มุ่งสู่ทะเล!

Khmer 103

Day 2: Koh Kong — Sihanoukville— Koh Rong

Teepakorn S.

--

มุ่งสู่เกาะที่สวยที่สุดในเขมร กับ booking.com ทำพิษ!

01

วันที่ 2 ของการเดินทาง (นั่งรถที่โคตรจะนาน) หลังจากหลับตาลง บนเตียงนุ่มๆ กับแอร์ฉ่ำๆ หลังการเดินทางที่แสนเหน็ดเหนื่อย และแล้วก็ได้เวลาตื่นเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายของเรา นั่นก็คือ “เกาะรงค์”

ระหว่างที่กำลังงัวเงียอยู่บนเตียง ด้วยความเคยชินเพราะเป็นคนเกลียดการตื่นเช้า…พยายาม ใช้มือ1ข้าง คว้า ไอโฟน 5 ที่อยู่บนหัวเตียง มาดูเวลาซะหน่อยว่ากี่โมงกันแล้ว จากนั้นก็ใช้หางตาเหลือบไปมองเวลา

“7.10”

“…”

“…”

“เดี๋ยวนะ…ขแมร์บอยที่ขายตั๋วบอกรถมารับ 7.30 นี่นา” ได้แต่คิดอยู่ในหัว

จากนั้นก็รีบรุกพรวดขึ้นมา พร้อมปลุกสองสหายที่ยังหลับใหลอย่างแน่นิ่ง

อาหารเช้า

หลังจากปลุกทุกคนเนื่องจากเวลาที่มีโคตรจำกัดก่อนรสบัสมา เก็บของเตรียมตัวทุกอย่าง เบ็ดเสร็จมารอที่ลอบบี้ได้ในในเวลา 7.30 พอดิบพอดี ยังไม่ทันไรความหิวก็เข้ามาทักทาย เนื่องด้วยกลัวที่ว่าถ้าออกไปกินก็จะตกรถแน่ๆ ทั้งสามก็ยอมกัดฟันสั่งอาหารเช้ากับที่พัก ราคาก็ตกประมาณ 2usd นิดๆ ไม่ถูกไม่แพง หลังจากฟาดอาหารเช้าหมดด้วยความรวดเร็วก็ได้ยินเสียงรสบัสบอก กลายๆว่าถึงเวลาเดินทางแล้ว

พอเดินขึ้นมาสภาพรสบัสดูๆไปก็ไม่ค่อยต่างจาก รสบัสของเจ๊เกียวในบ้านเรานัก เมื่อเดินขึ้นมาบนรถก็เห็นว่า ที่ส่วนใหญ่ก็เต็มหมดแล้ว อาจจะเป็นเพราะ ที่พักเราเป็นที่หมายสุดท้ายที่ต้องมารับก่อนออกเดินทางไปสู่ สีหนุวิลล์ ที่นั่งที่ได้ก็ค่อนข้าง vip เลยทีเดียว นั่งเบาะหลังสุด (นึกภาพอีกรอบว่า ที่นั่งหลังสุดของรถเมล์บ้านเราที่ครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยกระเป๋าของผู้โดยสาร) อึดอัดอยู่พอตัวแต่ก็จะบ่นอะไรมากไม่ได้ หลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆรถก็พบว่าส่วนใหญ่เป็น ฝรั่งทั้งนั้น แสดงว่าเราคงไปไม่ผิดหรอก หลังจากจัดที่นั่งเสร็จสรรพก็มีขแมร์บอยมาอีก2คน แต่ที่เต็มแล้วสงสัยคงมาเก็บกระเป๋าแน่ๆ ทีไหนได้พี่แกก็เดินมานังที่คั่นระหว่างทางเดิน (นึกภาพรอบที่สาม เวลาขึ้นรถเมล์ ตรงทางเดินที่คนยืนๆ นั่นแหละที่นั่งของผู้มาสุดท้าย) ที่จริงก็แอบสงสารพวกพี่แกเบาๆเพราะกว่าจะเดินทางจาก เกาะกง ไปถึง สีหนุวิลล์ ก็กินเวลาร่วมๆ 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ที่นั่งของ ขแมร์บอย คือบน Paul Frank
เรือเหลืองๆลำนั้นแหละที่จะพาไปเกาะรงค์

