บทสัมภาษณ์ Dr. Jemma Green ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Power Ledger โดย Daily Bit

khomdet
Powerledger
Published in
3 min readSep 18, 2018
Dr. Jemma Green ผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Power Ledger

คุณอยู่ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ทำงานกับ Power Ledger เป็นเวลา 2 ปีกว่าแล้ว ช่วยเล่าเกียวกับ Power Ledger ว่ามีอะไรบ้าง และคุณมีส่วนร่วมกับโครงการอย่างไร?

ยินดีค่ะ ดิฉันเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นประธานของ Power Ledger ซึ่งเป็น บริษัทด้านเทคโนโลยีที่อำนวยให้มีตลาดซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบ distributed โดยใช้ blockchain ระบบของเราสามารถใช้เพื่อการซื้อขายไฟฟ้ารวมถึงการชำระการใช้จ่ายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เพื่อระดมทุนสำหรับสินทรัพย์ด้านพลังงาน รวมถึงวิธีการในการสนับสนุนทางการเงินและการจัดการของสินทรัพย์นั้นๆ

สำหรับ “สินทรัพย์พลังงาน” และการซื้อขายพลังงานแบบ P2P หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ค้ากลางในการควบคุมการจ่ายพลังงานจึง ลดการพึ่งพาใช่หรือไม่?

บางครัวเรือนที่มีแผงเซลล์แสงอาทิตย์หรือแบตเตอรี่สามารถผลิตไฟฟ้าและขายส่วนเกินให้กับเพื่อนบ้านได้ หรืออาจมีฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่ต้องการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้ารายย่อยจำนวนมากแทนการขายให้กับผู้ขายในตลาดขายส่ง ระบบนี้ยังสามารถใช้สำหรับเครดิตของคาร์บอนหรือใช้เป็นการรับรองได้

ตัวอย่างเช่น เรากำลังดำเนินการโครงการในรัฐแคลิฟอร์เนียเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคชาร์จแบตแตอรรี่ ในระหว่างวันจากการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งผู้บริโภค จะได้รับเครดิตคาร์บอนด้วย ส่วนการชาร์จไฟในเวลากลางคืนจะไม่ได้รับเครดิตคาร์บอน เพราะพลังไฟที่ชาร์จอาจมาจากการผลิตโดยเชื้อเพลิงฟอสซิล

ไฟฟ้าหรือพลังงานสามารถมาจากแหล่งต่างๆ เทคโนโลยีของเราทำงานได้ดีกับพลังงานทดแทน แต่ยังสามารถนำมาใช้สำหรับพลังงานดั้งเดิมได้อีกด้วย

ในแง่ของการค้นหาโอกาสทางธุรกิจ คุณเจอ Bitcoin และ Blockchain เมื่อไหร่?

ในเดือนมกราคมปี 2016 อดีตเพื่อนร่วมงานของดิฉันแนะนำให้รู้จักนักพัฒนา blockchain สองท่าน ตอนแรกดิฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก แต่ดิฉันถามว่ามีแอพพลิเคชันสำหรับภาคไฟฟ้าหรือไม่ เพราะตอนนั้นดิฉันกำลังศึกษาระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตลาดไฟฟ้า ซึ่งเป็นขณะที่ดิฉันกำลังออกแบบระบบพลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่สำหรับอาคารอพาร์ตเมนต์และคอนโด และดิฉันพยายามหาซอฟต์แวร์ที่จะจัดสรรหน่วยไฟฟ้าให้แต่ละพาร์ทเมนต์ ซึ่งในกรณีที่เจ้าของห้องไม่อยู่ เขาสามารถแลกการใช้พลังงานกับเพื่อนบ้านได้

ดิฉันไม่พบอะไรที่ทำแบบนั้นได้ ดังนั้นเมื่อดิฉันได้พบนักพัฒนา blockchain ดิฉันเริ่มมองหาในโปรแกรมประยุกต์เหล่านี้สำหรับการผลิตไฟฟ้าและดิฉันเห็นว่ามันสามารถใช้กับอพาร์ตเมนต์ได้ ดิฉันได้แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ Dave Martin ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการสาธารณูปโภคและตลาดไฟฟ้ามานานกว่า 20 ปี Dave เห็นปัญหาที่เกิดกับระบบไฟฟ้าเนื่องจากการใช้พลังงานทดแทนนั้น ทำให้ลดการใช้งานของกริดไฟฟ้า เสาและสายไฟ เมื่อดิฉันแนะนำให้เขารู้จักกับนักพัฒนา blockchain เขาก็เริ่มเห็นว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้มีการใช้ กริดไฟฟ้า มากขึ้น รวมทั้งช่วยบำรุงรักษาความพร้อมของเครือข่ายการจ่ายไฟ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างมีสามารถไปด้วยกันได้

