วิธีการรับมือผู้เห็นต่างทางศาสนา (สำหรับชาวพุทธ)

ลุงเสรี
ปลง…
Published in
1 min readApr 5, 2018

การตอบโต้

การโต้โดยแสดงกิริยา วาจาที่แสดงถึงความโกรธ เกลียด อาฆาตของชาวพุทธเพื่อปกป้องพุทธศาสนา ถ้าเราเหล่าชาวพุทธ ถือว่าพุทธองค์เป็นบุคคลตัวอย่าง ก็ลองพิจารณาให้ถ้วนถี่ ว่าพระพุทธเจ้าเคยแสดงกิริยา วาจา หรือจิตที่คิดอาฆาตแก่ผู้ที่เห็นต่างหรือไม่ ?

จะขอยกตัวอย่างสั้น ๆ ครั้งหนึ่ง มีพราหมณ์มายืนด่าพระพุทธเจ้าฉอด ๆ ด่าเสีย ๆหาย ๆ พุทธองค์ทรงนิ่ง จนพราหมณ์ผู้นั้นด่าจบ และถามพราหมณ์ผู้นั้นกลับไปว่า
“ถ้าคุณไปเที่ยวบ้านของเพื่อนคนหนึ่ง และเพื่อนคนนั้นยกขนมมาเลี้ยงดูต้อนรับคุณ แต่คุณไม่รับขนมนั้นไว้ ขนมเหล่านั้นจะเป็นของใคร ?” พราหมณ์ตอบ “ก็ต้องเป็นของเจ้าของบ้านสิ” พระพุทธเจ้าตอบกลับ “ฉันใดก็ฉันนั้น คำด่าทอ เสียดสี คำพูดหยาบคายที่คุณกล่าวมา เราก็มิขอรับเช่นกัน”

ชาวพุทธทั้งหลายลองพิจารณาเหตุการณ์ข้างต้นดูให้กระจ่างเถิด ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าวิธีการรับมือของพระพุทธเจ้า ที่เราชาวพุทธถือกันเป็นแบบอย่าง
ไม่มีวิธีการด่าทอ การตอบโต้ด้วยโทสะ การเสียดสี การแสดงความอาฆาตต่อผู้ที่มากล่าวโจมตีหรือเห็นต่างแต่อย่างใด ขอให้พิจารณาดู

การตอบโต้แบบสันติของชาวพุทธ

นอกจากไม่ควรจะตอบโต้ด้วยโทสะแล้ว ชาวพุทธควรตอบโต้ด้วยวิธีใดเล่า ?
ปฏิบัติ! ถ้าคุณคิดว่าคุณเป็นชาวพุทธที่ดี ก็ลงมือปฏิบัติเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะกฏแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ไม่ว่าผู้อื่นจะด่าเสียเทเสียพุทธศาสนาเท่าไรก็ตาม ตราบใดที่ชาวพุทธยังคงปฏิบัติธรรม ถือพระธรรมเป็นใหญ่ ไม่มีวันที่พุทธศาสนาจะเสื่อมลงเพราะศาสนิกต่างศาสนาแน่นอน คุณไม่จำเป็นที่จะไปตอบโต้ผู้อื่นที่เห็นต่าง เพราะการลงมือปฏิบัติจะช่วยให้คุณเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าว่าจะศึกษาพุทธศาสนาเพื่อไปสั่งสอนคนอื่น หรือเพื่อไปกำราบผู้ที่มาโจมตีพุทธศาสนา เพียงแค่คุณเริ่มลงมือปฏิบัติเพื่อให้สันติเกิดขึ้นในใจคุณเท่านั้น เหตุแห่งการปฏิบัติจะส่งผลกลับมายังตัวคุณเองแน่นอน และที่พุทธศาสนายังไม่ล่มสลายอยู่มาเกินกว่า 2,500 ปีได้ ก็เพราะชาวพุทธยังคงปฏิบัติธรรมอยู่นั่นเอง มิใช่เพราะชาวพุทธออกเข่นฆ่า หรือตอบโต้ศาสนิกต่างศาสนาด้วยโทสะ หรือเอาชนะด้วยพละกำลังไม่

ปุถุชนต่างศาสนาสามารถวิพากษ์ วิจารณ์พุทธศาสนาได้ไหม ?

