รีวิว Sony A6300 กล้อง Mirrorless APS-C ตัวโหดจากโซนี่

Tor Chanon
torcnn
Published in
7 min readMar 18, 2016

--

“เมื่อ Sony กลับมาทวงพื้นที่กล้องระดับ Semi-Pro ของเค้าคืน!”

สวัสดีครับ เรา @torcnn เอง

กล้อง Mirrorless เซนเซอร์ขนาด APS-C ตัวใหม่ของ Sony เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์โลกตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันมาตั้งแต่กลางปี2015แล้วครับ เพราะตั้งแต่ออกพวก A5000 A5100 และ A6000 ซีรีส์นี้ก็เงียบมาตลอด นานๆเข้าคนก็คาดหวังตัวตายตัวแทนของA6000 เดาชื่อรุ่นใหม่กันไปต่างๆนานา ไหนจะชื่อA6100บ้าง ไหนจะชื่อA7000บ้าง ปรากฏว่าต้นเดือนกุมภา2016 Sonyเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ชื่อว่า A6300 สับขาหลอกแม่งเลย ถึงจะงงในตรรกะการตั้งชื่อของเขาแต่ขอให้มองข้ามมันไป ค่ายนี้อย่าไปเดาอารมณ์เค้ามากครับ ความติสแตกสูงทีเดียว

ตอนเราไปงาน CP+ หรืองานจัดแสดงกล้องที่เมืองโยโกฮาม่า กล้องตัวนี้เป็นกล้องที่โดนรุมตอมอย่างหนักหนาสาหัสมากของบูทโซนี่ ต้องต่อแถวกันเล่นเลย

คนเยอะมากกกกกกก

ตอนที่ได้ลองเล่นที่โน่น จับนิดเดียวก็รู้สึกว่ากล้องมันเจ๋งมากอะ แต่อยู่ที่งานได้เล่นยังไม่เยอะไง เลยยังพูดอะไรได้ไม่เท่าไหร่

พอของเข้าไทยปุ๊บ รีบขอทางโซนี่ไทยมารีวิวเลย อยากเล่นมากกกกก! เราคิดว่าหลายๆคนก็คงอยากทดลองเล่นเช่นกัน แต่ก่อนจะไปเล่นของจริง ลองอ่านรีวิวนี้ไปพลางๆก่อนนะครับ :D

Background

Sony A6300 เป็นกล้องชนิด Mirrorless ที่ไม่ได้มาแทน Sony A6000 ครับ แต่ถูกวางไว้ระดับสูงกว่านั้น ใครที่เคยเล่นกล้องโซนี่ตระกูลNEX เจ้าA6300นี่ก็เหมือนกับเป็น NEX-7 นั่นแหละ จุดยืนของA6300คือจะเป็นกล้องในระดับมือสมัครเล่นตอนปลายไปจนถึงระดับโปร

เข้าเรื่องเลยเนอะ เนื่องจากมันเป็นเรือธงที่สเปคแน่นมาก ดังนั้นศัพท์เทคนิคอาจจะโผล่มาเป็นครั้งคราว เราจะพยายามใช้ภาษาให้ง่ายๆนะครับ

Sensor

เซนเซอร์ขนาด APS-C

Sony A6300 ใช้เซนเซอร์แบบใหม่ เป็นเซนเซอร์ CMOS ขนาด APS-C ความละเอียด 24.2 ล้าน ซึ่งมองเผินๆคนจะคิดว่าเหมือนกับตัว A6000 แต่ไม่ใช่นะ มันมีสิ่งที่เปลี่ยนไป เซนเซอร์ตัวใหม่นี้มีการใช้วัสดุ “Copper Wiring” ที่มาเปลี่ยนโครงสร้างข้างใน ทำให้ตัวรับแสงสามารถรับแสงได้มากยิ่งขึ้น พอมันรับแสงได้เยอะ สัญญาณรบกวนภาพ(Noise)มันก็ลดลง คุณภาพของภาพเราก็ดีขึ้นนั่นแหละ

