เด็กรุ่น Ragnarok

Pattapong J.
NoteWise
Published in
3 min readAug 22, 2017

นึกย้อนกลับไปตอนเป็นเด็ก

https://pantip.com/topic/35398584

เริ่มเกมด้วยการเลือก avatar ถือ dagger กาก ๆ ไปไล่จิ้มปอลิ่งเป็นพันตัว เทียวไปเทียวกลับเมือง หลายรอบเพื่อเอา item ไปขายแลกเงินมาซื้อเลือดไว้เติม ซื้ออาวุธใหม่ เราทนทำมันได้เพราะมีเป้าหมายว่าเราจะ lv up แล้วได้ไปเจอสิ่งใหม่ ๆ ที่มันสนุกท้าทายยิ่งขึ้น

พอถึง level9 จบ (ม.3)พร้อมจะเลื่อน class เราก็ต้องมาเลือก ว่า job ไหนที่เราอยากเป็นและเข้ากับนิสัยเรา ซึ่งตรงนี้ส่วนมากเราก็จะทำการบ้านมา ว่าแต่ละอันดีต่างกันยังไง แล้วเราชอบแบบไหนที่สุด

https://hypentechgaming.blogspot.com/2014/03/oldies-ragnarok-online-mmorpg-review.html
  • swordsmen:สมดุลรุกรับ แต่ด้วยความสมดุลเลยทำให้ไม่มีอะไรโดดเด่น ใช้ถึกทนเข้าสู้ ลุยดะๆ ไปเลย
  • thief:โจมตี หลบหลีกรวดเร็ว ทำ damage ได้เบาแต่ถี่ แต่เลือดน้อย ถ้าหลบไม่ได้โดนทีเดียวก็เกือบตาย
  • archer: โจมตีจากระยะไกล โจมตีเร็ว แม่นยำ โดนประชิดตัว หรือโดนรุมเมื่อไร ก็เตรียมลาโลกได้ง่าย ๆ
  • Magician: โจมตีรุนแรง แต่ช้า ลูกเล่นหลากหลาย แต่ต้องอาศัยจังหวะ และการวางแผนที่ดี

เราเลือกเพราะเราคิดมาดีแล้ว ว่าเราจะเจอกับอะไร และเราชอบแบบนั้น คุณจะคิดยังไง ถ้าไปเจอคนเล่น swordman พอถามว่าทำไมถึงมาเล่นอาชีพนี้ แล้วน้องเค้าตอบว่า

ผมเล่นเพราะพ่อแม่อยากให้เล่นครับ ผมอยากใช้เวทย์แต่พ่อแม่กลัวตายง่าย เสี่ยงเกินไป เลยให้เลือกเล่นอาชีพนี้ จะได้เลือดเยอะ ๆ def เยอะ ๆ ตายยาก ๆ หน่อย ผมก็เลยเชื่อพ่อแม่ ปล่อยเวทย์มนต์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ตายยากอย่างที่พ่อแม่ว่าจริง ๆ

หรือ

พ่อแม่เล่น thief ผมเลยต้องเล่น thief ด้วยครับ น่าจะทำเงินได้เยอะ

จริง ๆ อาชีพไหนก็ทำเงินได้เยอะนะ ถ้าเราไม่เป็น”ไอ้กระจอก” ตามนิยามของอาจารย์เฉลิมชัย

ถ้าเราไม่รู้จักตัวเองเลยซักนิด มันก็คงสะดวกดีนะที่มีคนมาเลือกให้ แต่อย่างน้อยเล่นๆไป เราก็น่าจะรู้จักตัวเองมากขึ้นไหม ที่คิดว่าใช่ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ที่คิดว่าไม่ชอบ ลองๆแล้วอาจจะชอบก็ได้ ตอนแรกมันก็ต้องเริ่มจากมโนเอาก่อนนี่แหละ แล้วลองลงมือทำดู ถึงจะรู้ว่าชอบไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่ทางก็รีบเปลี่ยน

พอเล่นมาได้ระดับหนึ่ง เราก็จะมีการสั่งสม skill ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้มาจากอาชีพและความถนัดของเรา เรารู้ดีว่าเราอัพทุก skill ไม่ได้ เราต้องเลือกอัพอันที่เป็นประโยชน์กับเราในปัจจุบันที่สุด พลิกแพลงใช้เหมาะสุด แล้วพอได้ skill นั้นมา เราก็จะมองหาที่หรือสถานการณ์ที่จะใช้ skill เราได้มีประสิทธิภาพที่สุด หรือถ้าทำไม่ได้ ก็ประยุกต์ใช้ skill ที่มี ให้เข้ากับทุกสถานการณ์ตรงหน้า ให้มากที่สุด

https://strategywiki.org/wiki/Ragnarok_Online/Skill_Tree

เช่น ถ้าคุณมี magnum break คุณก็ต้องลาก monster มาเยอะๆ พอมารุมคุณ กด skill ทีเดียว ตายเกลี้ยง เสีย hp นิดหน่อย เสียเวลาลาก แต่ประหยัด sp ได้expเยอะ ของdrop เยอะ
หรือถ้ามี wind walk หายตัววิ่งเร็ว เราก็ต้องอ้อมไปตุ๋ยฝ่ายตรงข้าม ไม่ก็เก็บไว้ใช้ตอนหนี

skill เราเลือกได้ไม่มาก แต่ประเด็นคือเราต้องรู้ว่ามันเอาไว้ทำอะไร เหมาะจะใช้ตอนไหน เราต้องทั้งมีความรู้และต้องฝึกฝนจน master เสร็จแล้วเลือกสถานการณ์ที่ skill นี้จะเบ่งบาน หรือเมื่อเจอปัญหา ก็พยายามนำ skill ที่มีมาช่วยแก้ปัญหา

