1 ปีที่ Pi R Square

Natsu Nopanut
Pi R Square
Published in
2 min readDec 27, 2017

--

หลังจากห่างหายจากการเขียนบทความไปนาน สิ้นปีนี้จะมาเขียนรีวิว ชีวิตการทำงานของตัวเองที่บริษัท Pi R Square โดยบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทที่ 2 ตั้งแต่เรียนจบมาและทำงานได้เกิน 1 ปีแล้ว (รวมทดลองงาน)

ตลอดระยะเวลาการทำงานตั้งแต่ ทดลองงานจนถึงปัจจุบัน ก็มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งกดดัน ทั้งสนุก และได้เรียนรู้สิ่งต่างไปพร้อมๆ กัน

โดยจะแบ่งสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการทำงานออกเป็น 4 ด้านหลัก คือ ด้านสุขภาพ, ด้านจิตใจ, ด้านความรู้ และด้านอีเวนท์

ด้านสุขภาพ

ปี​นี้​ถ้ายเทียบกับหลายๆปี เป็นปีที่ป่วย​บ่อย​มาก​ แทบ​จะป่วย​เดือน​ละ​ครั้งเลยก็ว่า​ได้และ​มี​อาการ​ป่วย​ครั้ง​ใหญ่​ช่วง​กลาง​ปี​ ที่ปวดท้องหนักมาก จนต้องไปโรงพยาบาล ​พอ​ได้​ตรวจ​แล้ว​ก็​พบ​ว่า​เป็น​ “โรคนิ่ว​ที่ท่อกรวยไต” ซึ่ง​สาเหตุ​หลัก​ๆ​ ก็​คง​จะ​เป็น​การ​นั่ง​ทำงาน​เป็น​เวลา​นาน​เกิน​ไป​ และ​กิน​น้ำ​น้อย​ด้วย

จาก​นั้น​จึง​คุย​กัน​ใน​ออฟฟิศ​ และชวน​กัน​ไป​ออก​กำลังกาย จากปกติเป็นโปรแกรมเมอร์ธรรมดานั่งทำงานไปวันๆ​ ตอนนี้ก็​เล่นกันจน​กลาย​เป็น​กลุ่ม​ตี​แบต​หลัง​เลิก​งาน​ทุก​สัปดาห์แล้ว (เย้)

https://blog.jetbrains.com/kotlin/2017/05/kotlin-on-android-now-official/

ด้านความรู้

ตั้งแต่​ครั้งแรก​ที่​เข้า​มา​ทำงานใหม่ๆนี้ ​มี​ความ​เชื่อมั่น​ใน​ตัวเอง​สูง​มาก​ว่า ​เฮ้ย​เรา​เขียน​โปรแกรมเป็นนะ ​แต่พอได้ทำงานจริงๆ ก็รู้สึกได้เลยว่าสกิลตัวเองยังห่างไกลกับสกิลที่ใช้ในการทำงานจริงได้มาก (ฮา) จำได้เลยว่าครั้งแรกที่เข้ามา ได้จับงานอีเวนต์จริงๆ เลยชิ้นแรก ซึ่งก็ต้องมาเริ่มศึกษา Json Format ใหม่ จากนั้นก็ไปศึกษา Retrofit และส่วนอื่นๆ ต่อ ในด้านพี่ที่สอนงานก็มีทั้งสาย ช่วยสอนช่วยดูช่วยทำ กับสาย บอกชื่อ key word แล้วปล่อยไปทำเอง (เหมือนผลักลงเหวแล้วย่อนเชือกให้เลย) ทำให้ช่วงแรกๆ ได้เขียนโค้ดจริงจังมาก ต้องศึกษาหลายๆ อย่างกว่าจะเข้าที่เข้าทาง

และคงเป็นโชคดีอีกอย่างนึงด้วย ที่พนักงานที่ทำงานด้วยกันส่วนใหญ่จะเป็นวัยเดียวกัน และมีความกระหายอยากที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆเสมอ ทำให้เราได้ลอง ได้หัด ได้เขียนโค้ดอะไรใหม่ๆ ด้วย

จาก Pattern แรกเริ่มที่รู้จักใช้ในการทำงานคือ MVC ที่เคยเรียนมา ก็ได้ย้ายมา MVP, MVVM, และ Clean Architecture ในที่สุด

ส่วนภาษาที่เรียนรู้เพิ่มเติมก็มี Kotlin ที่เริ่มศึกษาหลังจากที่ทาง Google ประกาศรองรับ จนปัจจุบันก็รู้สึกชื่นชอบมากเป็นอย่างมาก (ฮา)

Firebase ที่ปล่อยของเล่นใหม่ออกมามากมายเหลือเกิน ทำให้เราได้มีโอกาสหยิบมาใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของเราเองด้วย

พัฒนาการที่รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดขึ้นคงเป็นสกิลการเขียนโค้ดที่เพิ่มมากขึ้น เหมือนที่หลายๆคนเรียกมันว่า “ประสบการณ์”

http://steadysteps.in/blog/soft-skills-you-need-for-a-successful-it-career/

ด้านจิตใจ

ต้องบอกเลยว่าประทับใจในด้านนี้ที่บริษัทให้ เพราะมีการสอน Soft Skill มากมายให้กับพนักงานบริษัท ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่ามันเป็นทักษะที่จำเป็นมากในการใช้ชีวิต มีการจัดขึ้นทุกๆ หนึ่งถึงสองเดือนครั้ง เช่น การบริหารเงินโดยใช้หลัก 6 Jar, การบริหารจัดการเวลา, การตั้งเป้าหมาย, Learn-Unlearn-Relearn และอื่นๆ

https://twitter.com/hashtag/firebasemeetupbkk

งานอีเวนต์

ปีนี้เป็นปีนี้ไปออกอีเวนต์เกี่ยวกับ Developer เยอะมากกกกก เพราะตั้งเป้าหมายไว้ว่า เราที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ เรามีสิ่งที่คนต่างจังหวัดไม่มี หรือมีน้อย นั้นคืองาน “อีเวนต์” ด้วยเหตุนี้จึงพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงจุดนี้ให้ได้มากที่สุด โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นงานของ Google ที่มี GDE เป็นผู้จัด ซึ่งงานที่ได้ไป ก็มีทั้งงานเสียเงิน (ขอบริษัท) และงานฟรีมาก เช่น DroidCon Bangkok, Google I/O Extended Bangkok, Firebase AppFest Bangkok, Firebase Meetup Bangkok และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งก็ถือว่าได้รับประสบการณ์ที่ดีมากมาย ได้รู้จักคนมากขึ้นด้วย

ถ้าเทียบจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ต้นปี ก็มีหลายๆอย่างที่ออกนอกลู่นอกทางเยอะมาก (ฮา) แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่รู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นมาก คงมาจากเพื่อน และสังคมในการทำงานที่ดีด้วย ที่ทุกคนสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ทำให้เราได้มองไปในเป้าหมายเดียวกัน…

--

--