ใส่กิโมโนเที่ยวย่าน ASAKUSA ในโตเกียว
ไหว้ขอพรจากวัดที่ดังสุดในโตเกียวและเหมือนมีงานวัดอยู่ทุกวัน ใส่กิโมโนไปนั่งเกี้ยวให้หนุ่มหล่อเข็นในโตเกียว กินข้าวเนื้อทอดแบบสุโก้ย และข้าวหน้าปลาไหลย่างถ่านที่คิวยาวววววว ลิ้มรสไอติมชาเขียวเข้มข้นระดับแมกซ์ ชมวิวบนหอคอย Tokyo
Skytree แบบเก๋ๆ ไปที่เดียว แต่ครบทุกรส วัดอาซาคุสะเป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ถ่ายภาพสนุก กินอร่อย ชอปปิ้งเพลินแบบฟินๆ
ในทริป ปุ๋ยใช้กล้อง Sony A7iii เลนส์ 90mm f2.8 ทุกรูปแต่งด้วย Lightroom อีกทีค่ะ รอบนี้เราไปโตเกียวทั้งหมด 15 วัน มีแวะไปภูเขาไฟฟูจิกับคามาคุระ 3 วัน นอกนั้นคืออยู่โตเกียวทั้งหมดเลย
วิธีการเดินทาง
- Tokyo Metro Ginza Line- Asakusa Station เดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือ Toei Subway Asakusa Line- Asakusa Station เดินต่อไปอีกประมาณ 5 นาที
Asakusa Gyukatsu
ข้าวหน้าเนื้อทอดตรงข้ามวัดเซนโซจิ
ข้าวหน้าเนื้อที่รอนานสุดใน 3 โลก ยืนขาแข็งท่ามกลางลมพัดเย็น 1 ชั่วโมงด้วยใจจดจ่อ จะเดินออกไปกินที่อื่น น้องสาวก็ไม่ยอม บอกเจ๊!! ต้องกินร้านนนี้!!
คำแนะนำ** ก่อนจะเข้าวัด เราแนะนำให้ไปต่อแถวกินข้าวหน้าเนื้อก่อนค่ะ
เพราะนักท่องเที่ยวคนอื่นๆจะหลงระเริงเดินเข้าวัดไปก่อน แล้วยังไม่มากินที่นี่ ดังนั้นตอนนี้คิวจะยังไม่ยาว
ที่นี่มีเมนูให้เลือกไม่เยอะ มีแค่ให้เลือกข้าวหน้าเนื้อจานเล็ก หรือข้าวหน้าเนื้อจานใหญ่ และเลือกว่าจะกินหรือไม่กิน!!
ทีเด็ดของเค้าคือ ข้าวหน้าเนื้อจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเตาปิ้งถ่านอันเล็กๆ พอเราจะกิน เราก็ไปปิ้งๆให้มันดังฉ่าๆเพิ่มอ่ะ เห้ยยยย มันสนุก และมันอร่อยมากกก มันหอมๆที่เราไปปิ้งค่ะ นี่ปกติเฉยๆกับข้าวเนื้อทอด หมูทอดนะ แต่ร้านนี้คือดีย์ คุ้มค่าแก่การไปยืนรอ
Asakusa tourist information center
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อาคารเก๋ไก๋ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง Kengo Kuma อยู่ตรงข้ามวัดเซนโซจิ และร้านข้าวหน้าเนื้อทอดที่เราไปนั่งกินเมื่อกี้ค่ะ