02

ระหว่างทางทั้งสามก็มองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อหาวิวอะไรที่มันแปลกตา สมกับที่เดินทางมาต่างประเทศ หลังจากมองหาแลนด์มาร์คหรืออะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายก็หมดความพยายามเนื่องจาก มันไม่ต่างอะไรกับบ้านเราเลยครับ เป็นอารมณ์ท้องนา มีบ้านเก่าๆ หรือ บางครั้งก็มีวัวกินหญ้าหันกลับมาสบตาพวกเราเป็นระยะๆ

ด้วยความที่วิวข้างๆทางเริ่มไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ก็พยายามนอนพักผ่อนเก็บแรงกันต่อไป ในขณะที่หลับไปได้สักพักก็รู้สึกตัวได้ว่ารถจอดแล้ว ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าถึงรึยัง เพราะหลับมาสักพักแล้ว ก็รวมความกล้าทักฝรั่ง2นาง (นางทั้งสองเนี่ยมาจาก Austria) ที่นั่งอยู่ข้างหน้า แต่เค้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องเดินลงไปดูเอง ก็เห็นว่าเค้าปล่อยให้เข้าห้องน้ำ ลงไปยืดเส้นยืดสายก่อนเดินทางต่อ หลังจากล้อเริ่มหมุนอีกครั้ง ทั้งสามคนก็เลยเอาใหญ่ชวนฝรั่ง2นางนั้นคุย คุยไปคุยมาเข้าเรื่อง Visa

“How much you guy pay for the visa?”

“120 THB”

“OMG! are you serious?”

— แลดูพวกนางตกใจกันยกใหญ่ทำกับพวกเราเป็นคนเถื่อนหนีเข้าเมือง

คือชาวต่างชาติส่วนมากที่ข้างชายแดนมาจากไทยจะโดนขูดรีดค่อนข้างเยอะทางทางด่านของฝั่งเมขร ซึ่งถ้าไม่จ่ายก็ไม่ยอมให้เข้าอีก ราคาอยู่ราวๆ 1,200–2,000 thb ถือว่าเอาเรื่องอยู่พอตัว (รู้สึกดีเบาๆที่เกิดเป็นคนไทย) จากนั้นก็สนทนาเรื่องตั้งแต่มาเที่ยวจนถึงประเทศบ้านเกิด เอาเป็นว่าคุยไปเรื่อยจนไม่รู้จะคุยอะไรต่อเลยทีเดียว

รู้ตัวอีกที รถบัสก็พามาถึงขนส่งของเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งดูไม่ขนส่งเลย เหมือนพวกแอฟริกาใต้ ประกอบไปด้วยสนามหญ้าแห้งๆที่เหลือแต่วิญญาณหญ้า แดดเปรี้ยงๆ พร้อมนายหน้าชาวขแมร์ที่ยืนต้อนรับพร้อมขูดรีดนักท่องเที่ยวทุกคนที่ก้าวขาลงจากรถ แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา ฝรั่ง 2 นาง เค้าไปคนละที่กัน ก่อนจะร่ำลากัน ก็ขอถ่ายรูปกันสักเช๊ะ

2 สาวจาก Austria / อิไต ไงจะใครหละ

ก่อนแยกย้ายกันไป ระหว่างจะหารถไปท่าเรือที่จะต้องข้ามไปเกาะรงค์ (ค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียวเพราะชาวขแมร์ทั้งหลายรุมเข้ามาขายของจ้า) ยังไม่ทันต่อราคาเท่าไหร่ แขกขาวที่อยู่บนรถบัสด้วยกัน เค้าขอติดรถไปด้วยเพราะจะไปเกาะรงค์เหมือนกันเลย หลังจากตกลงราคาค่ารถได้แล้ว ในราคา 3 คน 4 usd ก็ออกเดินทางกันต่อไปที่หาด Serendipity Beach ระหว่างทางก็จะเห็นวิถีชีวิตแบบในเมืองกันบ้าง ก็วุ่นวายสไตล์ไทยๆนี่แหละ คุยไปคุยมาแขกขาวคนนี้ชื่อ อิไต (ชื่อนี้จริงๆ) เค้าเรียนแพทย์แผนโบราณอยู่ที่อิสราเอล เนี่ยเพิ่งไปเรียนนวดที่เชียงใหม่มา โบ๊ทก็ถามต่อว่า

“You know… what your name in Japanese mean right?”