เราต้องเลือกด้วยว่า การมี 100 skill แต่ทุกอัน lv1 กับมี 2 skill แต่ lv99 อันไหนมันน่าสนใจกว่ากัน

พอเราเลเวลสูงพอ มี skill พร้อม เราก็ออกทำเควส ล่ามอนสเตอร์ เราก็ต้องเลือกแบบที่เหมาะกับนิสัยและskillของเรา ถ้าดูแล้ว stats เราพอไหวก็ลุย
ถึงตรงนี้ ตอนคุณเล่นเกม มีหรือเปล่าครับ ที่คุณไม่กล้าเสี่ยงทำเควส ทั้ง ๆ ที่พอมองเห็นว่าทำได้ ไม่กล้าตีมอนสเตอร์ เพราะกลัวจะเสียเลือด ไม่กล้าลงดันเจี้ยน เพราะกลัวจะเจอบอสเก่ง ๆ
มันก็มีบ้าง แต่สุดท้ายเราก็ต้องลุยอยู่ดีใช่ไหม เพราะรู้ว่าถ้าเราไม่ลุย เราก็จะหยุดอยู่กับที่ เราจะกลับไปตีปอลิ่งเหมือนเดิมก็ได้ แต่มันแทบจะไม่ให้อะไรเราเลย exp ก็แทบไม่ได้ เงินก็ได้ทีละนิด

ในชีวิตจริง เราเรียกความไม่กล้านี้ว่า comfort zone ตอนเล่นเกมถ้าเราฝึก psychology ไปด้วยเราจะรู้ว่าจริงๆ เราแค่ต้องประเมินความเสี่ยงและเตรียมแผนรับมือ เสร็จแล้วก็ลุยกันเลย เจออะไรไปว่ากันข้างหน้า บางอย่างก็ต้องรับความเสียหายบ้าง เพราะความอยาก perfect มันทำให้คุณไม่กล้าออกจากกรอบ

https://minimore.com/f/ROnostalgia-81

ไปล่าบอส มันเก่งก็จริง แต่คุณก็แค่ต้องรู้ว่าโดนตีกี่ทีจะตาย เตรียมเลือดไป เตรียมแผนหนีไว้ หาเพื่อนช่วย อันนี้เราเรียกว่าการบริหารจัดการความเสี่ยง Risk management รู้ว่าจะต้องเสี่ยงอะไร เสี่ยงยังไง ความเสียหายที่รับได้คืออะไร มันจะทำให้เรากล้าลุยมากขึ้น

เล่นหุ้นยอมขาดทุนไม่ได้ ก็เหมือนล่าบอสไม่อยากเสียเลือดแหละ … แค่คิดก็ผิดแล้ว

ถ้าจะเล่นให้สนุก ต่อไปก็คือต้องมี party จัดทีมช่วยกันทำเควส ความเชี่ยวชาญที่แตกต่างของแต่ละคน จะช่วยเติมเต็มกันและกัน และทำให้คุณสามารถสู้กับปัญหาที่ท้าทายมากขึ้นได้ แต่นั่นคุณต้องรู้จักตัวคุณดี และคนในparty ก็ต้องรู้และยอมรับในความสามารถคุณเช่นกัน

https://game.mthai.com/online-games/23924.html

ลองนึกภาพว่าคุณเป็น wizard แต่เพื่อน ๆ ให้ช่วยเป็น tanker สิครับ กดเลือดสู้ก็ถ่วงเวลาให้แทบไม่ได้
หรือ party ที่ทุกคนเป็น archer หมดเลย skill ก็เหมือนกัน มันก็จะทำได้แต่งานคล้ายสมัยเล่นคนเดียว

บางทีเรามี skill ชุดนึง แต่ไปเข้ากับใครเขาไม่ได้เลย เป็น skill ที่ไม่มีคนอยากดึงเข้าตี้แล้ว เราก็ต้องเลือกอีกนะ ว่าจะดันทุรังเป็นผู้เชี่ยวชาญใน skill ที่กำลังจะตายหายไป (ซึ่งถ้าโชคดีเจอคนที่ต้องการ ก็จะเป็น hero เลย อยากได้อะไรได้หมด) หรือจะปรับตัวไปฝึกความรู้ใหม่ๆ มาเพิ่มความสามารถของตัวเอง