เขาตื่นเต้นมากและบอกว่า “ผมต้องการตั้ง บริษัท คุณต้องการเข้าร่วมด้วยหรือไม่” ซึ่งดิฉันก็ตอบว่าแน่นอน ดังนั้นเราจึงสำรวจความเป็นไปได้ และถ้าจำไม่ผิด วันที่ 22 พฤษภาคมปี 2016 ประมาณ 4 เดือนหลังจากที่พบกันเราได้จัดตั้ง Power Ledger โดยมุ่งเน้นสองคือ การซื้อขายแบบ P2P ผ่านเครือข่ายและการซื้อขาย P2P ภายในอาคาร เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านั้นและนำไปใช้งานในหลาย ๆ กรณี

เรียกได้ว่าเป็นเป็นความบังเอิญที่ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ blockchain ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้ง Power Ledger

เมื่อดิฉันคิดถึงกริดไฟฟ้าและวิธีในการติดตั้งทำให้ดิฉันนึกถึงคำพูดที่ว่า”ถนนทุกสายมุ่งสู่โรม” นั่นคือสายไฟทั้งหมดจะมุ่งไปสู่ บริษัทพลังงานไฟฟ้า ซึ่งโครงสร้างที่มีอยู่ดูเหมือนจะด้อยประสิทธิภาพว่าการซื้อขายพลังงานเองภายในชุมชน
อุปสรรคหนึ่งก่อนที่จะไปถึงถึงจุดนั้นได้คือการได้รับอนุมัติในการทำธุรกรรมกับเพื่อนบ้านของคุณเอง ซึ่งจะทำให้สามารถซื้อ-ขายพลังงานได้โดยตรง คุณทำอย่างไรกว่าที่ Power Ledger จะได้รับการอนุมัติดังกล่าว?

ดิฉันคิดว่าสิ่งสำคัญคือการยอมรับและความเข้าใจในสิ่งที่ blockchain สามารถทำได้ ระบบในการทำงานกับสาธารณูปโภคพวกนั้นไม่เปลี่ยนแปลงมานานกว่าศตวรรษแล้ว

เราต้องทำให้เขาเข้าใจว่า blockchain ไม่เพียงแต่บันทึกรายการต่างๆ ของระบบเท่านั้น แต่ยังมี crypto ที่เป็นระบบการชำระเงินด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการทำความเข้าใจ ดังนั้น การติดต่อกับองค์กรขนาดใหญ่บทสนทนาสั้นๆ จึงไม่สามารถทำได้ แต่ต้องใช้บทสนทนาแยกย่อยต่างๆ มากมายก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจ

ระบบ P2P ของเราเริ่มการใช้งานครั้งแรกที่ โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ ร่วมกับ Vector และครั้งที่สองที่ทำอยู่ที่ชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียซึ่งทำร่วมกับ Origin Energy และเรามีงานที่กำลังทำในประเทศไทย ดิฉันคิดว่าในขณะที่ บริษัท พลังงานอาจจะไม่มีการทำงานที่รวดเร็ว แต่คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ตระหนักดีว่าตลาดกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

หากวัดจากระดับความสนใจและความรู้ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางเลือก แน่นอนว่าเขาเต็มใจและเปิดกว้างเกียวกับเทคโนโลยีนี้ ตอนนี้การดำเนินโครงการใหม่ๆ สามารถไปได้เร็วกว่าตอนที่เราเริ่มตั้งบริษัท ดังนั้นดิฉันคิดว่าตลาดกำลังมีความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้

สำหรับคนที่พึ่งจะเข้ามาเนส่วนหนึ่งของระบบนี้และต้องการที่จะแลกเปลี่ยนพลังงาน มีพลังงานเป็นของตัวเอง และมีส่วนร่วมใน Asset Germination Event นี้ เช่นถ้าดิฉันอาศัยอยู่ในอาคารอพาร์ตเมนต์แล้วมีพลังงานส่วนเกิน ดิฉันจะเริ่มขายพลังงานได้อย่างไร?

