KOREATEACH Challenger 2018 Project. @Wattanothaipayap

Chaowadee Srisuk
oirrmutl
Published in
3 min readFeb 1, 2018

ประสบการณ์การเข้าร่วมโครงการ Koreatech Challenger 2018 Project. ร่วมกับ
Korea University of Technology and Education. และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ ณ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ

สวัสดีครับผมชื่อเชาวดี ศรีสุข เพื่อนๆมักจะเรียกชื่อเล่นผมนั่นก็คือ องุ่น ผมเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้ากำลัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงใหม่ ตอนนี้ก็ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 แล้วครับ

เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งเอื่อยเฉื่อยที่ห้องสมุดของคณะอยู่นั้นผมได้เห็นเพื่อนกำลังกรอกใบกระดาษอะไรใบนึง ซึ่งประกาศรับสมัครนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม Koreateach ในประกาศนั้นรับสมัครนักศึกษาเข้าร่วมโครงการ โดยให้เป็นบัดดี้กับนักศึกษาจากเกาหลี ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำการฝึกภาษา และเรียนรู้ความแตกต่างของเทคโนโลยีความรู้และวัฒนธรรมต่างๆ บวกกับความอยากรู้ อยากลองจึงตัดสินใจขอให้เพื่อนคุยกับอาจารย์ผู้รับผิดชอบและดึงเข้ากลุ่มสนทนาในไลน์ ปรากฎว่าได้รับคัดเลือกให้ร่วมโครงการ

โครงการนี้มีระยะเวลาการจัดกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ถึง 17 มกราคม 2018 เรียกได้ว่า อยู่ด้วยกันหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆซึ่งแน่นอน ภาษาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นก็คือ ภาษาอังกฤษ ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ผมได้ประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนตัวนั้นผมอยู่ทีม IT แต่เนื่องจากคนร่วมโครงการไม่เพียงพอผมจึงได้สัมผัสการทำงานของทั้งสามทีมซึ่งเป็นผลพลอยได้ไปในตัวนั่นเอง ก่อนอื่นในโครงการนี้นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ทีมเพื่อปฎิบัติงานในการนำความรู้ต่างๆไปสอนน้องๆมัธยมที่เข้าร่วมโครงการคือ

  1. IT
  2. Robotic
  3. Electronic

IT Team

สมาชิกในทีมเป็นพี่ๆจากเกาหลีคนซ้ายมือตัวใหญ่ชื่อว่า

용승승 (จอง ซึง ยอง)อายุ 25 ปี

เรียนสาขา industrial Engineering

ผู้ชายใส่แว่นขวามือของผมชื่อว่า

중포 (จุนโฮพ) อายุ 25 ปี

เรียนสาขา industrial Engineering

(เค้าบอกว่าเค้าเป็นลีดเดอร์หัวหน้าทีมของนักศึกษาที่มาโครงการนี้คล้ายๆหัวหน้าห้องที่ประเทศเรา)

พี่ผู้หญิงตัวสูงทางขวาสุดชื่อว่า

임보연 (อิมโบยอน) อายุ 25 ปี

เรียนสาขา material design

(พี่สาวโบจะเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษได้เก่งที่สุดและประสานงานกับเราเวลาเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคหรือต้องการความช่วยเหลือต่างๆ)

เอาล่ะครับจริงๆแล้วยังมีพี่ๆอีกหลายคนจาก IT team และทีมอื่นๆอีกที่ได้ร่วมงานจากนี้จะเข้าสู่การเล่าประสบการณ์ในการทำงานกับเพื่อนชาวเกาหลีกันเลยนะครับ

  • ด้านภาษา

โดยส่วนตัวแล้วนั้นผมคิดว่าผมเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษพอสมควรเพราะว่าในการทำข้อสอบหรือในการเรียนภาควิชาภาษาตะวันตกนั้นผมค่อนข้างทำคะแนนได้ดี แต่เมื่อเราต้องนำมันมาใช้ในชีวิตจริงซึ่งเป็นการทำงานเสียด้วยซ้ำไป งานแต่ละอย่างในทีมก็เป็นงานละเอียดอ่อน เช่น การต่อวงจรเอย การเขียนโปรแกรมเอย หรือแม้กระทั่งการเล่นเกมส์ต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมก็ตาม มันแตกต่างจากในห้องเรียนอย่างมากซึ่งแรกๆผมก็มีความเกร็งและเขิลอายที่จะกล้าพูดออกไป ในวันต่อๆด้วยความที่ผมเป็นคนช่างพูดอยู่แล้วกำแพงด้านภาษาไม่สามารถขวางกั้นความคุยจ้อของผมได้ ผมก็ได้สนิทและสื่อสารกับพี่ๆเพื่อนๆเกาหลีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสามารถทำงานและแก้ไขปัญหาไปพร้อมกันได้อย่างราบรื่นและสามารถถ่ายทอดความรู้เป็นภาษาไทยให้แก่น้องๆมัธยมที่เข้าร่วมโครงการที่วัฒโนไทพายัพได้อย่างแม่นยำและถูกต้องทำให้ทางทีมงานเกาหลีปลาบปลื้มเราและชื่นชอบในการทำงานของเราอย่างมาก