การโฟกัส

อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้เด็ดขาด ตอนเปิดตัวคือพีคมาก กล้องตัวนี้มีจุดโฟกัสแบบ Phase Detection 425 จุด จุดโฟกัสแบบ Contrast Detection อีก 169 จุด หากใครเห็นตัวเลขแล้วงง แปลเป็นภาษาคนคือบ้าไปแล้วอะ จำเป็นต้องเยอะขนาดนี้มั้ย โซนี่เค้าเคลมว่ามันโฟกัสได้เร็วที่สุดในโลกที่ 0.05 วินาที แต่ตอนเราเล่นนี่ก็ไม่รู้หรอกว่า 0.05 อย่างที่ว่ามั้ย(ใครจะไปรู้อะ ถามจริง 5555) รู้แค่ว่าเร็วและแม่นมากแบบเกิดมาเพิ่งเคยเจอกล้องที่โฟกัสได้ดุขนาดนี้

เราลองทดสอบการโฟกัสด้วยการให้น้องเราเดินเข้าหากล้อง เราใช้โหมดโฟกัสต่อเนื่อง(AF-C) พื้นที่โฟกัสแบบWide ยิงต่อเนื่อง30รูป เลนส์ที่ใช้คือเลนส์ 55mm f1.8 ค่าที่ใช้คือ 1/2000 f2 iso100

แล้วโฟกัสเข้ามั้ย? ให้เข้าไปดูรูปเองทั้งหมดได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ครับ

ดูแล้วใช่ปะ ประทับใจมากกกกกกกกกก บอกเลย

ชัตเตอร์

ความเร็วชัตเตอร์สูงสุดอยู่ที่1/4000วินาที ช้าสุดอยู่ที่30วินาที มีโหมดBulbให้ใช้งาน ที่สำคัญคือ Silent Shutter มาแล้วววว กรี๊ด ต่อไปนี้คือสามารถถ่ายแบบไม่มีเสียงชัตเตอร์รบกวนได้ละ ฟังก์ชั่นนี้เหมาะเอาไปถ่ายสัตว์แบบไม่ให้มันตื่นกลัว หรือถ่ายในสภาวะที่ไม่อยากรบกวนชาวบ้าน เช่นพวกงานสตรีท

ISO

ปรับได้ตั้งแต่ 100–51,200 ครับ เราจะครอปให้ดูดีเทลของ ISO ตั้งแต่ 800 นะ

iso 100
iso100
iso800
iso1600
iso3200
iso6400
iso 12800
iso 25600
iso 51200

การถ่ายภาพต่อเนื่อง

ยิงต่อเนื่องได้ที่ 11 ภาพต่อวินาที รัวมาก ตั้งระดับความรัวได้หลายระดับ อย่าห่วงเรื่องถ่ายรัวไม่ทันเลย ไปห่วงเรื่องบันทึกข้อมูลลง SD Card ไม่ทันจะดีกว่า 555

วีดีโอ

สามารถถ่ายวีดีโอ 4K ได้ (ที่30เฟรมต่อวินาที 100Mbps) แบบไม่มี pixel binning! อ่าวภาษาเทคนิคอีกละ อธิบายง่ายๆนะ คือเวลาเราถ่ายวีดีโอ กล้องมันมักจะไม่สามารถอ่านข้อมูลได้หมดทุกพิกเซลเร็วปรี๊ดเหมือนเวลาเราถ่ายรูปอะ มันจึงมีการรวบหลายๆพิกเซลเข้าด้วยกันเพื่อที่จะได้อ่านเร็วขึ้นแต่มันจะส่งผลให้สูญเสียรายละเอียด แน่นอนว่าการไม่มี pixel binning ของ A6300 ก็จะทำให้รายละเอียดครบถ้วนกว่า

Sony A6300 ถ่ายวีดีโอ 4K ได้นานประมาณ 20นาทีต่อRecordนะ ตัวเลขนี้ถามมาจากวิศวกรโซนี่เค้า ในโบชัวร์ดั๊นนนไม่มีบอก หากถ่ายแบบ Full HD สามารถถ่ายได้ที่ 29.59 นาทีเหมือนกล้องทั่วๆไป (คือหากเกินนี้ไปมันจะถูกจัดเป็นกล้องวีดีโอและเสียภาษีแพงขึ้น) ความดีงามของ Full HD คือสามารถถ่ายได้ที่ 120 เฟรมต่อวินาที