ในอาคารอพาร์ทเม้นคุณสามารถซื้อขายพลังงานส่วนเกินกับเพื่อนบ้านคุณได้ทันที เรามีหลายโปรแกรมใน Fremantle หรือในเพิร์ธ ในเขตชานเมืองที่มีชื่อว่าว่า WGV ที่สามารถทำได้ขณะนี้

เมื่อกล่าวถึง asset germination เราจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในปี 2018 ซึ่งการเพิ่มพูนสินทรัพย์เป็นอีกวิธีหนึ่งในการจัดหาเงินทุนโดยใช้ blockchain เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากและมีโครงการจำนวนมากที่เรากำลังทำอย่างเต็มกำลัง ดังนั้นดิฉันคิดว่าผู้ที่มีเหรียญ POWR จะสามารถเข้าถึงโอกาสนี้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้

ถ้าจะพูดลึกลงไปในเรื่องของ Asset Germination … ถือเป็นการระดมทุนเพื่อให้ผู้ถือเหรียญ POWR มีส่วนได้ส่วนเสียในสินทรัพย์ใหม่เหล่านี้ โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในภาคพลังงาน ?

พวกเขาสามารถสนับสนุนด้านสินทรัพย์เพื่อให้สามารถใช้สินทรัพย์ในการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสมที่สุดโดยใช้ blockchain ดิฉันคงไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้ แต่เรารู้สึกตื่นเต้นมากในการทำงานนี้

ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาตลาดโดยรวมมีการชะลอตัว ซึ่งโดยปกติแล้วถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ บริษัท ที่จะใช้โอกาสนี้ในการทำงาน แล้วทีม Power Ledger ทำงานในช่วง 6–7 เดือนที่ผ่านมาอย่างไร?

เราทราบว่าตลาดมีความผันผวนมากแต่สำหรับเรา เรามุ่งเน้นการทำงานระยะยาวไม่ใช่ระยะสั้น หากเราซื้อขายรายวันในตลาด crypto ก็คงเป็นประเด็นที่แตกต่างออกไป แต่ภารกิจของเราอยู่ที่การเปิดตลาดพลังงาน เราเชื่อไฟฟ้าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์และนั่นเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เราทำงาน โดยใช้เทคโนโลยีและทำสาธารณูปโภคให้เป็นสิ่งที่ค้าขายผ่านเหรียญตราได้ ดังนั้นจึงมีคุณค่าพื้นฐานซึ่งอยู่เบื้องหลังราคา ไม่ใช่แค่การเก็งกำไรมูลค่าเท่านั้น

ซึ่งนั่นคือสิ่งที่จะเปลี่ยนทั้งตลาดทั้งหมด เราอยู่ในกรอบของการคาดการณ์ ซึ่งคุณจะเห็นความผันผวนของราคาที่สะท้อนออกมา ซึ่งก็ไม่ต่างจากแนวโน้มในการค้าเทคโนโลยีในที่ผันผวนในช่วงสหัสวรรษที่ผ่านมา

ในตอนแรกการกำหนดมูลค่าให้กับ บริษัท พิจารณาจากสิ่งที่บริษัทสามารถทำได้ และ เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความคาดหวังในสิ่งที่บริษัทสามารถให้ได้ รวมทั้งความแตกต่างในราคาของบริษัทเหล่านั้น ดิฉันคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด crypto คล้ายคลึงกันคนเริ่มมีความรู้มากขึ้นและขณะนี้มีความคาดหวังในสิ่งที่บริษัทสามารถให้ได้ มากกว่าการเป็นเพียงแนวคิดที่ยังไม่ลงตัว

มีอะไรอีกบ้างที่ Power Ledger ทำ แน่นอนไม่ใช่แค่การซื้อขายพลังงาน P2P แต่มี อีกสองสามอย่างในแผนงานของคุณ และมีวิธีอื่นที่ระบบนี้สารถนำไปใช้งานได้ หากใช้ในระดับที่เหมาะสม ถูกต้องหรือไม่?