  • ด้านวัฒนธรรม

พี่ๆเกาหลีนั้นต้องเน้นย้ำเลยว่าจากที่สังเกตุมาแทบจะทุกคนกว่าจะ 90% นั้นชอบกินก๋วยเตี๋ยวอย่างมาก มากกกกกถึงมากที่สุดทุกมื้อที่ทานอาหารกลางวันด้วยกันนั้นทุกคนจะถามผมเกี่ยวกับก๋วยเตี๋ยวเป็นอันดับแรกว่า “hey friend you think have noodle today?” หรือไม่ก็ “I want to eat noodles’’ ซึ่งผมก็แปลกใจเป็นอย่างมากว่าอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์อย่างเช่น ต้มยำกุ้งเอย ผัดไทยเอยหรือแม้กระทั่งอาหารพื้นเมืองภาคเหนือ แกงส้มหรือน้ำพริกหนุ่มนั้นขายไม่ออกเลยพวกเขาตักไปชิมๆแล้วก็จะไม่ตักเพิ่ม ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อ้อแล้วที่สำคัญนะครับพี่ๆเขาชอบขนมข้าวแตน10บาทบ้านเราเป็นอย่างมากกกกกก!! แต่ดั้นนนนเกลียดน้ำมะพร้าวซะงั้นหนิทางโรงเรียนจัดน้ำมะพร้าวสดพร้อมเนื้อพร้อมเสิร์ฟนึกว่าอยู่ในโรงแรมเขตร้อนแถวฮาวายดันไม่มีใครชอบซะนี่ พวกพี่ๆเพื่อนเกาหลีทุกคน(ย้ำเลยทุกคน)แม้กระทั่งถึงขั้นเป่ายิ้งฉุบเพื่อให้คนแพ้ได้กินน้ำมะพร้าว(แสนแพงTT)เพื่อเป็นการลงโทษผู้แพ้ไปซะได้ แต่วัฒนธรรมของเกาหลีมีความเปิดกว้างมากกว่า แอบคล้ายกับทางฝั่งยุโรป ซึ่งวัฒนธรรมนี้เอง ทำให้เค้ามีความเป็นตัวเองสูงกล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยง กล้าที่จะออกนอกกรอบ