การวิพากษ์วิจารณ์ รวมไปถึงการตั้งคำถามเป็นเรื่องดี แม้กระทั่งตัวพระพุทธเจ้าเอง ที่สามารถประกาศพระศาสนาได้ก็เพราะกล้าที่จะลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับความเชื่อเดิม ๆ
ความเชื่อในเทพเจ้าที่ไม่มีเหตุผล ความเชื่อในเรื่องการวิงวอนร้องขอ งอไม้งอมือ ไม่สร้างความสำเร็จด้วยตนเอง ความเชื่อในเรื่องการกำหนดชนชั้นวรรณะจากเบื้องบน ฯลฯ

ดังนั้นโดยหลักการแล้ว ศาสนิกต่างศาสนาสามารถวิพากษ์วิจารณ์พุทธศาสนาได้ โดยที่เราจะไม่ขอกล่าวถึงวิธีการวิพากษ์วิจารณ์ของศาสนิกต่างศาสนา ว่าวิธีไหนเหมาะสม วิธีไหนไม่เหมาะสม แต่จะขอเน้นที่แนวทางการปฏิบัตของเราชาวพุทธเสียเอง คือให้มุ่งศึกษาพุทธศาสนาให้แตกฉาน เพื่อใช้ในการตอบคำถามต่าง ๆ ให้กระจ่างแก่ใจตน ชาวพุทธอย่างเรา ๆ ไม่จำเป็นต้องไปคัดง้างกับศาสนิกต่างศาสนาในยามพุทธศาสนาถูกโจมตี เพียงแค่เราศึกษาให้ถึงแก่นแกนของพระศาสนา ก็จะพบคำตอบที่ศาสนิกต่างศาสนากล่าวโจมตีแน่นอน

กราบไหว้รูปปั้นเพื่อขอ ???

อันนี้เหมือนจะเป็นจุดอ่อนของชาวพุทธที่สุดข้อหนึ่งก็ว่าได้ เพราะมีชาวพุทธ (ที่หลงผิด) จำนวนไม่น้อย ที่ก้มกราบพระพุทธรูปโดยเป็นการกราบไหว้เพื่อวิงวอน ร้องขอ ให้ประสบความสำเร็จ ประสบโชคลาภ หรือให้สมดังใจหวัง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว พระธรรมคำสอนของพุทธองค์ ไม่มีข้อไหนเลย ที่สอนให้ชาวพุทธร้องขอวิงวอน ในทางกลับกันพุทธองค์ทรงสอนเรื่องกรรม (การกระทำ) ใครทำเหตุอย่างไร ผลย่อมตอบสนองอย่างนั้น ซ้ำร้ายไม่พอ ชาวพุทธบางคนไปไหว้พระพุทธรูปขอให้ถูกหวยถูกเบอร์ ทั้งที่จริง ๆ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขด้วยซ้ำ บางคนอ้างว่ากราบไหว้พระพุทธรูปเพื่อเป็นมงคลในชีวิต ก็ขอให้ชาวพุทธย้อนไปดูเถิด มงคล 38 ประการที่พุทธองค์สอน มีข้อไหนที่บอกว่าการกราบไหว้รูปปั้นแล้วเป็นมงคลชีวิตบ้าง ?

ยกตัวอย่างมงคลชีวิตที่ทำให้เกิดผลดีต่อตนตามมงคล 38 เช่น การเลี้ยงดูพ่อแม่ลูกเมียอย่างดี การไม่ยุ่งเกี่ยวสุรายาเมารวมถึงการพนัน การบริจาคทาน อ่อนน้อมถ่อมตน การทำพระนิพพานให้แจ้ง เป็นต้น

แล้วชาวพุทธกราบไหว้พระพุทธรูปทำไม ?

ไม่มีกฏหรือคำสอนให้กราบไหว้พระพุทธรูป รูปปั้น หรือคำภีร์ เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา มีปัญญาเป็นยอด เน้นให้มนุษย์รู้จักพัฒนาตน เข้าใจสรรพสิ่งตามความเป็นจริง โดยหลังจากพุทธองค์ปริพพานสอนไปแล้ว ยังไม่มีพระพุทธรูป จะมามีก็ช่วงหลังล่วงไปอีกหลายร้อยปีแล้ว เอาเป็นว่า โดยหลักการคำสอน พุทธองค์ทรงสอนให้คนไม่ยึดติดในวัตถุ เพราะทุกสิ่ง (รวมถึงวัตถุด้วย) ล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง ถูกบับคั้น และต้องเปลี่ยนแปลง (บุบสลายไป) พระพุทธรูปก็ถือเป็นวัตถุเช่นกัน บ้านไหนมี บ้านไหนกราบไหว้พระพุทธรูป ก็หวังว่าจะกราบไหว้ด้วยสติ กราบไหว้ด้วยการพร้อมที่จะน้อมจิตรวมใจให้เกิดสมาธิ กราบไหว้เพื่อให้จิตให้ใจน้อมต่ำลง เพื่อสลายตัวตน สลายอัตตา โดยมีพระนิพพานเป็นจุดหมาย แบบนี้จึงจะเรียกว่ากราบไหว้ให้เกิดปัญญา

#ปลง #เป็นชาวพุทธอย่างมีสติ

--

--