สำหรับคอวีดีโอทั้งหลาย กล้องตัวนี้สามารถใช้โปรไฟล์ S-log2, S-log3 ให้ไปยำแต่งวีดีโอกันต่อให้สนุก แถมรุ่นนี้มีช่องเสียบไมโครโฟนมาให้แล้ว ดีใจด้วย /รัวมือ

มีช่องต่อไมค์

แต่ข้อเสียอย่างนึงที่พบในA6300คือกล้องตัวนี้มีปัญหาเรื่อง Rolling Shutter ที่ชัดเจนมาก ใครจะเอาไปใช้งานวีดีโอต้องระมัดระวังหน่อยเวลาแพนกล้องเร็วๆครับ

ตอนไม่แพนกล้องถ่ายวีดีโอ
ตอนแพนกล้องถ่ายวีดีโอ
เกิด rolling shutter

ใครที่สนใจนำตัวนี้มาถ่ายวีดีโอ ลองนำเรื่องนี้ไปคิดทบทวนดูครับว่าซีเรียสมั้ย แต่เรื่องนี้ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นสำหรับเรา และเราว่าคนส่วนมากก็ไม่ได้มีโอกาสแพนกล้องเร็วมากๆถ่ายวีดีโอกันบ่อยๆนะ

ไว้ว่างๆจะถ่ายวีดีโอมาให้ดูกันครับ :D

Viewfinder

มีมาให้เป็นช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ ความละเอียดอยู่ที่ 2,359,296 จุด ตอนใช้ก็รู้สึกไม่น่าหงุดหงิดอะ ภาพดูคมชัดเสมือนจริง มีวงแหวนหมุนๆข้างๆช่องมองภาพเอาไว้ให้ปรับสายตา ในกล่องมี eyecup มาให้ติดด้วย เพื่อความถนัดในการส่อง viewfinder มากยิ่งขึ้น

หน้าจอ

ขนาด3นิ้วมาตรฐานเดียวกับกล้องMirrorlessทั่วไป ความละเอียด 921,600 จุด สามารถดันขึ้นได้90องศา และดันลงได้45องศา ใช้ถ่ายได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่นเวลาเราต้องชูกล้องขึ้นไปสูงๆหรือถ่ายมุมตำ่ กล้องตัวนี้พับจอเซลฟี่ไม่ได้นะครับ บัยนะ ชาวเซลฟี่ทั้งหลาย

ปรับจอขึ้นลงได้

ปุ่มควบคุมต่างๆ

เรื่องปุ่มนี่เกือบเหมือนA6000เลย มีคันโยกเปิดปิดหุ้มอยู่รอบๆปุ่มชัตเตอร์ มีปุ่มC1อยู่ข้างๆชัตเตอร์เอาไว้ตั้งปุ่มลัด ถัดมาข้างหลังจะมีวงแหวนปรับเมนู ริมสุดมีวงแหวนปรับรูรับแสง

ปุ่มวีดีโอนี่อยู่ด้านข้างเลย มีความหลบในนิดนึงป้องกันการเผลอไปโดน ถ้าหากว่าใครรู้สึกกดยากก็แก้ปัญหาได้ด้วยการตั้งปุ่มอื่นเป็นปุ่มลัดไว้กดถ่ายวีดีโอก็ได้

ด้านหลังมีปุ่มC2เป็นปุ่มลัดให้ใช้งานอีกปุ่ม ส่วนตัวเราไม่ได้อยากได้ปุ่มลัดเยอะมากมายเพราะตั้งปุ่มลัดอยู่อย่างเดียวคือ Eye Autofocus ใครที่ชอบถ่ายคน เราแนะนำเลย ได้ใช้บ่อยมากจริงๆ ใช้ดีด้วย

