EP2–15,183 ก้าว เช้าจรดค่ำ
George Town, Penang in August 2023
เรามีเพียงหนึ่งวันเต็มๆกับการสำรวจปีนัง ดังนั้นการเช่ารถพร้อมคนขับไปยังสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดระยะเวลาได้ส่วนหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยสำรวจด้วยการเดินเท้า และเนื่องจากที่พักเราอยู่ในบริเวณของ Heritage Site ดังนั้น การเดินจะทำให้เราสัมผัสปีนังได้ง่ายขึ้น
เช้านี้เริ่มต้นด้วยการตื่นแต่เช้า เพื่อเดินไปชิมติ่มซำเจ้าดัง (รายการของกินจะได้เหลาต่อไปในภายหน้า) และกลับมารอรถ 8:30 น.โมฮัมเหม็ด คนขับรถของเราจอดรถหน้าประตูที่พักก่อนเวลานัดเล็กน้อย
ปีนังฮิลล์ (Penang Hill)
มาปีนังถ้าไม่ได้ขึ้นปีนังฮิลล์ก็เหมือนไม่ได้มานะนายจ๋า การขึ้นสู่ยอดเขาปีนังมีสองวิธีคือ ขึ้นรถราง เสียตังค์ หรือเดิน ฟรี แน่นอนที่สุดนักท่องเที่ยวอย่างเรา เสียตังค์เท่านั้น ค่ารถรางไปกลับคนละ 30RM (ประมาณ 230 บาท) รอคิวซื้อตั๋วไม่นานเท่าคิวขึ้นรถ ใช้เวลาต่อคิวยาวนานประมาณหนึ่งชั่วโมงได้ แต่มันคุ้ม
สมัยก่อนการขึ้นเขานี้ ถ้าไม่เดินก็นั่งเสลี่ยงลูกหาบ
รถที่ใช้ขึ้นสู่ยอดเขาเป็นรถรางระบบสายเคเบิลแบบที่เรียกว่า Funicular ไม่ใช่ Cable Car คือ Funicular นี้ตัวรถจะยึดติดถาวรกับสายเคเบิล และไม่สามารถจะหยุดเองได้ จะหยุดที่ปลายสายจุด stop/start เท่านั้น
ระยะทางของรถรางจากสถานีล่างถึงยอดเขาเป็นระยะทางทั้งสิ้น 1.99 กิโลเมตร ซึ่งจัดว่ายาวที่สุดในเอเชีย แถมจะต้องผ่านอุโมงค์ ยาว 79 เมตรที่ความชัน 27.9 องศา ซึ่งถือว่าเป็นอุโมงค์ที่มีความชันมากที่สุดในโลก (เก็บมาเล่าจากเว็บนี้)
แนะนำให้นั่งหรือยืนที่ตู้ล่างสุดของขบวนรถ เพื่อความฟิน
แต่ถ้าใครสายเทรล แนะนำให้เดิน ปีนังฮิลล์มีการจัดงานเดินเทรลอยู่เสมอๆ
บนยอดเขาก็จะมีจุดชมวิว เห็นเมืองปีนังเบื้องล่าง มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านนวด วัด แกลเลอรี่ และพิพิธภัณฑ์หมีเทดดี้ (Teddyville Museum) ฉันเลือกเข้าไปดูน้องหมีเหล่านี้แหละ ก็เพลินๆดี
Penang Peranakan Mansion
การท่องเที่ยวจะสนุกถ้าเราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่พื้นถิ่น ชาวเปอรานากัน (Peranakan เป็นภาษามลายู คนไทยเรียก บาบ๋า-ย่าหยา หรือ Baba-Nyonya ในภาษาอังกฤษ) หมายถึงลูกครึ่งมลายู-จีนที่มีวัฒนธรรมผสมผสาน และสร้างวัฒนธรรมแบบใหม่ขึ้นมาโดยเป็นการนำเอาส่วนดีระหว่างจีนกับมลายูมารวมกัน โดยชื่อ “เปอรานากัน” มีความหมายว่า “เกิดที่นี่” (เปอรานากัน-วิกิพีเดีย)