“Oh yes i know haha” — หนังญี่ปุ่นไม่ธรรมดานะเนี่ย world wide ฮาไปอีก

แว๊นซ์ไปเลยพี่!

ก่อนจะไปถึงหาดคนขับก็แวะจอดให้เราซื้อตั๋วข้ามเรือ ในขณะที่เพิ่งจอดเสร็จ โบ๊ทก็พูดว่า “แม่ง แปลกๆหวะ ทำไมไม่ให้ซื้อที่ตรงท่าเรือเลยหละ..เราว่ามันพามาซื้อผ่านนายหน้าแน่ๆเลย” — พอได้ยินปุ๊ปเรากับเจนนี่ก็ อือ ออ ทันที ก็เลยตัดสินใจให้คนขับ ขับไปที่ท่าเรือเลย ระหว่างที่รถกำลังจะออกตัว ก็มีแขกขาวเดินเข้ามาบอกว่า

“I’m the owner of the boat so you you need to but ticket with me”

“We want to go to the beach first” — เป็นการตัดบทที่ได้ผล ดูพี่แกหงุดหงิดเล็กน้อย

ทั้ง4ก็คุยกันว่า เกือบไปแล้วไหมหละ โดนมันหลอกแน่ เรือข้ามฝากอะไรจะผูกขาดอยู่เจ้าเดียว

ซื้อตรงนี้คิดว่าน่าจะชัวร์

มาถึงหาดก็ได้ทำการตามหาตั๋วข้ามเรือ โดยทำการซื้อตรงท่าเลย ซึ่งตกราคาคนละ 15 usd (ราคารวมไป — กลับ)ใช้เวลาประมาณ 2–3 ชั่วโมง (อันที่จริงเท่ากับร้านที่คนขับมาส่งตอนแรก) แต่ก็จะมีเรือ Speed boat ให้บริการเช่นกัน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ราคาคนละ 21 usd (ขาไปขาเดียว) แต่ตรง Speed boat ส่วนมากจะมีปัญหาที่ว่า “schedules and prices can change at random” ให้ระวังไว้หน่อย

เบ็ดเสร็จถึงเวลาเรียกก็จัดแจงแบกของขึ้นเรือ ระหว่างนั้น อิไต ก็วิ่งมาบอกฟ้องพวกเราว่า “นั่นมันเจ้าของเรือเมื่อกี๊นี่นา เจ้าของเรือโกรธด้วยที่เราไม่ยอมเชื่อเค้า” ทั้งสามก็หันมองหน้ากันแบบเงิบแดก เพราะแขกคนนั้นพูดจริงๆไม่ได้โกง พวกเราก็ระแวงกันเกินไป ฮาาา ตอนกำลังเดินข้ามเรือ เฮียแกก็มองพวกเราแล้วบอกว่า

“I told you this is my boat,why you guys don’t believe me”

— พวกเราได้แค่หน้าแห้ง ยิ้มแหยๆ

สภาพเรือเหมือนเรือข้ามเกาะเสม็ดเลย มีทั้งหมด 2ชั้น พวกเรารีบปีนไปชั้นสอง ซึ่งมีเบาะเรียงรายให้พวกเราจับจองแล้วก็นอนรอเรือไปถึงได้เลย!

นังเจนนี่หลอกให้อิไตนวดให้ / บรรยากาศการนอนบนเรือ

03

หลังจากหลับกันอย่างหมดสภาพก็มาถึงเกาะรงค์โดยสวัสดิภาพที่หาดชื่อแปลกๆว่า Tui beach สภาพเกาะนึกภาพเหมือนมา ฟลูมูนที่พะงันเลยจริงๆ ฝรั่งเยอะม๊ากกก หาดขาวๆ ทรายเนียนๆ อิไตก็ขอแยกตัวไปก่อน แต่เดียวก่อน…หลังทำการเช็ค ที่อยู่โรงแรมก็พอว่าต้องนั่งเรือต่อไปที่หาด Soksan beach อีกรอบ นี่ใจคอจะไม่ให้เที่ยวเลยใช่ม๊ายยยยยยย