ปุ่มด้านหลัง

แฟลช

มีแฟลชในตัว เมื่อกดปุ่มหน้าตาเหมือนสายฟ้า ก็จะเด้งขึ้นมาแบบนี้

หน้าตาของแฟลช

ซึ่งเราสามารถดันก้านแฟลชเพื่อ bounce กับเพดานได้ครับ

ดัน bounce เพดานได้

นอกจากแฟลชในตัวกล้องแล้ว กล้องตัวนี้มี Hotshoe ให้ติดแฟลชแยกได้ด้วย

บอดี้

หน้าตานี่แทบจะเหมือนกับ A6000 อยู่แล้ว เพิ่มเติมมานิดหน่อยคือมีสกรีนชื่อใหม่กับเครื่องหมาย 4K มาด้วย

สัมผัสแรก เรารู้สึกว่ามันแข็งแรงทนทานมาก คือบอดี้เป็นแมกนีเซียมอัลลอยทั้งอัน จากเดิมที่เจ้าA6000มันใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอยแค่บางส่วนเท่านั้น แต่มันก็ทำให้มีความหนักเพิ่มขึ้นมาจากรุ่นA6000อีกนิดหน่อย

นน.ของกล้องตัวนี้คือประมาณ 404 กรัม (บอดี้รวมแบตและ SD Card)

มีหลายคนมากที่มาถามเราว่าหนักขึ้นเยอะมั้ย คือมันหนักกว่ารุ่นA6000อยู่52กรัมอะ ถ้านึกไม่ออกว่า52กรัมนี่หนักประมาณไหน เอ่อ พูดยังไงดีวะให้เป็นรูปธรรม งั้นลองนึกถึงมันฝรั่งเลย์ขนาดถุง20บาทดู เออนั่นแหละ นน.ของA6300เทียบเท่าA6000ที่แปะเลย์20บาทไว้ข้างบนถุงนึง 555

ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ แค่หันไปเห็นวางอยู่แล้วมัน52กรัมพอดี

บอดี้กันฝุ่นและกันความชื้น มันพอจะโดนละอองฝนได้ระดับนึง แต่อย่าทะลึ่งเอาไปลงนำ้โดยไม่มี housing นะครับ พัง

เอาออกไปลุยสักหน่อย

ส่วนการจับถือนี่ดีมาก กริปติดมือสุดๆ วัสดุตรงกริปเป็นยาง ถือมือเดียวได้มั่นใจไม่ต้องกลัวหล่น ชอบมาก

กริปเข้ามือ จับถนัดดี

ขนาดตัวเมื่อเทียบกับตระกูลA7 A6300มันจะมีความเล็กกว่านิดนึง ถ้าตัดกระโหลกข้างบนของ A7 ทิ้ง ขนาดตัวก็แทบจะเหมือนกันเลย ต่างตรงที่ A6300 ด้านยาวจะแคบกว่านิดดดดดนึง

ขอโทษสำหรับความเยินของกล้อง a7s

Wifi

มีอยู่แล้วสำหรับกล้องสมัยนี้ แตะNFCได้ ส่งรูปเข้ามือถือได้ผ่านแอปPlayMemories ส่งวีดีโอเข้ามือถือได้เช่นกันถ้าถ่ายเป็นMP4 ใช้มือถือเป็นรีโมตสั่งการให้ถ่ายภาพได้ผ่านแอปในตัวกล้องชื่อ Smart Remote

แบตเตอรี่

ชาร์จเต็มหลอด ถ่ายได้ประมาณ 350–400 ภาพครับ ถ้าใช้แต่จอ LCD ข้างหลังจะกินแบตน้อยกว่าใช้ viewfinder นิดหน่อย

ในกล่องให้มาเป็นที่ชาร์จแบบเสียบกับตัวกล้องโดยตรง ชาร์จแบบนี้ก็สะดวกสบายดี กล้องแบตใกล้หมดก็เอาพาวเวอร์แบงก์มาเสียบได้ แต่ถ้าใครไม่ชอบชาร์จแบบนี้ก็ต้องไปหาซื้อแท่นชาร์จแยกเอา

