EP1-นิฮอนนิกิมาชอ 日本に行きましょう
ไปญี่ปุ่นกันเถอะ ธันวาคม 2022
เมื่อคุณพี่ส่งสัญญาณมาว่า กลับมาเยี่ยมบ้านครั้งนี้ เราไปเที่ยวกันเถอะ เริ่มต้นจาก Mt. Bromo ภูเขาไฟในอินโดนีเซีย (ที่คุณพี่สำทับว่าแม่ควรไปก่อนเดินไม่ไหว แต่แม่บอกว่าช่วงที่จะไปเป็นฤดูฝนของอินโด ฝนตกเยอะ จะไม่เห็นอะไร และแม่ยังเดินไหวอยู่อีกหลายปี) จอร์เจีย ตุรกี ไปถึงอิตาลีนู่น ก่อนที่คุณพี่จะะบอกหลังกดเครื่องคิดเลขแล้วว่า ไปญี่ปุ่นกันเถอะ
งานนี้คุณพี่เปย์ตลอดทริป ส่วนแม่มีหน้าที่วางแผนการท่องเที่ยวตลอดการเดินทาง 8 วัน แผนการหลักคือไปและกลับจากเมืองฟูกุโอกะ เนื่องจากตั๋วกรุงเทพ-ฟูกุโอกะ ถูกที่สุด หลังจากนั้นใช้รถไฟเป็นหลัก ด้วยการซื้อ Japan Rail Pass แบบ All ชั้นธรรมดา (วันที่จะจองซื้อพบว่าเว็บที่จะจอง -klook- จัดงานแฟร์ที่เซ็นทรัลเวิลด์พอดี ได้ลดไปอีกคนละ 2,000.- บาท คุ้มมาก)
ปล. 1- ช่วงที่ซื้อ JR Pass พบว่าที่เว็บ klook ถูกที่สุด ไม่มีลิงค์ไม่ได้ค่าโฆษณา
แผนการท่องเที่ยวจัดตามใจของลูกทัวร์แต่ละคน ทั้งแม่ คุณพี่ และคุณน้อง ไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แต่บอกเลยว่าไม่ซ้ำ จำไม่ได้ ส่วนหนุ่มเดียวของทริปยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเลย จึงต้องการไปพิสูจน์คำพูดที่ว่าา ญี่ปุ่นไปได้เรื่อยๆน่ะมันเป็นยังไง
ออกจากไทยกลางคืน ไปถึงเช้า เพื่อใช้เวลาให้คุ้ม คืนก่อนที่จะมาเราลงทะเบียนเข้าญี่ปุ่นผ่านเว็บ visit japan เพื่อยืนยันเรื่องการฉีดวัคซีน รวมไปถึง immigration ส่วนเอกสารอื่นๆไม่ว่าจะเป็นตั๋ว ใบจองโรงแรม อื่นใด ก็จัดการพิมพ์แยกเป็นรายคนถือไว้เผื่อเขาจะเช็ค เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคนติดห้องเย็นกันเยอะมากๆ
ก่อนที่จะพบว่าเอกสารที่พิมพ์มา ไม่ได้ใช้อะไรใดๆเลย โชว์ QR Code ที่ลงทะเบียนผ่านเว็บมา ยื่นพาสปอร์ต สแกนนิ้ว พอเจ้าหน้าที่ตม.ประทับตราปึ่ง ก็กดปุ่มหน้าจอเป็นภาษาไทยโชว์ขึ้นมาว่า ‘ขอบคุณค่ะ’
ขั้นตอนต่อไปก็คือการเอา voucher JR Pass ไปเปลี่ยนเป็นตั๋ว ซึ่งต้องไปที่สำนักงาน JR ในสถานี Hakata
ปล. 2- สถานี Hakata ขึ้นชื่อเรื่องรถไฟมาก มีพิพิธภัณฑ์รถไฟด้วย เก็บไว้เป็นทริปต่อไปตะลุยรถไฟคิวชู
แลกตั๋ว JR Pass มาแล้วก็จองชินกันเซ็นไปโอซาก้าต่อ เราจะนอนโอซาก้า 3 คืน
รถไฟชินกันเซ็น จองที่นั่งจะดีที่สุด โดยเฉพาะเส้นทางไกลๆ แต่ไม่จองก็ได้ บางตู้มีที่วางกระเป๋าเดินทางบริเวณส่วนหน้าของตู้ แต่ส่วนใหญ่เราจะเอากระเป๋าขึ้นไว้ด้านบนที่นั่งเลย ใบใหญ่ก็เอาขึ้นได้กว้างพอ ขอให้ยกไหวก็แล้วกัน ส่วนที่นั่งก็สบายกว้างกว่าที่นั่งชั้นอีโค่ของสายการบิน เอนเก้าอี้ได้แบบไม่ต้องกลัวจะไปพาดบนตักคนข้างหลัง
หนุ่มญี่ปุ่นข้างหน้าฉัน ลุกขึ้นมาส่งภาษาญี่ปุ่นใส่ ขออนุญาตเอนเก้าอี้ พร้อมโค้งสามรอบ ก่อนจะนั่งลงกดปุ่มเอนเก้าอี้ลงไป
เก้าอี้นอกจากโต๊ะวางของด้านหน้าแล้วก็มีที่วางแก้วหรือขวดน้ำ ที่ดีไซน์แบบพับเก็บได้ไว้ตรงที่วางแขน มีช่องเสียบ USB (แต่หลายๆขบวนเป็นปลั๊กเสียบเลย) มีที่แขวนเสื้อที่ผนังด้านข้าง ส่วนรอยต่อระหว่างตู้โดยสารก็เป็นห้องน้ำ ที่ทิ้งขยะ บางช่วงมีห้องสูบบุหรี่
ทริปนี้ เรานั่งชินกันเซ็นไป 6 เที่ยว ใช้ JR Pass คุ้มจริงๆ
ปล. 3- ไปญี่ปุ่นให้ใช้กระเป๋าขนาดกลาง เพื่อสะดวกในการลากขึ้นรถไฟ หรือยกขึ้นลงสถานี เพราะบางสถานีไม่มีบันไดเลื่อน รวมไปถึงการวางบนที่วางของเหนือที่นั่งในรถไฟด้วย ทริปนี้เราใช้กระเป๋าขนาด 24" สองใบ และ carry on อีก 2 ใบ สำหรับ 4 คน
ก่อนเดินทาง เราเช็คสภาพอากาศมาก่อน พบว่าน่าจะอยู่ช่วงเลขตัวเดียวเป็นหลัก ถ่ายรูปมาเลยมีสภาพเป็นหมีกันเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นที่ชิรากาวาน่าจะมีต่ำกว่า 0 องศา นอกจากนั้นที่คอยเช็คอยู่บ่อยๆคือ หิมะตกหรือเปล่า ซึ่งจนถึงวันเดินทางก็ยังไม่มี จนจบทริปเราถึงรู้ว่าเราพก “โชคดี” ไปด้วยตลอดทาง
ญี่ปุ่นตอนนี้ 99% ยังใส่มาสค์กันอยู่ ในทุกๆที่ เราก็ใส่จนบางครั้งลืมไปว่า อยู่กันแค่ 4 คนยังไม่ถอดออกเลย บางรูปเห็นแต่ตา ถ่ายพอร์ทเทรท สวยงามมากแต่มีมาสค์ปิดไปกว่า 50% ของรูป ลูกทัวร์บอกว่า ดีแล้วล่ะจะได้รู้ว่ามาเที่ยวในยุคไหน เป็นภาพประวัติศาสตร์
