Before User Story-ภาค 4 วาด Story Map

Piyorot
Product Craftsmanship
2 min readMay 1, 2015

จากตอนที่แล้วเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากผู้ใช้ว่าการแก้ปัญหาที่จุดเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เราจึงต้องร่วมมือกับทีมงานคิดหาไอเดียมาแก้ปัญหาความยุ่งยากในการดึงรายงานแยกแต่ละฉบับแต่ละระบบด้วย กระบวนการก็เหมือนเดิม

หยิบความเจ็บปวดของผู้ใช้เป็นที่ตั้ง — “การดึงรายงานแยกแต่ละฉบับแต่ละระบบเป็นเรื่องยุ่งยากและเสียเวลา”

ทีมงานช่วยกันคิดหาไอเดียที่น่าสนใจมาถกกัน — สมมติว่าคิดได้หลายไอเดียมากๆ …

เลือกไอเดียที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด — “สร้างระบบรายงานกลางที่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงรายงานย่อยได้ทั้งหมดในครั้งเดียว”

กลับมาดูว่าวิสัยทัศน์ที่เราตั้งไว้ตอนแรกยังใช้ได้อยู่มั้ย — ตอนแรกกำหนดไปว่า “Your eyes should be for watching beautiful things. Leave a dirty work verifying data with us.” เพราะเราตั้งใจจะแก้ปัญหาเรื่องความยุ่งยาก (เสียสายตา) ในการเทียบรายงานหน้าตาทุเรศๆแต่ละฉบับเป็นหลัก แต่ตอนนี้เหมือนว่าวิสัยทัศน์นี้จะเล็กไปซะแล้วเพราะเรากำลังจะแก้ปัญหาเรื่องการทำงานซ้ำซ้อนในการดึงรายงายจากหลายระบบเพิ่มด้วย

จุดนี้ผมมองว่า … ความเจ็บปวดทั้งหมดของผู้ใช้เกิดจาก ความยุ่งยาก + ความซับซ้อน + เสียเวลา วิสัยทัศน์ที่ผมมีตอนนี้คืออยากได้ระบบรายงานที่มันง่ายและรวดเร็ว เอาแบบนี้ดีมั้ย?

The New Vision

“การทำรายงานเป็นเรื่องง่ายๆ คุณจัดการมันให้เรียบร้อยได้ก่อนจะดื่มคาปูชิโน่ร้อนหมดแก้วอีก” — มันดูเป็นภาพที่สวยงามนะ ผู้ใช้สบายใจในการทำงานกับระบบรายงานใหม่ แบบว่าดื่มกาแฟนั่งชิลๆ รอแป๊บเดียวงานเสร็จ … เอาอันนี้แหละ

ถึงเวลากลับไปหาผู้ใช้อีกครั้งเพื่อยืนยันให้มั่นใจว่าแนวทางที่เรากำลังจะทำนั้นถูกต้อง ถูกใจพวกเค้าชัวร์ … รอบนี้ไม่ได้มีแค่ Customer Touch Points ชุดใหม่เท่านั้นนะเรามีของเล่นเพิ่มมาอีกหนึ่งชิ้น

New Customer Touch Points

วิสัยทัศน์ใหม่ล่าสุดของเราทำให้ Customer Touch Points เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้

The New Customer Touch Points

ดูดีขึ้นมั้ย? ขั้นตอนลดลงเยอะเลย จาก 19 เหลือ 12

Story Map

อันนี้แหละพระเอก … อยากให้มอง Story Map เป็นเอกสารดีไซน์ที่ใช้แสดงประสบการณ์การใช้งานโปรดักส์ใหม่ของเราที่เข้าใจง่าย เห็นปร๊าดดเดียวรู้เลยว่าอะไรเป็นอะไรครับ

A Sample of Story Map — For The New Reporting System

เปิดดูภาพเต็มได้ที่นี่

การมีเอกสาร (ควรเป็นรูปภาพ) นี้จะช่วยเราได้มากในหลายเรื่อง

  1. การสื่อสารกับผู้ใช้จะง่ายขึ้นมากเพราะรูปภาพและลูกศรมันอธิบายเรื่องราวได้ดีกว่าแค่ตัวอักษรและคำพูดครับ ผู้ใช้จะจินตนาการชีวิตของเค้าเมื่อใช้ระบบรายงานใหม่ของเราได้ชัดเจนขึ้น มันสร้างอารมณ์ร่วม ความตื่นเต้น ความกระหายอยากใช้งานและความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับระบบรายงานใหม่นี้ … ลงทุนทำเถอะ เชื่อป่าวว่าผู้ใช้จะประทับใจในสิ่งนี้มาก
  2. อันนี้สำคัญมากๆ คือมันเป็นเอกสารที่สำคัญระดับคัมภีร์ไบเบิ้ลที่เราและทีมงานทุกคนสามารถยึดเป็นที่พึ่งได้ มันจะช่วยให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนร่วมกันว่าเรากำลังทำอะไร ทำเพื่ออะไรและทำเพื่อใคร เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตรวจสอบตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรผิดทางและไม่เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่เราคิดเอาไว้มั้ย มันจะช่วยให้การตัดสินใจหลายๆอย่างในทีมเป็นเรื่องง่ายและมีหลักการมากขึ้น — เราควรเลือกทางไหนดี? ก็ทางที่จะทำให้วิสัยทัศน์และ Story Map เราเป็นจริงไง
  3. มันเป็นเอกสารที่เพิ่มความมั่นใจให้ Product Owner ได้อย่างน่าอัศจรรย์ แนะนำให้ปริ้นท์ออกมาแล้วพกติดตัวไปทุกที่ ทุกประชุม … ถ้ามีใครถามว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ … กางโชว์เลย ขอบอกว่าโคตรเท่อะ จริงๆนะ มันแสดงให้เห็นว่าทุกอย่างที่เราทำมีหลักการ มีที่มาที่ไป มีเหตุผล และใส่ใจผู้ใช้อย่างแท้จริง

หิ้ว Story Map ไปคุยกับผู้ใช้ดูอีกรอบ ผมเชื่อว่าเค้าจะโอเคและนั่นเป็นเหมือนไฟเขียวให้เราเริ่มกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ … พรุ่งนี้มาว่ากันเรื่องสร้าง Product Backlog ครับ

ผมเขียนบทความนี้เพราะอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต ซอฟท์แวร์ให้ดีขึ้นตามความเชื่อและประสบการณ์ของผม ถ้าเพื่อนๆเชื่อในแนวทางเดียวกัน เรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือทำให้สังคมของเราดีขึ้นครับ จะแชร์บทความนี้ผ่าน Social Network หรือจะแบ่งปันเรื่องราวนี้ให้คนที่นั่งข้างๆฟังบ้างก็ได้

The Future Has Arrived — It’s Just Not Evenly Distributed Yet, William Gibson

อนาคตอยู่ตรงนี้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องถ่ายทอดมันออกไปให้คนอื่นได้สัมผัสสิ่งดีๆร่วมกันครับ

--

--

Piyorot
Product Craftsmanship

A member of Mutrack and Inthentic. I lead, learn, and build with vision, love and care. https://piyorot.com