เลนส์คิต

เป็นเลนส์ 16–50mm f3.5–5.6 ซูมไฟฟ้า ยืดหดได้ ขนาดตัวเล็กจิ๋วเดียว

เป็นเลนส์พื้นฐานสำหรับคนที่ยังใหม่กับการถ่ายภาพ คนที่ยังค้นหาตัวเองอยู่ คนที่ยังไม่รู้ชอบถ่ายอะไรแนวไหน เพราะเจ้าตัวเล็กนี่ถ่ายได้หมดแทบทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ถ้าใครคิดว่าไม่ได้ใช้หรอก ก็ไม่ต้องเอาก็ได้ เค้ามีขายแพจเกจกล้องแบบบอดี้เปล่าๆด้วย

ราคา

ราคาในไทยตามนี้ครับ

39,990 บาท สำหรับบอดี้เปล่า

46,990 บาท สำหรับบอดี้พร้อมเลนส์คิต

โอเค ราคาแรงจริง ยอมใจ เรารู้ซึ้งว่าหลายๆคนอ่านแล้วเจ็บ แต่ความเจ็บนี้อาจบรรเทาได้ด้วยการกลับไปอ่านสเปคที่เรากล่าวมาข้างบนอีกรอบนึง

หลายๆคนบอกว่าราคาเท่านี้ทำไมไม่เล่น Sony A7 ไปเลย เป็นฟูลเฟรมด้วย จะบอกว่ามันตอบลูกค้าคนละกลุ่มกัน กล้องฟูลเฟรมไม่ได้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มครับ อีกทั้งA7ยังเป็นแค่กล้องฟูลเฟรมระดับเริ่มต้นเท่านั้น แต่นี่คือกล้องเซนเซอร์APS-Cระดับสูงสุดจากโซนี่ ยังไงเทคโนโลยีของA7ก็ยังตามหลังA6300อยู่มากอย่างเห็นได้ชัด เรื่องการโฟกัสหรือพวกงานวีดีโอนี่เทียบกันไม่ติดเลยนะ แต่กับใครที่แคร์เรื่องมิติของภาพ หรือพวกเรื่องการเบลอหลัง ยังไงเราแนะนำให้ไปเล่น A7 จะตรงใจกว่าครับ

อยากได้มิติฟูลเฟรมก็ไปA7 อยากได้กล้องเล็กสเปคเทพก็มาเล่นA6300ตัวนี้

เลนส์แยก

กล้องตัวนี้เป็นกล้อง E-mount เพราะฉะนั้นเลนส์ตัวไหนที่เขียนว่า E-mount เอามาติดกับกล้องตัวนี้ได้หมด ตัวกล้อง A6300 ไม่ได้มีกันสั่นมาให้ในตัว ดังนั้นเวลาเลือกเลนส์ หากเลือกที่มีกันสั่น(OSS)ก็จะดีกับชีวิต

สำหรับคนที่ใช้ซีรีส์ A7 อยู่แล้ว หากเราเอาเลนส์ FE-mount มาติดก็ใช้งานได้ 100% ครับ หรือถ้าไปซื้ออแดปเตอร์ LA-EA3 เราสามารถใช้เลนส์ A-mount(เลนส์กล้อง DSLR ของโซนี่) ได้หมดเลย

หากว่าอยากเน้นถ่ายคนและถ่ายโน่นนี่นั่นทั่วไป เลนส์ที่เราแนะนำให้มีติดไว้คือ 35mm f1.8 ครับ เป็นเลนส์ที่บวกกับคุณสมบัติเซนเซอร์ของ A6300 (คูณ1.5) แล้วจะได้ระยะ Normal พอดี ซึ่งเป็นระยะที่ถ่ายไม่ยาก เบลอหลังได้ และราคาไม่แพงเว่อ ประมาณหมื่นสามถึงหมื่นห้า หากอยากได้สะดวกกว่า 35mm f1.8 อีกนิดนึง ลองดู FE 28 f2 เบลอหลังได้เหมือนกัน ราคาพอกัน แต่ข้อเสียคือไม่มีกันสั่น

หากเน้นเอาคุณภาพดีๆและสะดวกมากๆ เอาแบบถ่ายคนนั่งกินข้าวตรงข้ามได้พอดี ลองดูเป็นเลนส์ 24mm f1.8 ดู ราคาประมาณสามหมื่นห้า เออ รู้ว่าแพงบรม แต่ก็คุณภาพ Carl Zeiss น่ะนะ

