Minimum Viable Knowledge
ผมเคยเล่าไปในบทความนี้ว่าหลังๆมานี้ผมอ่านหนังสือน้อยลง :( แต่นั่นไม่ได้แปลว่าผมจะได้เรียนรู้น้อยลง … การอ่านหนังสือเป็นเล่มๆเมื่อเทียบกับการอ่านบทความเป็นเรื่องๆนั้นมีข้อได้เปรียบอยู่หลายส่วน
- เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวได้ดีกว่า
- เข้าใจแนวคิดเบื้องหลังชัดเจน
- มีตัวอย่างกรณีศึกษาให้คิดตามเยอะ
- สร้างสมาธิและความอดทนได้มากกว่า
แต่ถ้าเป้าหมายของเราไม่ใช่การอ่านหนังสือจบเล่มแต่เป็นการประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้กับการแก้ปัญหาหรือการพัฒนาอะไรบางอย่าง … เราก็จะเริ่มมองเห็นว่าจริงๆแล้วส่วนสำคัญไม่ใช่การหาแต่เป็นการใช้ต่างหาก
ผมอ่านหนังสือที่ชื่อ Information Dashboard Design อยู่เพราะผมอยากได้ความรู้ในการออกแบบแดชบอร์ดอย่างมีหลักการ การอ่านหนังสือเฉพาะทางเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเสิร์จหาบทความสั้นๆที่ไม่ต่อเนื่อง เล่มนี้อ่านแล้วสนุกมาก ติดพัน วางไม่ลง … จนมาถึงหน้าที่คนเขียนเล่าให้ฟังเรื่องการออกแบบบาร์ชาร์ตประเภทหนึ่งซึ่งเค้าตั้งชื่อว่า “Bullet graphs” มันเป็นการออกแบบที่ตรงกับปัญหาที่ผมเจออยู่ ตรงกับสิ่งที่ผมกำลังคิดจะทำ — เมื่ออ่านส่วนนี้จบแต่แทนที่จะอ่านส่วนต่อไปเรื่อยๆ ผมหยุดแล้วเริ่มวาดแดชบอร์ดของผมทันที
ระหว่างออกแบบก็เปิดหนังสือไปด้วย อ่านไปทำไป ลองไปแก้ไป ทำความเข้าใจกับสิ่งที่หนังสือบอก ประยุกต์ใช้ตัวอย่างที่มีกับงานจริง — ไม่เหมือนกัน 100% แต่ผมก็ได้การแสดงผลแบบใหม่ที่ “น่าจะ” เหมาะกับโจทย์ของผม
ที่น่าประหลาดใจสำหรับตัวผมเองคือ … ผมไม่กลับไปอ่านหนังสือเล่มนี้ต่ออีกเลย ฮ่าๆ อาจจะเป็นเพราะได้ความรู้ที่เพียงพอต่อการประยุกต์ใช้กับงานตอนนี้แล้ว อาจจะเป็นเพราะรู้ว่าผมจะหาความรู้เรื่องนี้เพิ่มเติมได้จากไหน หรืออาจจะเป็นเพราะรู้ว่าแหล่งความรู้ที่ดีที่สุดเกิดจากการลงมือทำไม่ใช่แค่การค้นคว้า
เราไม่ต้องการความรู้ทั้งหมดเพื่อเริ่มทำอะไรใหม่ๆ เราต้องการแค่ความกล้าและความรู้ที่เพียงพอ — Minimum Viable Knowledge