  • ด้านการเรียนรู้

โดยปกติแล้วนั้นส่วนตัวผมเป็นคนที่ตั้งใจเรียนพอสมควรแต่ไม่สามารถฟังการบรรยายยาวๆแบบต่อเนื่องหรือการพูดขึ้นปราศรัยของผู้หลักผู้ใหญ่หรือจะติดนิสัยเสียชอบหยิบมือถือขึ้นมาแอบกดระหว่างรอแต่ ผมได้แอบเหลือบไปมองพี่ๆเพื่อนๆเกาหลีทุกคนจะติดมือถืออย่างมากทุกคนจะกดมือถือแทบทุกเวลา แต่เมื่อมีการเข้าเรื่องหัวข้อสำคัญหรือว่าการวางแผนที่จะเริ่มดำเนินงานทุกคนนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาพร้อมวางมือถือลงโดยมิได้นัดหมายเหมือนราวกับว่าจะรู้ได้ด้วยตัวเอง และพี่ๆเกาหลีจะเป็นคนที่ไม่อายที่จะถามและยอมรับผิดแล้วแก้ไขอย่างเช่น ส่วนตัวผมเคยผ่านมือโปรแกรม arduinoUNOR3 มาพอสมควร(สนามรบนี้ผมเจ็บมาเย๊อออะฮ่าฮ่า) เค้าก็ไม่เขิลอายหรือรู้สึกไม่ดีที่เค้าจะขอความช่วยเหลือจากเราให้ไปแก้ไขบัคโปรแกรมและแก้ไขโค๊ดที่พวกเขาเตรียมมาสำหรับสอนเด็กๆในโปรแกรม Electronic ซึ่งส่วนตัวผมเต็มใจที่จะช่วยอย่างมากแต่ด้วยการที่พี่ๆเกาหลีอายุมากกว่าและเป็นคนเตรียมโปรแกรมมาอย่างตั้งใจเลยไม่กล้าทักท้วงหรือบอกจนเค้าถามว่าเราทำได้ไหมพอจะช่วยเขาแก้ปัญหาได้รึเปล่าเราจึง ตอบไปอย่างอ่อนน้อมว่าจะพยายามและแก้ไขให้ผ่านไปได้ด้วยดีซึ่งพี่ๆทุกคนแทนที่จะคิดเล็กคิดน้อยหรือหงุดหงิดกลับกลายเป็นดีใจและขอบคุณเราที่เราช่วยเขาแก้ไขปัญหาได้สำเร็จซึ่งต่างจากประสบการณ์ส่วนตัวผมที่ช่วยงานรุ่นพี่กลุ่มนึงที่ไทยเราจะไม่สามารถออกความคิดเห็นหรือไปแก้ไขงานของที่มันผิดพลาดได้เลย แม้จะแก้ให้จนออกมาดีก็คงจะไม่ได้รับคำชมและความประทับใจแบบที่พี่ๆเพื่อนๆเกาหลีมอบให้ (TT)

และยังได้สอนทุกคนจากเกาหลีให้ ต่อราคาในแบบภาษาไทย ถามราคาอีกทั้งยังสอนคำชมคำด่าคำต่างๆทุกคนเป็นกันเองอย่างมากเพราะอายุรุ่นราวใกล้เคียงกันพี่ๆทุกคนจะติดคำนี้มากชอบพูดใส่เพื่อนเกาหลีกันไปมาซึ่งเราก็งงว่าคำอะไรกันนะถึงชอบกันขนาดนี้ปรากฏว่าคำๆนั้นก็คือคำว่า “ไปไกลๆ” เค้าเอามาพูดแกล้งเพื่อนเกาหลีกันอย่างสนุกสนานเราเห็นก็น่ารักไปด้วยซึ่งปกติถ้าในไทยพูดแบบนี้ใส่ใครคงจะไม่จบแค่โกรธกันเฉยๆแน่ผมว่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

และสุดท้ายนี้คือความรู้สึกของตัวผู้เขียนเอง ส่วนตัวแล้วมีความรู้สึกปลาบปลื้มและมีความสุขอย่างมากที่ได้หาประสบการณ์ใหม่ๆได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้นำความรู้ด้านวิศวกรรม เทคโนโลยีต่างๆมาใช้จริงแก้ปัญหาจริง ได้นำความรู้ที่เรียนแกรมม่า(….) มาใช้พูดสื่อสารในการติดต่องาน วางแผน และดำเนินงานกับคนต่างชาติต่างภาษาให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเป็นความภาคภูมิใจและดีใจอย่างที่สุดที่ได้ร่วมงานกับพี่ๆเพื่อนๆชาวเกาหลีทุกคนและตัวผู้เขียนเองหวังว่าจะมีโอกาสในการทำเรื่องราวดีๆแชร์ประสบการณ์ดีๆอย่างเช่น โครงการนี้เป็นต้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อน้องๆหรือเพื่อนๆที่สนใจและอยากค้นหาตัวเองไม่มากก็น้อย

ซึ่งสามารถพูดได้อย่างภาคภูมิใจในอกว่า คุณไม่มีทางหาประสบการณ์ที่ล้ำค่าและมีประโยชน์อย่างนี้ได้ ถ้ายังปิดกั้นตัวเองและดูถูกตัวเองไม่กล้าที่จะดึงความกล้าในตัวเองออกไปเผชิญกับโลกที่กว้างขึ้น ใหญ่ขึ้น สังคมใหม่ขึ้น อะไรใหม่ขึ้นสิ่งที่ไม่เคยเจออย่าหยุดตัวเองไว้แค่ที่ห้องเรียนเลยครับคนที่อายุเท่าเรามีอีกไม่รู้กี่ล้านคน แต่เราจะเป็นกลุ่มคนที่แตกต่างจากคนล้านคนนั้นครับขอบคุณครับ♥

--

--