หากใครอยากจะเน้นถ่ายคนจริงๆ ต้องถอยเยอะก็ด๊อนแคร์ เราแนะนำเป็นเลนส์ 50mm f1.8 ไปเลย เพราะเบลอหลังสวยดี แถมราคาถูกมาก ราคาเต็ม9990 แต่โซนี่มีโปรลดราคาตัวนี้ตลอด หากชอบช่วงนี้และทุนหนาหน่อย สามารถขยับไปเล่น FE 55mm f1.8 ก็ได้ เป็นของ Zeiss เจ้าเดิม ตัวนี้คมมากเป็นอันดับต้นๆของเลนส์โซนี่เลย ราคาประมาณสามหมื่นนิดๆ เกิดอยากขยับไปซีรีส์ A7 ก็ทำได้เลย ไม่ต้องขายเลนส์ทิ้ง

หากอยากจะถ่ายมุมกว้างมากๆ เน้นทิวทัศน์ ลองดู 10–18mm f4 ราคาสองหมื่นปลายๆ แต่ถ้างบน้อย ลองพิจารณา 16mm f2.8 ดูครับ ราคาเต็มมันเกือบๆหมื่น แต่มือสองเหลือสามสี่พันเองมั้ง

หากใครอยากจะเล่นเลนส์ซูมครอบจักรวาล ลองดูเป็น 16–70mm f4 ของ Sony Zeiss (ประมาณสามหมื่น) 18–105mm f4 (ประมาณสองหมื่น) หรือ 18–200mm f3.5–6.3 (ประมาณสองหมื่นห้า) ดูก็ได้ เหมาะสำหรับมนุษย์ที่ขี้เกียจแบกหลายตัวและอยากหาเลนส์ดีๆติดกล้องไว้แบบไม่ต้องเปลี่ยนอีกเลยตลอดกาล ส่วนถ้าใครอยากได้เลนส์ซูมโอปป้าราคาถูก ลองดูเป็น 55–210mm f4.5–6.3 ราคาอยู่ที่ประมาณหมื่นนิดๆ

สรุป

นี่เป็นกล้องจากโซนี่ที่มหัศจรรย์ใจเรามากๆ ภาพนิ่งก็ได้ วีดีโอก็ดี ไฮไลต์ที่สนับสนุนทั้งงานภาพนิ่งและวีดีโอคือเรื่องการโฟกัสนี่แหละ กล้องตัวนี้สามารถเป็นกล้องตัวที่2ของช่างภาพมือโปรได้สบายๆ หรือจะเป็นกล้องของมือสมัครเล่นที่อยากได้กล้องสเปคโหดๆไว้ใช้งานก็ได้ ถ้าคิดจะนำไปใช้งานครอบจักรวาล A6300ตัวนี้สามารถทำให้ได้ไม่มีปัญหา ใครจะเอาไปรับงานจริงจังยังได้เลย เชื่อเรา ลูกค้าไม่เข้าใจก็ส่งบทความนี้ให้เค้าอ่าน

ขอบคุณที่ติดตามกันนะ ใครที่มีคำถามหรืออยากให้รีวิวอะไรเพิ่มเติมก็มาคุยกันได้เหมือนเดิมที่เพจ Chanon ที่ Twitter ที่ Instagram หรือที่ ask.fm ก็ได้ เอาตามช่องทางที่ตัวเองสะดวกได้เลย เราจะพยายามตอบให้ทั่วถึงนะครับ ช่วงนี้คำถามเยอะมากอาจจะมีตกหล่นบ้าง ส่วนใครที่อยากติดตามบทความต่อๆไปก็กด follow บน medium ไว้เลยก็ได้ตามลิงก์ข้างล่าง หรือจะรออัปเดตในเพจหรือทางทวิตเตอร์ก็ตามสะดวกครับ :D

ก่อนจากกัน เรามีภาพจาก Sony A6300 มาให้ชมเพลินๆ ขอขอบคุณ @chopluem @mookworranit และ @_misss_ ที่มาเป็นนางแบบให้นะ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าครับ บรัย

--

--

Tor Chanon
torcnn

ต่อ ชานนท์ โตเลี้ยง / Photography Tips and Reviews. Instagram & Twitter : @torcnn