คฤหาสถ์ของ Peranakan ที่เราไปดูนี้เป็นของ Kapitan Cina Chung Keng Kwee (Chung Keng Quee) ซึ่งแม้ว่าตัวจริงเขาจะไม่ใช่เป็นบาบ๋า เพราะเป็นคนจีน 100% มาจากเมืองกวางตุ้ง จีนแผ่นดินใหญ่ ตั้งแต่ปี 1841 มาทำงานเป็นนายเหมืองดีบุก และตั้งรกรากที่ปีนังนี่ รวยมากๆ มีของสะสมเป็นพันๆชิ้น อลังการสุดๆ
คฤหาสถ์หลังนี้ผ่านการบูรณะมาหลายครั้ง แต่เป็นการบูรณะที่ดี งานแกะสลัก งานกระเบื้องเซรามิคเขียนสี หลายๆอย่างครบสมบูรณ์ ห้องหับต่างๆจัดแต่งและดูแลรักษาอย่างดี สะอาดเอี่ยม ฉันไม่เห็นฝุ่นหรือหยากไย่แม้แต่นิด สิ่งที่ชอบคือ มันดูเป็น Live Museum มาก เพราะทุกห้องที่จัดแสดง เข้าไปดู เกือบทุกห้องจะมีส่วนที่เราสามารถสัมผัสได้ หรือมีส่วนที่จัดแบบให้ผู้ชม interact กับงานได้ด้วย
สิ่งที่น่าสนใจของงานแบบบาบ๋า-ย่าหยาคือการใช้สี
อาคารหลังนี้เป็นสีเขียวทั้งหลัง เป็นเขียวแบบทิฟฟานีบลูผสมเทอร์ควอยส์กรีน (นิยามยากเนอะ) ส่วนเครื่องเซรามิคที่จัดแสดง ก็มีการใช้คู่สีที่สดใส สวยงามมาก เรียกว่าเป็น Peranakan Color ได้เลย
ช่วงบ่ายเป็นเวลาของความสนุก เพื่อไม่ให้ง่วงหลังอาหาร
Upside Down Museum
ที่นี่ไม่น่าจะเรียกว่า มิวเซียม น่าจะเรียกว่าสวนสนุก แต่ละห้องจะมีพนักงานคอยบอก จัดแจงท่าทางให้เรา เพื่อให้รูปออกมา “เข้าท่า” ที่สุด สนุกสนานกันมาก ไม่เว้นแม้แต่คุณนายแม่ผู้อายุ 86 แล้วของฉัน ให้ทำท่าอะไรนางก็ทำได้หมด สวนสนุกหกคะเมนตีลังกานี้ ค่าเข้าคนละ 25RM
3D Glow in The Dark Museum
ที่ก็เป็นสวนสนุกอีกแห่งหนึ่งเช่นกัน ไม่ใหญ่มากนัก เป็นงานแสดงแบบ interactive ที่ผู้ชมสามารถ “เล่น” กับส่วนจัดแสดงได้ จุดที่เป็นไฮไลท์คือส่วนที่อยู่ใน Dark mansion ซึ่งเป็นงานวาดภาพของนักวาดพื้นถนนที่มีชื่อเสียงระดับโลกชาวเยอรมัน Edgar Mueller ชื่อภาพว่า the “Fire & Water: Tribute to Darwin” งานชิ้นนี้ได้ชื่อว่าเป็น artwork ชิ้นแรกและชิ้นใหญ่ที่สุดในโลกของประเภทงาน “Anamorphic Glow-In-The-Dark Pavement Painting with Day-to-Night Transition” เราสามารถ “เล่น” ได้ทั้งแบบแสงกลางวัน หรือกลางคืน ถ้ากลางคืนก็จะมีกิมมิคเป็นลาวาอยู่ในหุบด้านล่าง
อีกจุดหนึ่งคืองานเพ้นท์รูปดาวดวงหนึ่งในอวกาศ เมื่อเราไปยืนก็จะดูเหมือนอยู่ในอวกาศบนผิวดาวนั้นๆ เราจะ interact แบบไหนก็แล้วแต่จะครีเอทเอา
ในปีนังยังมีสถานที่ท่องเที่ยว หรือพิพิธภัณฑ์อื่นๆอีกมากพอสมควร เรียกว่าอยู่อีกหลายวันก็ยังได้
เสร็จจากการเที่ยวแบบทัวร์ริสต์ เราก็เซย์บายกับโมฮัมเหม็ดไป หลังจากนั้นก็เป็นเวลาสัมผัสเมืองมรดกโลกอย่างจริงจังด้วยสองเท้าก้าวไปเรื่อยๆ
สิริรวมระยะเวลาการเดินเท้าช่วง เย็น ค่ำ เป็นระยะทางสิบกว่ากิโลเมตร ก้าวเดินไป 15,183 ก้าว
ถ้านับรวมกันทั้ง 10 คนก็คงจะได้ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นก้าว
ทรมานทัวร์ชัดๆ
ความเดิมตอนที่แล้ว