====

ตอนเริ่มเล่นเกม ทุกคนล้วนต้องเลือก avatar ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เหมือนจะมีอิสระที่จะเลือกว่าจะทำอะไรบ้าง แต่ลึก ๆ แล้วตัวเกมหรือสังคมมีการออกแบบไว้ให้คุณแล้ว ว่าทางที่ควรเดินคือยังไง เราจะเลือกไม่เดินตามทางนั้นก็ได้ แต่จะพบกับความยากลำบากหรือการต่อต้าน จนถึงบางทีแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะงั้นก้าวแรกที่เกมเมอร์ทุกคนเรียนรู้คือ เรียนรู้กฏ ขอบเขตของกฏอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แล้วก็เล่นเกมในระดับที่ตัวเองมีความสุขที่จะทำ เมื่ออยู่ในเกมเดียวกัน ทุกคนเริ่มต้นคล้าย ๆ กัน ตีปอลิ่งเหมือนกัน ทำเควสของ novice คล้าย ๆ กัน รวยหน่อยก็อาจจะไปเร็วกว่าเพื่อน ยอมจ่ายตังซื้อของดีๆมาบูส คนที่มีทักษะเยอะ วางแผนดี มีข้อมูลมากกว่าคนอื่น ก็ไปได้ดีกว่า ไวกว่า รวยกว่า เก่งกว่า

โลกมันก็เป็นแบบนี้แหละ

เวลาเห็นคน level สูงกว่าในเกม เรารู้สึกยังไง เวลาเห็นคนในโลกจริง level สูงกว่าเราทำไง

คุณเคยเห็นคนโวยวายในเกมว่า คน level สูงกว่ามันเอาเปรียบหรือเปล่า ทั้งน่าตลกทั้งน่าสงสาร คนในเกมที่เข้าใจกฏดี จะรู้ว่าการที่จะได้มาอะไรมา ต้องใช้เวลา แรง ทรัพย์สินและฝีมือ รวมกัน การที่คนอื่นเงินเยอะกว่า เลเวลสูงกว่า ก็เพราะเค้าทำเคสมาเยอะกว่า หรือมีประสิทธิภาพกว่า หรือตีมอนสเตอร์มาเยอะกว่า หรือถ้ามีitemดีกว่า ก็เพราะเค้ามีเงินเยอะพอจะซื้อ ไม่ก็เสี่ยงไปตีศัตรูเก่ง ๆ จนได้ของ drop ดี ๆ มา

อีกเรื่องที่ค้นพบคือ ขั้นตอนในการเติบโตในเกม เราต้องประเมินกำลังตัวเอง วางแผน เลือกทำเลดี เพื่อตีมอนสเตอร์ที่ให้ Exp สูงที่สุด เท่าที่เราจะรับความเสี่ยงได้ เมื่อเราสามารถทำได้จนมี level เพิ่มขึ้นแล้ว เราก็ต้องมองหาเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายมากขึ้น ให้ exp มากขึ้น และเหมาะกับskill ที่เรามี …ในชีวิตจริงทำแบบนี้กันหรือเปล่าครับ

ใช่ครับ ผมกำลังพูดถึงการตั้งเป้าหมายและขั้นตอนการประสบความสำเร็จในชีวิต โดยเปรียบเทียบกับการเล่นเกม ที่เอาหัวเรื่องมาอยู่ซะตอนท้าย ก็เพราะอยากให้มันเหมือนกับเรื่องที่พึ่งเล่าจบไป คุณตั้งเป้าหมายว่าคุณจะอ่าน คุณอ่าน และคุณก็อ่านจบ เมื่ออ่านจบคุณก็รู้ว่าเส้นทางที่คุณพึ่งผานมา มันคืออะไร มีรายละเอียดอะไรบ้าง และมีบทสรุปคืออะไร บางคนไม่ได้ทนทำมันจนถึงที่สุด ก็อาจจะไม่ได้บทเรียนของเส้นทางนี้ (แต่ก็อาจจะได้เอาเวลาไปใช้กับสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า )

… คุณต้องมีศรัทธาและกำลัง คุณถึงจะมีใจที่จะเริ่มต้น
… คุณต้องมีความรักและความทุ่มเท คุณถึงจะมีแรงเดินต่อไปได้แต่ละก้าว
… คุณต้องมีวินัย มีความต่อเนื่อง คุณถึงจะทำมันจนสำเร็จ
… คุณต้องมีเป้าหมาย แผนการณ์ และความรู้ คุณถึงจะทำสิ่งต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
… คุณต้องมีความเข้าใจและสติ คุณจะไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ และพร้อมจะแสวงหาเกมใหม่ ๆ

P.S. เขียนไว้นานมากแล้ว น่าจะตั้งแต่ตอนอายุ 20 หน่อยๆ แต่เขียนไม่จบ ยังรู้สึกอยากใส่อะไรเพิ่มอีก บางอันดูเวิ่นเว้ออยากตัด บางอันดูอยู่ดีๆก็กระโดดขึ้นมา เขียนค้างๆคาๆ จนลืมไปว่าเขียนไว ้ นั่งเคลียไฟล์เก่าๆค่อยมาเห็น ก็โพสเลยละกันนะ 5555

--

--