พอเข้าไปแล้วให้ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 8 จะสามารถมองเห็นวัดเซนโซจิจากมุมสูงได้ รวมถึง Tokyo Skytree ด้วย
Kannon Dori
ถนนช้อปปิ้งใกล้ๆกับวัดอาซาคุสะ
ที่วัดเซนโซจิหรือวัดอาซากุสะ นอกจากจะมีวัดชื่อดัง ของกินอร่อย โตเกียวสกายทรี ก็มีหนุ่มลากเกี้ยวหน้าตาดีเต็มท้องถนนนี่แหละค่ะที่คอยเรียกแขกรอบๆวัด แต่ละคนเหมือนพรีเซนเตอร์โฆษณา หุ่นล่ำกล้ามฟิต (ดูกล้ามขาพี่เค้าซี่!! 💪🏻)
หนุ่มๆเหล่านี้จะทำหน้าที่เสมือนไกด์ลากเกี้ยวพาเราเที่ยวค่ะ ตอนแรกก็อยากนั่งอยู่นะ เพราะเค้าหล่อ แต่เห็นราคาเราก็ผงะเลย ไม่ได้แพงขาด แต่ไม่ได้ถูกค่ะ จำได้ว่ารอบครึ่งชั่วโมงตกอยู่ 1000+ บาท
ที่เห็นก็คือเค้าจะลากเกี้ยวพาเรานั่งไปรอบๆ และแนะนำสถานที่ต่างๆให้ฟัง ถ่ายรูปให้ ชวนเราคุย ส่งยิ้มหล่อๆให้นี่แหละค่ะ เคยเห็นไกด์ลากเกี้ยวที่อื่นแล้วนะ แต่เราว่าที่นี่รวมแหล่งคนหน้าตาดีเยอะสุดเลย
ใครสนใจบริการ ต้องลองไปนั่งนะ สำหรับหนุ่มๆอยากนั่งมั่งก็มีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มลากเกี้ยวด้วยค่ะ
จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปวัดเลยค่า
ถนนช้อปปิ้งนากามิเสะ
คือเส้นทางหลักที่เป็นทางเข้าวัดอาซาคุสะ แถบนี้เป็นถนนยาวววววที่มีของกินเยอะมาก และอร่อยหลายอย่างด้วยค่ะ
ตามรอยไปทีละร้านเลยนะคะ
ร้าน Kibidango Azuma
ดังโงะเเบบที่โรยเคลือบน้ำตาลถั่ว
สรุป อร่อย ไม้เล็กมาก แพง แต่อร่อย ต้องกิน
ร้าน Kikuya
อีกเจ้าที่ขายดังโงะเหมือนกัน แต่รสชาติไม่เหมือนกัน ร้านอยู่เยื้องๆกันเลย ร้านนี้หลากหลายกว่าเยอะ มีหลายแบบมาก
เรามาเที่ยวอ่ะเนอะ ปุ๋ยก็เลยลองหมดเลยค่ะ ฮ่าาาา ทั้งแบบดังโงะดั้งเดิม แบบโปะถั่วแดง แบบโรยงา อร่อยแตกต่างดีค่ะ แต่ไม่โอเคกับรสโชยุนี่แหละ มันโชยุ๊โชยุจนดูไม่น่าเอามาทำขนมหวานอ่ะ ฮ่าาา
ร้านของกินอื่นๆมีเพียบค่ะ เคยกินแบบนี้แล้วฟันจะหัก
Oimoyasan (おいもやさん興伸) ร้านมันเผา
เมนูเด็ดของร้านคือมันเผา ตามรูป โคตรหวาน หวานมาก หวานน้ำตาลขึ้น มีอีกอันที่เหมือนมันเชื่อม ก็หวานเหมือนกัน ซื้อน้อยๆแบ่งกับเพื่อนคนละคำสองคำพอ เชื่อเรา
วัดอาซาคุสะ (Asakusa Kannon Temple) หรือ วัดเซนโซจิ(Sensoji Temple)
เข้าชมฟรี 6:00–16:30 น.
