THE RESPONSIBILITY PROCESS

Chayawat Suntornrak
odds.team
Published in
Aug 10, 2023
รูปจากในคลาสเรียน

Responsibility มาจากคำว่า Response(การตอบสนอง) + Ability(ความสามารถ)

  • คืออะไรนะ?

➡ พูดง่ายๆเลยคือ ความรับผิดชอบ

  • ยกตัวอย่างหน่อย?

➡ สมมุติผมเป็นคนขับ taxi ความรับผิดชอบของผมก็คือ รับผู้โดยสาร ส่งผู้โดยสารให้ถึงที่และปลอดภัย

แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะมองดูแล้วไม่ได้มีอะไรเลยแค่รับผู้โดยสาร ส่งผู้โดยสาร แค่นี้เอง คนขับ taxi ใครๆก็ทำได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีอะไรที่มันมากกว่านั้น

  • รถติด อาจจะทำให้คนขับหัวร้อน
  • ผู้โดยสารหัวร้อนใส่ เพราะ ขับรถไม่ดี หรือพาอ้อมไปทางไกลๆ
  • ต้องทำความสะอาดรถอยู่เสมอ ไม่สูบบุหรี่

โดยปัจจัยหลายๆอย่างข้างต้นนั้นสุดท้ายแล้วก็ต้องรับผิดชอบไปส่งผู้โดยสารอยู่ดี แต่วิธีการคิดแบบไหนหละที่จะรับมือได้ทุกสถานการณ์ เลยอยากแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนมาให้

3 Keys of success

  1. Intension (ความตั้งใจ)

สิ่งสำคัญที่สุดของ Resposibility คือ ความตั้งใจ

ในคลาสที่เรียนพอมาถึงช่วงที่ให้นึก good intension นั่งคิดอยู่สักพักนึง ปรากฏว่าคิดไม่ค่อยออก กลับกันถ้าในนึกถึง bad intension ปรากฏว่า คิดออกมาได้แบบรัวๆแบไม่มีอีโก้เลย จากการที่ได้ bad intension มาเยอะๆ เราถึงจะนำมา switch เป็น good intension นี่เป็นอีกเทคนิคที่ได้จากการเรียนมา

จากตัวอย่างทางด้านบน ความตั้งใจของเราก็คือส่งผู้โดยสารให้ถึงที่แบบปลอดภัย

2. Awareness (การรับรู้)

เป็นส่วนของ emotional ซึ่งข้อนี้อยากขออธิบายตรงส่วนของ Metal Model (รูปแบบทางความคิด)

Metal Model:

  • Lay brame ขั้นนี้เป็นการโทษคู่กรณี
  • Justify ขั้นนี้เป็นการโทษสภาพแวดล้อม
  • Shame ละอายใจ ขั้นโทษตัวเอง
  • Obigation ขั้นที่ต้องจำใจทนอยู่กำมันต่อไป

สมมุติเหตุการณ์ที่ว่าคือ ผู้โดยสารด่าว่า “ขับรถดีดีหน่อยดิ เวียนหัวหมดแล้ว”

QUIT

เราสามารถเลือกได้ที่จะออกจากสิ่งที่เจอแบบดีหรือแบบแย่

ยกตัวอย่างของ QUIT แบบที่ไม่ดี

  • บอกกับผู้โดยสารไปว่า “ลงจากรถไปหารถคันใหม่เลย”

ตัวอย่าง QUIT แบบที่ดี

  • เลือกที่จะไปส่งให้ถึงที่โดยที่เก็บความรู้สึกที่ไม่ดีไว้ในใจ จัดการกับความรู้สึกตัวเองและพิจารณาเรื่องราว

DENIED

ขั้นนี้คือขั้นของการปฏิเสธ จะมี ignore กับ disagree

ขั้นนี้ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้มาถึงเพราะว่ามันจะนำไปสู่การ toxic

ยกตัวอย่างเช่น

  • จากเหตุการณ์ที่ว่าผู้โดยสารไม่พอใจกับการขับของคนขับรถคืออาจจะเลือกที่ไม่ฟังคำพูดผู้โดยสาร หนำซ้ำยังอาจะเปิดเพลงหรือวิทยุให้เสียงดังจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงของผู้โดยสาร

3. Confront (การเผชิญหน้า)

ขั้นสุดท้ายคือการเอาสิ่งที่ตั้งใจจากข้อแรก มาเผชิญหน้ากับมัน คือเอา good intension ของเราคือการส่งผู้โดยสารให้ถึงที่หมายปลายทางให้ปลอดภัย และทำมันให้เต็มที่

สุดท้ายแล้วก็อยากนำเรื่องราวที่เรียนมา มาเล่าสู่กันฟัง ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย

--

--