เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายธันวา เป็นนิมิตรหมายของการนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ อีกทั้งยังมีเทศกาลคริสต์มาสพ่วงเข้าไปอีก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ความสุขอยู่รอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นคนวางแผนไปเที่ยว หรือ ลาหยุดยาวพักผ่อนจากความเมื่อยล้าของปีนี้ ถ้าจะพูดถึงเรื่องสถาณที่เที่ยวยอดฮิต ครึ่งหนึ่งก็คงจะไม่พ้น แดนอาทิตย์อุทัย ส่วนอีกครึ่งคงไปขึ้นดอยที่เชียงใหม่…
“เฮ้ย! ไปเขมรไม่กลัวเหยียบบนระเบิดหรอ” เป็นประโยคที่คลาสสิคมากถ้าบอกครอบครัวหรือเพื่อนว่าไปเที่ยวเขมร อันที่จริงระเบิดที่ยังทำงานและฝังอยู่ในดินเนี่ย ก็จะอยู่ส่วนบนๆของประเทศ ซึ่งเกาะที่จะพาไปดูอยู่ทางตอนใต้ แทบจะติดกับเวียดนามแล้ว จึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วง(มั๊ง) พูดตรงๆว่าถ้าคิดถึงเรื่องเที่ยว สาบานว่าไม่เคยคิดถึงเขมรเลยจริงๆ พอมานั่งนึกถึงปีที่แล้วก็ไมไ่ด้ไปเที่ยวไหน พอมาถึงปีนี้ก็ไม่มีที่ไปอยู่ดี จู่ๆเพื่อนนางนึงก็ทักมา คุยไปคุยมานางชวนไปเขมร ด้วยความที่ไม่มีที่ไปและไม่เคยไปเลยตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิดมาก ตอนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขมรเลย…รู้แค่ว่าอยากไปหว่ะ!
พอมาดูคร่าวๆถ้าหากจะพูดถึงเขมร สิ่งแรกๆที่ pop-up ขึ้นมาก็คงจะเป็น “นครวัด” ( អង្គរវត្ត) ไม่ก็ “เขาพระวิหาร” ( ប្រាសាទព្រះវិហារ) แน่ๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่า ทริปนี้ไม่มี ปราสาทโบราณๆมาให้เห็นหรอก (และผู้อ่านก็คงกดกากบาทมุมบนขวาไปออกอย่างไว) อย่าเพิ่งออกนะ! เพราะคราวนี้เราจะพาไป “เกาะรงค์” (កោះរ៉ុង) หรือทะเลที่ขึ้นชื่อว่า “สวย” ที่สุดในเขมร อย่าเพิ่งตกใจว่าประเทศนี้มันมีทะเลด้วยหรอ ขอบอกครับว่ามีแน่นอน
ไปเขมรต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ถ้าหากพูดถึงเขมรโดยภาพรวมก็จะพบว่า…แทบไม่มีความต่างจากคนไทยเลย ไม่ว่าจะเป็นภูมิอากาศ (ไทยร้อนฉันท์ใด เขมรก็ร้อนฉันท์นั้น) อาหาร หรือ แม้แต่สินค้าที่ขายในประเทศ สิ่งที่แตกต่างก็คงจะเป็นตัวอักขระที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงสงครามภายในประเทศที่เพิ่งจะจบลง
เกริ่นมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า…
ในฐานะที่เป็นคนไทยการเดินไปเขมรเป็นเรื่องง่ายมากจริงๆ เหมือนเดินขึ้นรถไฟฟ้าแล้วออกไปอีกฝั่ง (ง่ายจริงๆนะเออ)
1.วีซ่า
คนไทยสามารถเข้ากัมพูชาได้ฟรี 14 วัน ขอแค่ Passport ไม่หมดอายุ ซึ่งในบริเวณชายแดนเจ้าหน้าที่จะขอเก็บค่าธรรมเนียมค่าผ่านด่านแต่เอาจริงๆเราไม่ต้องจ่ายก็ได้แต่ก็จะโดนแกล้งให้รอ (ไม่เสียตัง แต่เสียเวลาเที่ยว…) แต่แล้วเนื่องจากมีเวลาจำกัดก็จ่ายไปตามระเบียบคนละ ซึ่งก็รู้ๆกันแหละเงินเข้ากระเป๋าใคร สรุปเบ็ดเสร็จโดนไป 120THB ซึ่งคิดว่าน่าจะต่อถูกสุดได้อยู่ที่ 100THB
ปล. นี่ขนาดหาข้อมูลมาก่อนนะสุดท้ายไม่รอด…จ่ายจ๊ะ
2. เงิน
สุดท้ายหนีไม่พ้นเรื่องเงินๆทองๆซักที เขมรเนี่ยหลักๆเค้าใช้เงิน 2สกุล คือ USD กับ Riel บอกเลยว่าตอนไปร้านขายของ หรือจ่ายเงินค่าอะไรก็ตาม โคตรงง!
โดยคร่าวๆนั้น 1USD = 4000 Riel แต่ถ้าหาร้านเรทดีๆหน่อยก็จะได้ซัก 4047 Riel สำหรับเงินไทยนั้น ก็ใช้ได้บ้างในบริเวณจังหวัดที่ติดกับชายแดนแต่พอเข้าไปลึกๆก็ใช้ไม่ได้แล้ว
3.เวลา
ถึงแม้การเงินจะพร้อมแต่ถ้าไม่มีเวลาไปก็เท่านั้น! ดังนั้นต้องหาเวลาเหมาะๆที่จะไปเที่ยวพร้อมบอกเจ้านายด้วยนะ เดี๋ยวกลับจากเที่ยวแล้วจะไม่มีงานทำเอา
4. ใจ
หากวีซ่าพร้อม เงินพร้อม เวลาพร้อม และ ใจพร้อมแล้วหละก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปแล้วหละ!
ขอบอกว่าในส่วนเกาะรงค์นั้นยังไม่ค่อยมีรีวิวซึ่งหาข้อมูลก่อนไปได้ค่อนข้างยาก ซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าจะเขียนบล็อคแต่ทริปนี้ก็มีเรื่องให้ประหลาดใจตลอดเวลาจริงๆจนเก็บไว้ไม่ไหว ต้องขอมาแชร์ประสบการณ์กันบ้าง…ในตอนต่อไปก็จะนำไปสู่การเดินทางและแผนคร่าวๆกันครับ
ก่อนจากไปขอฝาก วีดีโอสั้นๆ ของทริปนี้ให้เห็นว่า “เขมร” ก็มีดีกว่าที่คิดนะเออ
ถ้าพร้อมแล้วก็มาต่อที่ตอนถัดไปกันเลย !
เขมร Day 1 ออกแล้วน๊าาาาาาา