Discipline ต่อไปจากหนังสือ The Fifth Discipline คือเรื่อง team learning หรือ การเรียนรู้แบบ “ทีม” แต่สิ่งแรกที่อยากจะเขียนถึงคือ ทีม จากนิยามของหนังสือเล่มนี้คืออะไร ในบริบทของหนังสือ “The Fifth Discipline” ของ Peter Senge คำว่า “ทีม” ไม่ได้หมายถึงแค่กลุ่มคนที่มาทำงานร่วมกัน แต่มันคือกลุ่มที่มีความสามารถในการบรรลุผลสำเร็จที่เหนือกว่าสิ่งที่สมาชิกแต่ละคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
It’s a collective entity capable of achieving results far beyond what its members could accomplish individually.
คุณลักษณะสำคัญของทีมในบริบทนี้คือความสามารถในการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของทีม ซึ่งเกี่ยวข้องกับวางเป้าหมายให้ตรงกันและพัฒนาศักยภาพของทีมเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่สมาชิกต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดได้ทุกคนในทีมต้องมีความสามารถในการสื่อสาร มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีการคิดเชิงระบบ และความเต็มใจที่จะท้าทายรูปแบบความคิดเดิม ดังนั้น “ทีม” ใน The Fifth Discipline สามารถนิยามได้ว่า:
- กลุ่มคนที่มีความมุ่งมั่นต่อวิสัยทัศน์ร่วมกันและเป้าหมายร่วมกัน
- กลุ่มที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการเรียนรู้ของทีม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและบรรลุผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา
- เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดขององค์กรแห่งการเรียนรู้ ที่รวบรวมหลักการของการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจที่หลายๆครั้งที่ทีมถูกมองว่ามีความสำคัญมากกว่าบุคคลในแง่ของการเรียนรู้ ด้วยเหตุผลหลายประการ:
- ความหลากหลายของมุมมอง: ทีมนำบุคคลที่มีภูมิหลัง ประสบการณ์ และชุดทักษะที่แตกต่างกันมารวมกัน ความหลากหลายนี้สร้างกลุ่มความรู้และมุมมองที่หลากหลายยิ่งขึ้น ช่วยให้ทีมสามารถสร้างสรรค์แนวทางแก้ไขที่สร้างสรรค์และแนวคิดนวัตกรรมใหม่ๆ ได้มากกว่าที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งจะทำได้ด้วยตัวเอง
- การทำงานร่วมกัน: ผ่านการทำงานร่วมกันและการโต้ตอบ ทีมสามารถบรรลุ synergy ซึ่งความพยายามรวมกันนั้นมากกว่าผลรวมของการมีส่วนร่วมของแต่ละบุคคล กระบวนการทำงานร่วมกันนี้ส่งเสริมการเรียนรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เนื่องจากสมาชิกในทีมได้สร้างจากแนวคิดและข้อมูลเชิงลึกของกันและกัน
- ความรับผิดชอบร่วมกันและความรับผิดชอบ: ในสภาพแวดล้อมของทีม สมาชิกจะร่วมรับผิดชอบในการเรียนรู้และบรรลุเป้าหมาย สิ่งนี้ส่งเสริมการสนับสนุนซึ่งกันและกันและความรับผิดชอบ กระตุ้นให้แต่ละคนมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และเรียนรู้จากจุดแข็งและจุดอ่อนของกันและกัน
- การแก้ปัญหาและการตัดสินใจที่ดีขึ้น: ปัญหาที่ซับซ้อนมักต้องการแนวทางที่หลากหลายซึ่งได้รับประโยชน์จากมุมมองที่หลากหลายและการแก้ปัญหาร่วมกัน ทีมต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากสติปัญญาร่วมกันเพื่อวิเคราะห์ปัญหาจากมุมต่างๆ ระบุแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ และตัดสินใจอย่างรอบรู้
- การพัฒนาทักษะและการถ่ายทอดความรู้: การทำงานเป็นทีมเปิดโอกาสให้บุคคลได้พัฒนาทักษะที่จำเป็น เช่น การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน ภาวะผู้นำ และการแก้ไขข้อขัดแย้ง นอกจากนี้ สมาชิกในทีมยังสามารถเรียนรู้จากกันและกันผ่านการแบ่งปันความรู้และการให้คำปรึกษา
แม้ว่าการเรียนรู้ส่วนบุคคลจะมีความสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อเราต้องเผลชิญกับปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนขึ้น ทีมที่ทรงพลังและมีความสมารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว จะสามารถใช้ประโยชน์จากสติปัญญาร่วมและมุมมองที่หลากหลายของกลุ่ม บรรลุผลลัพธ์ที่เหนือกว่าสิ่งที่บุคคลสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามการพัฒนาทีมเองก็มีลำดับขั้นตอนของการเติบ แม้ว่าหนังสือ “The Fifth Discipline” จะไม่ได้กำหนดระดับหรือประเภทของทีมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่มันก็บ่งบอกความก้าวหน้าในการพัฒนาทีมจากความสามารถของทีมในการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เราสามารถอนุมานระดับของทีมต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้:
- Pseudo-Teams (ทีมหลอก): เหล่านี้เป็นกลุ่มบุคคลที่อาจทำงานร่วมกันแต่ขาดวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสื่อสารแบบเปิด และความสามารถในการเรียนรู้ร่วมกัน พวกเขามักประสบกับความขัดแย้งและทำงานได้ต่ำกว่าศักยภาพของพวกเขา
- Potential Teams (กลุ่มที่มีศักยภาพจะเป็นทีม): ทีมเหล่านี้มีวิสัยทัศน์ร่วมกันและตระหนักถึงคุณค่าของการเรียนรู้เป็นทีม แต่พวกเขายังคงพัฒนาทักษะและแนวปฏิบัติที่จำเป็น พวกเขาอาจประสบปัญหาในการสื่อสารแบบเปิด การตั้งคำถามในการท้าทายรูปแบบความคิด และการจัดแนวการทำให้ไปแนวทางเดียวกับวิสัยทัศน์ของพวกเขา
- Real Teams (ทีมจริง): ทีมเหล่านี้เชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการเรียนรู้เป็นทีม รวมถึงมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน การสื่อสารแบบเปิด การคิดเชิงระบบ และความสามารถในการท้าทายรูปแบบความคิด พวกเขามีประสิทธิภาพสูง มีนวัตกรรม และปรับตัวได้ บรรลุผลลัพธ์ที่เหนือกว่าความพยายามของแต่ละบุคคลอย่างสม่ำเสมอ
- High-Performing Teams (ทีมที่มีประสิทธิภาพสูง): เหล่านี้เป็นทีมพิเศษที่ไม่เพียงแต่เก่งในการเรียนรู้เป็นทีมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกถึงจุดมุ่งหมายและความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งต่อวิสัยทัศน์ร่วมกันของพวกเขา พวกเขาทำงานในระดับสูงของ synergy และมีความสามารถในการบรรลุผลสำเร็จที่ไม่ธรรมดา
โดยสรุป หนังสือเล่มนี้แนะนำว่าทีมต่างๆ สามารถพัฒนาและเติบโตเต็มที่เมื่อเวลาผ่านไป จากการรวมตัวของบุคคลไปสู่พลังรวมที่ทรงพลังผ่านการฝึกฝนการเรียนรู้เป็นทีม เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งบรรลุผลลัพธ์ที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กรขนาดใหญ่