรเน้นความปลอดภัย จึงไม่ควรลอกพฤติกรรมคนในเลเวล Ri ที่เน้นความคล่องตัว
กรอบที่ดูเหมือนจะขวางกั้นเราจากอิสรภาพมากมายที่เราใฝ่ฝัน จริง ๆ มันก็ปกป้องเราอยู่ด้วยเช่นกันนะ
ที่ผมเลือกเรื่องนี้มาแบ่งปันเพราะ ผมพบว่าบทเรียนนี้มันใช่ได้กับทุกการฝึกฝนเลย ไม่ว่าจะเป็นทักษะใด ๆ รวมถึงทักษะการใช้ชีวิต วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าตอนเด็ก ๆ เวลาผมถามพ่อแม่ว่า…
จั๊วะน้อย: ทำไมผมทำสิ่งนี้ไม่ได้ แล้วพ่อทำได้อ่ะ
พ่อ: มันไม่เหมือนกัน รอโตอีกหน่อยลูกก็จะเข้าใจเอง
รอมาตั้งสามสิบกว่าปี เพิ่งเข้าใจ 🤣
Credit
อัยที่แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องการคุมอาหารกับผม ทำให้ผมได้ตระหนักรู้บทเรียนนี้ของการโค้ช ผมชัดเจนแล้ว ว่าคุณค่าของคนเป็นโค้ชอยู่ที่การคอยบอกว่าความยากลำบากไหนปลอดภัยให้ทนต่อไป และความยากลำบากไหนอันตราย ให้หยุดนี่แหละ