ใช่ค่ะ — การประจุรถยนต์ไฟฟ้า เครดิตคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพลังงานทดแทนหรือการติดตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากสินทรัพย์พลังงานแบบดั้งเดิม รวมทั้งแนวทางในการจัดหาเงินทุนในสินทรัพย์พลังงานด้วย ดังนั้นจึงมีหลายด้านของตลาดไฟฟ้า ซึ่งเราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อปัญหาที่มีอยู่ในตลาดหรือ เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ๆให้แก่ตลาด

สำหรับคู่แข่งในการซื้อขายพลังงาน P2P สำหรับผู้เริ่มต้นถ้าคุณมีคู่แข่งแสดงว่าคุณอยู่มนตลาดที่ดี เมื่อคุณสังเกต คุณอาจเห็นบริษัทอื่นมีความคิดเดียวเหมือนกัน มีบริษัทอื่นที่พยายามทำสิ่งเดียวกันกับ Power Ledger หรือไม่ หรืออย่างน้อยที่สุดในการซื้อขายไฟฟ้า?

มีค่อนข้างมาก ดิฉันคิดง่าเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ดิฉันคิดว่าน่าจะมี 10 หรือ 15บริษัท ซึ่งบางบริษัทมุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่งเช่นคาร์บอน ในขณะที่คนอื่น ๆ มักมุ่งเน้นไปที่การทำลายกลยุทธ์บางอย่าง เช่นการทำลายผู้ค้ารายย่อย แตตรงกันข้าม เราต้องการร่วมมือกับผู้ค้ารายย่อย นอกจากนั้นยังมีบางบริษัทที่เน้นการระดมทุนของสินทรัพย์ด้านพลังงานด้วย

ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่แตกต่างหลากหลายโดยมีผู้ร่วมค้ามากมาย เรายินดีต้อนรับพวกเขาทั้งหมดหากพวกเป็นผู้ร่วมค้าที่ดี และไม่ให้ข้อมูลที่ผิด ดิฉันคิดว่าการมีผู้ร่วมค้ามากมายเป็นประโยชน์ เพราะเรากำลังสร้างตลาดใหม่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่การทำงานนี้จะรุดหน้าไปได้ด้วยดี ซึ่งจะช่วยให้เราเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่มีราคาถูกได้ในอนาคต รวมทั้งมีความยืดหยุ่นในอนาคตเกี่ยวกับพลังงานที่ผลิตโดยคาร์บอน

ดิฉันเคยเห็นในเว็บไซต์ของ Power Ledger ว่าคุณกำลังศึกษา PoS เพื่อให้เกิดความเห็นที่พ้องกัน?

ใช่ค่ะ เราจึงมองหาไฮบริดที่เกี่ยวข้องกับ PoS และ PoW เพื่อจัดการกับปัญหาเรื่องการปรับขนาดและในด้านความปลอดภัยก่อให้เกิดความสมดุล และดิฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่หลายบริษัทกำลังมองหาอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเราจึงศึกษา blockchains หลายแบบที่สามารถช่วยให้เราขยายขนาดที่เราต้องการได้ ในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดภัยของระบบการบันทึกและการชำระเงินของเรา

เปลียนไปคุยเรื่องที่คุณกำลังกำหนดเป้าหมายสำหรับโครงการเริ่มแรก สิ่งหนึ่งที่ดิฉันคิดว่าคนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยว่า Power Ledger จะมีประโยชน์มากที่สุดในประเทศในโลกที่ 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการจัดตั้งเครือข่ายกริดไฟฟ้าอยู่ในขณะนี้ คุณเห็นโครงการนั้นเป็นอย่างไรและคุณมีเป้าหมายอื่น ๆ ที่กำหนดไว้สำหรับอนาคตหรือไม่?

