Setup Raspberry Pi Zero W แบบ Headless

Atitep Anuchettarak
Project-MAR
Published in
2 min readSep 10, 2017

หลังจากดูคนอื่น Review มานาน ในที่สุดก็ได้มาครอบครองกับเค้าบ้าง ตัว Zero W นี้มีเป็นบอร์ดขนาดเล็ก ทำให้ Connectorต่างๆ นั้นเล็กตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น HDMI ขนาดเล็ก, Micro USB ทั้ง 2 ช่อง และ Connector สำหรับต่อกล้องก็เป็นขนาดเล็ก ทำได้การ Setup นั้นยากขึ้น โดยเฉพาะหากเราไม่มีอุปกรณ์ช่วย เช่น display, Keyboard etc. (แบบผม)

เครื่องมือที่ต้องมี

  1. Raspberry Pi Zero W
  2. SD-Card
  3. USB Power Supply

โปรแกรมที่ต้องมี

  1. Windows (10) OS
  2. UBUNTU (16.04) OS
  3. win32diskimager
  4. Advance IP Scanner
  5. Bitvise SSH Client

ขั้นต้อนการ Setup

  1. เตรียม SD-CARD

การเตรียม SD-Card ทำเหมือนกับพี่น้องในตระกูล คือ เตรียมเหมือนกัน, ใช้ Image เดียวกันเลย

โหลด image มาจาก raspberrypi.org โดย ตย. นี้ใช้แบบ LITE (Headless) หลังจากนั้น burn image ลง SD-Card ด้วยโปรแกรม win32diskimager

เมื่อ Write Image เสร็จแล้วก็มาถึงขึ้นตอนสำคัญ นั้นคือ ทำอย่างไรถึงจะเปิดการทำงานของ SSH Server และตั้งค่า SSID/Password ให้บอร์ดของเรา เนื่องจากเราไม่มีตัวช่วยจาก Display และ keyboard ที่สามารถต่อกับตัวบอร์ดได้โดยตรง ดังนั้นเราจึงต้องทำทุกอย่างผ่าน PC นั้นเอง

2. เปิดการทำงานของ SSH Server

Image ตั้งแต่ Nov 2016 นั้น ได้ตั้งค่า Default ของ SSH Server เป็น Disable ดังนั้นจึงจะยังไม่สามารถต่อ SSH ไปยังบอร์ดได้

สำหรับใน Windows สามารถทำได้ง่ายๆ โดย

  • เสียบ SD-Card เข้าไปใน Card Reader
  • เข้าไปสร้าง file ชื่อ SSH (File เปล่าๆ นี่แหละครับ) ใน Drive ที่ขึ้นมาใน My Computer

สำหรับใน Linux โดยก็ใช้ท่าเดียวกัน คือ

  • mount SD-Card
  • เข้าไปสร้าง file ชื่อ SSH ใน boot partition

3. การตั้งค่า SSID และ Password สำหรับ Wifi (Update for Raspbian STRECH)

ใช้ท่าคล้ายๆ กับการเปิด SSH คือ

เข้าไปใน boot partition จากนั้นสร้าง File ชื่อ wpa_supplicant.conf

โดยภายใน File ดังกล่าวใส่ข้อมูลไว้ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

*ตรง SSID และ psk ให้ใช้ Wifi SSID และ Password ของ network ที่ต้องการจะเชื่อมต่อนะครับ

country=US
ctrl_interface=DIR=/var/run/wpa_supplicant GROUP=netdev
update_config=1

network={
ssid="your_real_wifi_ssid"
psk="your_real_password"
key_mgmt=WPA-PSK
}

เสร็จแล้วครับ มาลอง Boot บอร์ดกัน

4. Powered and Boot

ถึงตอนนี้ RPi เราก็พร้อม Boot แล้ว เสียบปลั๊กได้เลย

ใช้โปรแกรม Advanced IP Scanner เพื่อหาว่า RPi ของเราได้รับ IP อะไรจาก router

Bitvise ซ้าย, Advanced IP Scanner ขวา

เมื่อได้ IP แล้วก็ใช้โปรแกรม Bitvise SSH Client ต่อเข้าไปได้เลยย default เดิมๆ

  • user: pi
  • password: raspberry

Enjoy :)

References

--

--