สวัสดีปีใหม่ 2019 Privage รุ่น 1
สวัสดีครับทุกคนใน Privage
ปีนี้นับว่าเป็นปีแรกของบริษัท Privage App Co., Ltd. และก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ Privage Membership ซึ่งปีที่ผ่านมานับว่าเป็นอีกปีที่ค่อนข้างต้องปรับตัวอย่างมากสำหรับพวกเรา Privage รุ่นแรก ทั้งเรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่และแรงกดดันต่างๆที่เพิ่มมากขึ้น ผมหวังว่าจะมีโอกาสเขียนจดหมายแบบนี้หาทุกๆคนในทุกปี เพื่อสรุปความเป็นไปของปีที่ผ่านมา รวมถึงได้เล่าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับพวกเราไว้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยครับ
ปัจจุบันเรามีพนักงานประจำทั้งหมด 7 คน ได้แก่ ผม อาม ค่าว ฌาน หนู พี่หนุ่ย และแอน รวมถึงมีพาร์ทไทม์ที่ร่วมทำงานอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น อร พร แจง เดีย และโอ รวมถึงผู้ลงทุนและที่ปรึกษาด้านกลยุทธทั้ง 2 คน ได้แก่ พี่แพร และพี่แซม
อยากบอกว่า “ยินดีต้อนรับ” ทุกคนสู่ Privage อย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ
สำหรับปี 2019 นี้ยังคงมีหลายเรื่องที่เราต้องทำและโฟกัส ผมสรุปประเด็นสำคัญมาเล่าให้ฟังดังนี้
โฟกัสการเติบโตของรายได้จากทรัพย์สินมาเป็นอันดับหนึ่ง
รายได้จากทรัพย์สินคือรายได้ที่เราขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นทรัพย์สินของบริษัท โดยไม่ได้ Custom ให้ลูกค้าเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ซึ่งผมมีความกังวลใจเรื่องนี้มาโดยตลอด เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงกับความมั่นคงของบริษัท เพราะหากรายได้จากทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้น จะทำให้บริษัทยิ่งมั่นคง มีพื้นที่ในการขยายตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เก่งขึ้น โดยไม่ต้องแข่งขันด้านราคา
อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าในปี 2017 เรามีรายรับทิ้งสิ้น 1.3 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากทรัพย์สินเพียง 3 แสนกว่าบาท คิดเป็น 23.8% ของรายได้ทั้งหมด นอกนั้นเป็นรายได้จากงานรับจ้างที่มีบางส่วนเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ โดยในปีนี้รายรับเราเติบโตมาเป็น 3.4 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากทรัพย์สิน 742,000 บาท คิดเป็น 15% ของรายได้ทั้งหมด นอกนั้นเป็นรายได้จาก Privage Membership Cooperate ที่เราขายให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่อีก 1.7 ล้านบาท ซึ่งมีหลายส่วนต้อง Custom เพิ่ม
จะเห็นว่า แม้รายได้เราจะเติบโตขึ้นและเลิกรับงานรับจ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ได้แล้ว แต่รายได้ของทรัพย์สินก็ยังไม่สามารถโอบอุ้มค่าใช้จ่ายของบริษัทในแต่ละเดือนได้อย่างเต็มที่
ซึ่งในปี 2019 นี้ รายได้จากทรัพย์สินจะเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง ที่พวกเราจะต้องช่วยกันผลักดันให้เติบโตขึ้น ทั้งทีม Development เองที่ต้องพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ทั้ง Privage Membership และ Privage POS ให้สามารถสร้างรายได้จากทรัพย์สินให้มากยิ่งขึ้น
- ผลิตภัณฑ์ต้องทดลองใช้ง่าย
- ลูกค้าสามารถใช้ฟรีจน Switching cost สูง
- จ่ายเงินง่าย แบ่งจ่าย
ทีม Sale เองที่จะต้องโฟกัส Segment กลุ่มของลูกค้าให้ได้มากขึ้น เพื่อให้ Requirement นิ่งที่สุด และตอบโจทย์ลูกค้าจำนวนมากได้
โฟกัส Privage POS ไปที่ Pub & Restaurant ทั้งประเทศ
ปลายปี 2017 ผมตัดสินใจลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวที่ 2 ของบริษัท คือ Privage POS โดยต่อยอดมาจากความต้องการของลูกค้าเดิมของผลิตภัณฑ์ Privage Membership ซึ่งจะช่วยปิดช่องว่างด้านการขาย และสร้างตลาดใหม่ๆให้กับพริเวจ ประจวบเหมาะกับการที่มีโอกาสใหญ่เข้ามาพอดี ทำให้เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้ร่วมกับร้าน “ท่าช้าง คาเฟ่” ซึ่งเป็น Pub & Restaurant ขนาดใหญ่ (300 โต๊ะ) และมีลูกค้าเยอะอันดับต้นๆของจังหวัดเชียงใหม่
โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราได้พัฒนา Privage POS สำหรับผับและร้านอาหารกลางคืนขนาดใหญ่ จนเริ่มเห็นขอบของผลิตภัณฑ์ราว 70% ทำให้เราสามารถปิดดีลลูกค้ามาได้อีกถึง 2 ร้านที่เชียงใหม่ ได้แก่ร้าน ฮอมบาร์ และ AIYA ในเครือท่าช้างคาเฟ่ รวมถึงผับและร้านอาหารกลางคืนในเครือ Buddy Group ในถนนข้าวสารกว่า 10 แห่ง ได้แก่ บริกบาร์ กินลมชมสะพาน มัลลิแกน มอลลี่ ซุปเปอร์โฟลว บัดดี้เบียร์ ซูซี่คิว เดอะคลับ และเดอะวัน ดังนั้นปัจจุบันเราจึงมีลูกค้าที่ปิดดีลไปแล้วและจะใช้งานครบในปีหน้าถึง 13 แห่ง ซึ่งล้วนเป็นร้านขนาดกลางถึงใหญ่ทั้งสิ้น
แต่การที่จะ Winner take all ผับและร้านอาหารกลางคืนทั้งประเทศได้นั้น จำเป็นที่จะต้องทำตลาดแบบโฟกัสไปที่ Segment นี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์เองต้องสามารถตอบโจทย์ร้านขนาดเล็กได้ด้วย ดังนั้นในปี 2019 ผมจึงตัดสินใจที่จะลงทุน Privage POS ในเวอร์ชั่น Tablet ทั้งใน iOS และ Android เพิ่ม เพื่อให้ตอบโจทย์ผับและร้านอาหารกลางคืนขนาดเล็กที่กำลังจะเติบโตไปเป็นร้านขนาดกลาง รวมถึงจัดทำเว็บไซต์ Content และเดินตลาดสำหรับ Privage POS แบบเต็มกำลัง
การเพิ่มทุน Serie A
ปี 2018 เราได้เพิ่มทุนรอบ Seed round จำนวน 1.5 ล้านบาท จาก Personal Investor ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่า 10 ล้านบาท และหุ้นมีมูลค่าปัจจุบันจากการลงทุนรอบที่แล้วอยู่ที่ 85 บาทต่อหุ้น โดยเงินลงทุนรอบที่แล้วทำให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ได้ถูกนำไปใช้จ่ายในการขยายตลาด Privage Membership ทำให้ปัจจุบันเรามีลูกค้า Privage Membership อยู่ราว 80 ธุรกิจ และ Privage POS ที่ปิดดีลไปแล้วอีก 13 ธุรกิจ
ถึงแม้ทุนเหล่านี้จะช่วยให้มีการเติบโตตลอดปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราสามารถ Winner take all ตลาดใดตลาดหนึ่งได้ ซึ่งผมมองว่านอกจาก Privage Membership แล้ว เรายังมี Privage POS ที่สามารถ Disrupt หัวหาดสำคัญอย่าง Pub & Restaurant โดยใช้การควบรวมกับ Privage Membership ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทที่มีอยู่เดิมในการเดินตลาด แต่อย่างไรก็ตามเราจะเป็นที่จะต้องใช้เงินทุนเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น ซึ่งผมมองว่า 35 ล้านบาทหรือราว 1 ล้านเหรียญสหรัฐ นั้นเพียงพอและเหมาะสมที่จะทำให้เราสามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำตลาด Software ของผับและร้านอาหารกลางคืนได้
การทำงาน
เราเติบโตมาจากแอปฯ CRM แต่ที่ผ่านมา คนของเรามี Midset เรื่องการเอาใจใส่และดูแลรักษาลูกค้าของตัวเองที่แย่มาก ไม่ว่าจะงานในส่วนของการขายหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งผิดที่ตัวผมเองไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก โดยในปี 2019 นี้เราจะพลิกโฉมด้านการบริการลูกค้าครั้งใหญ่โดยแต่งตั้งผู้ที่รับผิดชอบส่วนดูแลลูกค้าและประสานงานโดยตรง รวมถึงต้องปรับ Midset พวกเรากันเองซึ่งเป็นรุ่นแรก ให้ใส่ใจลูกค้าเก่ามาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
อีกส่วนที่เห็นได้ชัดคือที่ผ่านมาบริษัทเราพึ่งพา Co-Founder อย่างมาก แต่การจะทำให้บริษัทเติบโตไปอย่างมั่นคงและมีมูลค่าสูงนั้น เราจะต้องพยายามจัดสรรงานให้เป็นระบบและสามารถถ่ายทอดงานกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนใดคนหนึ่งมากเกินไป จนกลายเป็นบริษัทที่ไม่ว่าใครเข้ามาบริหารก็สามารถสร้างเม็ดเงินได้เหมือนเดิม
สุดท้ายต้องขอบคุณหลายๆคนที่เข้ามาเสี่ยงกับเราในระยะเริ่มต้นจริงๆครับ หลังจากนี้พวกเราคงต้องมองการทำงานระยะยาวกับ Privage มากขึ้น ให้ความสำคัญกับคนในบริษัทก่อนเสมอ ลด Part-time ลงและเพิ่ม Full-time มากขึ้น เพื่อเร่งความเร็วในการทำงานทั้งหมดให้สามารถ Winner take all ตลาดเป้าหมายได้ โดยในปี 2019 นี้จะเป็นปีที่ผมจะเพิ่มสวัสดิการหลายๆอย่างเข้ามาให้กับ Full time ในบริษัทนะครับ เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ตรวจสุขภาพฟันฟรี รวมถึง Outing บริษัทที่สามารถพาครอบครัวหรือเพื่อนสนิทไปด้วยได้
เติบโตไปด้วยกัน และขอให้ปี 2019 เป็นอีกปีที่ดีของทุกคนครับ
ไทร อมัจจ์ สุวรรณรัตน์ (CEO)
28 ธันวาคม 2018
จะพาทุกคนไป Outing ที่ฮอกไกโดให้ได้ สัญญา