ดิฉันคิดว่าประเทศกำลังพัฒนามีแนวโน้มที่จะซ้ำรอยสิ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วได้ทำไว้ นั่นคือระบบกระแสไฟฟ้าที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายได้ รวมทั้งเป็นระบบที่อาจถูกกระทบโดยภัยพิบัติธรรมชาติได้ ในประเทศที่พัฒนามีนะบบที่มีอยู่ดั้งเดิมกับผู้ที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์รายใหม่ ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา เปิดกว้างในการหาระบบอื่น เนื่องจากประเทศเหล่านี้ไม่ต้องกังวลกับระบบที่มี่อยู่แล้ว

ดังนั้น ดิฉันคิดว่าประเทศกำลังพัฒนาอาจจะไม่ทำซ้ำความผิดพลาดที่ทำโดยประเทศที่พัฒนาแล้วและด้วยเหตุนี้เราจึงมุ่งเน้นในการทำโครงการต่างๆในแอฟริกา เราจึงโครงการในประเทศไทยตอนนี้และดิฉันคิดว่าความก้าวหน้าของโครงการน่าจะไปได้เร็วกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วเนื่องจากเหตุผลดังกล่าว

ในแง่ของโอกาสทางธุรกิจโดยทั่วไปแล้วมีอะไรจากข่าวหรือโครงการที่สะดุดตาและน่าสนใจบ้างหรือไม่?

ดิฉันคิดว่าตลาดคาร์บอนเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างน่าสนใจ ในแง่ของ บริษัท blockchain แล้วตลาดคาร์บอนน่าจะพึ่งเริ่มต้น และมีอนาคตมากกว่าตลาดไฟฟ้า เพราะตลาดผลิตไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ในขณะที่ตลาดคาร์บอนยังมีศักยภาพที่สามารถใช้เหรียญตราหรือ crypto ในการสร้างแรงจูงใจด้านการตลาดเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และช่วยให้ประเทศต่างๆลดปริมาณคาร์บอน ตอนนี้ดิฉันกำลังเขียนบทความให้กับนิตยสาร Forbes ซึ่งจะออกมาในสัปดาห์หน้าหรือเพื่อจะบอกเล่าถึงโอกาสทางธุรกิจและศักยภาพที่ blockchain สามารถช่วยได้ ดังนั้นดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นดีค่ะ

การจัดการเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ดิฉันคิดคำนึงมาก แม้มี smart contract แต่ในท้ายที่สุดมนุษย์จะเข้ามาเกี่ยวข้องในจุดหนึ่ง การให้มนุษย์มีส่วนร่วมน้อยกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในประเทศต่างๆ เป็นสิ่งที่ต้องการ แต่ถึงอย่างไรมนุษย์ยังต้องเข้ามาทำงานควบคุม ดิฉันคิดว่าสิ่งนี้น่าสนใจมากและมองถึงบทบาทของมนุษย์ในระบบนี้ว่าจะเป็นไปอย่างไรและคุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าองค์กรหรือระบบมีความสมบูรณ์และ smart contract จะถูกบันทึกโดยกระดาษเพื่อให้ศาลสามารถอ่านได้จริง และตีความพวกได้อย่างชัดเจน ดังนั้น มีหลายเรื่อง ที่ยังไม่ลงตัวและดิฉันคิดว่าน่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นทีเดียว

นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องของการกำกับดูแลในประเทศเช่นสหรัฐฯกี่ยวกับเหรียญตราและตลาดหลักทรัพย์ — ดิฉันคิดว่าน่าสนใจมากเพราะจะผลักดันคลื่นนวัตกรรมใหม่ใน crypto เพื่อตอบสนองต่อความต้องการนั้นและเราอาจจะมี blockchainsใหม่ที่ต่างจากทุกวันนี้ อันเป็นผลมาจากประเทศขนาดใหญ่เหล่านี้มีท่าทีที่แข็งกร้าวกับเรื่องเหล่านี้ บางประเทศอาจแยกตัวออกจากตลาดซึ่งเราได้เห็นมาแล้ว เช่นตลาดหุ้นโตรอนโตในแคนาดาที่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการจดทะเบียนแทนที่จะเป็น Nasdaq หรือ NYSE ซึ่งเป็นผลจากการที่ SEC เลือกใช้ในการจัดการ blockchain และ crypto