Tui Beach → Sok San beach

ณ จุดนี้หลังจากเดินทางมาติดๆจึงตัดสินใจพักหาอะไรง่ายๆกินกันก่อน ซึ่งอาหารที่มีบนเกาะที่ไม่แปลกใจเลยว่าได้อิทธิพลมาจากประเทศเราชัวๆ ไม่ว่าจะเป็น มาม่าผัด, ผัดไทยปลอมๆ และ ผัดกะเพรา ราคาก็ทั่วไปไม่ได้ถูกไม่แพง

มาม่าผัด

หลังจากอิ่มหนำก็หาเรือนั่งต่อไป ที่ Soksan beach โดนไป 21usd สำหรับ3คน พอกำลังจะขึ้นเรือ ก็เจออิไต อีกรอบ ฮีเลยขอมาด้วยอีกครั้ง แต่ฮีจ่ายแค่ 5usd (เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าโดนคิดค่านายหน้าไปละคนละ 2usd เจ็บ…) ใช้เวลาอีกประมาณ ชั่วโมงครึ่ง

บรรยากาศยามเย็น

สุดท้ายก็ถึงหาด Soksan beach ราวๆ 2 ทุ่ม เดินดุ่มๆไปถึงที่พัก กางใบ booking ที่จองทางออนไลน์ของเว็บไซต์ ชื่อดัง พนักงานก็บอกว่า

“Sorry but the room was fully booked”

“Wait…What??…but i already booked from booking.com and u con firmed”

“We really sorry but we have some problem with booking.com”

— ชิบหายแล้วไง คือคืนนี้เป็นวันที่ 31–12–15 ก็ว่าเก็บของเข้าที่พักก่อนนั่งเรือกลับไป Tui Beach แล้ว party จนเช้า เกมพลิกหวะ ไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วไง

ต้องเข้าใจว่า มาเกาะห่างในเขมรที่ซึ่งไม่สามารถติดต่อ Support center ของ booking.com ได้เลย สัญญาณก็หายาก สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือหาที่ซุกหัวนอนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้รอดก่อน

04

เอาจริงๆว่าถึงจุดนี้คือเดินทางบังกะโล รอบๆบริเวณนั้นเลยทีเดียวก่อนที่จะไม่มีที่ไป ทางที่พักก็พยายามช่วยนะ พยายามเดินถามที่อื่นให้ ตอนนี้ก็มืดมากแล้วด้วย เกือบๆ 4ทุ่มแล้ว ในระหว่างที่หมดหวังจริงๆ (กะว่านอนบนหาดละไง)

ในระหว่างที่กำลังตัดสินใจว่าจะกลับไปหาที่พักแถว Tui beach ไหม ก็มีขแมร์บอยเดินมาบอกว่า มีบังกะโลเหลือ 1 ห้อง แต่ 50usd นะ (ที่พักที่มันเต็มเราจองแค่ 30usdเอง) แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอะ ก็เดินตามไปที่เค้าชี้ ไปเจอเจ้าของบังกะโล พี่แกบอกว่า 35usd แม่มมมม ถูกกว่าเดิม (เกือบโดนแดกค่าหัวอีกละ) สุดท้ายก็ได้ที่พัก เก็บของและ เดินไปท่าสมทบกับพวกฝรั่งหลากหลายสัญชาติมาก พร้อมนัดแนะเจ้าของเรือว่าเจอกันอีกที ตี3 เพื่อกลับมา Soksan beach เหมือนเดิม จากนั้นก็เตรียมตัวไป countdown ข้ามปีกันที่เขมร!

ตอนต่อไป “ไปcountdown กันนะ”

Don’t miss this!

ทำไมต้องเขมรหละ เขมรมีอะไรน่าเที่ยว? ตอน 1

พร้อมแล้วก็ลุย! ตอน 2

--

--

Teepakorn S.

จบเศรษฐศาสตร์ อินกับการดูหนัง เลี้ยงชีพด้วยการเป็น Market Research ไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ แต่รักที่จะกดชัตเตอร์ www.facebook.com/Journeyatw/