ดิฉันคิดว่าความปลอดภัยในการเคลื่อนที่ของข้อมูลเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้อมูลของตนมากขึ้นและกลายเป็นความสนใจในเทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขาสามารถควบคุมได้มากขึ้น ในสิงคโปร์บันทึกข้อมูลสุขภาพกว่า 1.5 ล้านฉบับถูกละเมิดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาและในออสเตรเลียเรากำลังเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลที่ชาวออสเตรเลียบางส่วนเลือกที่จะไม่ใช้เนื่องจากข้อกังวลดังกล่าว ดังนั้นดิฉันคิดว่าข้อมูลที่สมบูรณ์และความปลอดภัยของข้อมูลและการควบคุมข้อมูลเป็นแนวโน้มที่จะทำให้เทคโนโลยีต่างๆ เป็นรูปร่างได้อย่างชัดเจน

ท้ายที่สุดนี้ ในแง่ของการนำมาใช้ มีการใช้สิ่งต่างๆเช่น airdrops ซึ่งมีผู้ใช้มากขึ้น แต่ดิฉันคิดว่าจะมีผู้เข้าร่วมตลาดในการโดยใช้ blockchain และ crypto โดยใช้ทุนในการสร้าง airdrops เพื่อให้คนทำหน้าที่เป็นโหนดในเครือข่ายหรือเพิ่มข้อมูลในเครือข่ายหรือพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆบนเครือข่าย ซึ่งมีบริษัทเช่น Ethereum มีประสิทธิภาพมากในการสร้างเอฟเฟ็กต์เครือข่ายทั้งหมด แต่ดิฉันคิดว่าเราจะเห็น airdrops ที่สลับซับซ้อนมากขึ้นรวมทั้งมีแรงจูงใจทางการการตลาดในการนำเทคโนโลยีไปใช้

มีการพูดถึง crypto ใน twitter ในแนวเกี่ยวกับการใช้งาน (usability) และว่า distributed project จำเป็นต้องมี UX ที่ดีเพื่อผลักดันให้เกิดการยอมรับอย่างมาก แม้ distributed projects จะมีความเป็นอิสระและเสรีภาพหากไม่มีกระบวนการ onboarding ที่คล่องตัว ผู้คนก็มีแนวโน้มที่จะยึดติดกับโครงการที่สามารถควบคุมข้อมูลได้ แต่สามารถที่จะ (1) ใช้งานง่าย (2) มีผู้ใช้อื่นหรือเพื่อนอยู่ในเครือข่ายเดียวกันและ (3) ความเสี่ยงของการละเมิดข้อมูลต่ำ ดิฉันคิดว่าโครงการที่จะคงอยู่ต่อไปคือโครงการที่สามารถหาความพอดีในส่วนนี้ได้

เป็นข้อคิดเห็นที่ดี การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ crypto และการนำไปใช้ หากผู้ใช้มีปัญหากับระบบ และเทคโนโลยีน้อยลง รวมทั้ง มีการลดเสี่ยงจากการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ลง ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้มีการยอมรับ และนำไปใช้ในตลาดมากขึ้น

ดิฉันคิดว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเราเห็นความโลภของผู้ให้บริการ ICO ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากราคาต้นทุนที่เพิ่มขึ้น — ราคาของบริการจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ — จนเกือบจะถึงจุดที่ต้องเพิ่มทุนก่อนที่จะสามารถทำ ICOได้

รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการนำเข้าจดทะเบียนใน exchange ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อแลกกับการได้เข้าจดทะเบียนใน exchange ที่ดี ดังนั้นอาจต้องระดมทุนอย่างมาก หรือใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้สามารถจดทะเบียนใน exchange ได้

ยุคทองในการทำเงินเป็นกอบเป็นกำจาก ICO ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และอาจจะทำให้เกิดนวัตกรรมมากขึ้นเกี่ยวกับ decentralized exchanges เพื่อให้มีสภาพคล่องมากขึ้น และ centralized exchanges จะยังคงมีค่าใช้จ่ายที่สูง

นอกจากนี้ จะสังเกตเห็นได้ว่าเราลดแรงต้านในโมเดลของเราเนื่องจากผู้ใช้ของเราจะไม่มีการเกี่ยวข้องกับ POWR หรือ crypto โครงสร้าง token ของเราที่มี สอง token แปลว่าผู้ใช้จะซื้อ-ขายพลังงานด้วย Sparkz ซึ้งเป็นเหมือนเงินในมือถือ แต่สำหรับการซื้อ-ขายพลังงาน

เข้ามาพูดคุยกับทีม และ ติดตามข่าวสารได้โดยตรงที่ : https://t.me/powerledger_thailand

--

--