เนี่ยๆ เคยเห็นช่างภาพใน IG เค้าถ่าย Tokyo Skytree แบบมีซากุระล้อมรอบ ปุ๋ยเลยอยากได้มั่ง หามุมถ่ายนานมากค่ะ เพราะต้นไม้แถวนั้นยังไม่มีดอกเลย จนไปสรุปกับซากุระปลอมค่ะ (ใช่ค่ะ ดอกชมพูนั่นคือต้นไม้ปลอมมมม)
Suzukien
เปิดเวลา 10:00–17:00
จากด้านหลังวัด เราเดินต่อมาที่ร้านไอศกรีมชาเขียวกันค่ะ
ที่นี่มีระดับความเข้มข้นชาเขียวให้เลือก เราว่าตัวระดับ 7 เข้มข้นสุดกำลังอร่อยเลยค่ะ แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ รสงาดำ น้องสาวชอบมว๊ากกกก น้องสาวเป็นแฟนพันธุ์แท้บัวลอยงาดำน้ำขิง และน้องก็ชอบงาดำที่นี่มากๆค่ะ
ระบบขนส่งเด็กๆมวลชน
จริงๆเค้าบอกว่าห้ามถ่ายนะ น้องสาวก็มาตีหลังจากปุ๋ยกดชัตเตอร์ไปแล้วนั่นแหละ มิน่าคุณครูที่ดูแลเด็กหันมามองปุ๋ยตาเขียวปั้ดเลย
Unagi Irokawa ข้าวหน้าปลาไหลร้านอร่อย
ความพยายามอยู่ที่ไหน ข้างหน้าปลาไหลอยู่ที่นั่น #ร้านที่ไปมา3 รอบ
.
แถมเพิ่ม สำหรับใครไม่กินข้าวหน้าเนื้อ ข้าวหน้าปลาไหลเตาถ่าน Irokawa อยู่ใกล้ๆกับวัดเซนโซจิ บอกเลยถ้าอยากกิน อย่าเพิ่งไปเที่ยววัด มาต่อแถวที่นี่ก่อน เพราะร้านเปิดแค่ 11.30–13.00 และคนมาต่อแถวตั้งแต่ 11 โมงแล้ว
เรามาทั้งหมด 3 รอบ รอบแรกมาตอนเย็น เพราะอ่านรีวิวเจอว่าเค้าเปิด 2 รอบ เที่ยงกับเย็น แต่พอไปถึงร้านปิดป้ายว่าเปิดแต่ช่วงเที่ยงเท่านั้นจ้า ดังนั้นตอนนี้มีแค่รอบเดียวคือรอบ 11 โมงเท่านั้นนะคะ มาอีกรอบคือแปะป้ายหน้าร้านว่า วันนี้ปิดชั่วคราว ยิ่งห้ามยิ่งยุ ต้องกินล้างแค้นให้ได้
- หยุดทุกๆวันอาทิตย์
พออีกวันตื่นสายๆ เราก็มุ่งหน้ากันไปเลย ไม่อยู่ตามแผนใดทั้งสิ้น ข้าวหน้าปลาไหล เรามาเพื่อสิ่งนี้
ไปถึงตอน 11 โมงนิดๆ มีแถวรอแล้วประมาณ 10 คน โล่งใจละ อย่างน้อยวันนี้ร้านเปิด รอเท่าไหร่ก็รอได้ มา 3 รอบแล้วเว้ย พอใกล้ๆ 11 โมงครึ่ง กลิ่นปลาไหลย่างเตาถ่านร้อนๆก็ลอยมาละ แสดงว่าความฝันใกล้เป็นความจริง พอประตูเปิดก็จะโดนต้อนให้ไปรอข้างในจ้ะ รอไปชั่วโมงกว่า เค้าก็ให้นั่งโต๊ะ ในร้านมีป้ายห้ามถ่ายรูปตรงเตาถ่านและส่วนครัว เราคิดว่าเป็นการทำงานให้สะดวกขึ้น แต่จริงๆอาจเป็นการปกป้องสูตรลับของร้านรึป่าว เพราะถ้าเชฟบางคนเห็น เค้าเดาสูตรได้เลยเออ เราถ่ายพอกรุบกริบเป็นพิธี ยังไงร้านก็มีคนอื่นๆมาต่อแถวต่อ ดังนั้นรีบถ่ายและกินให้เรียบร้อยเป็นมารยาทจ้ะ ไม่ควรลุกจากโต๊ะมาถ่ายรูปนะ
ข้าวหน้าปลาไหลมี 2 แบบให้เลือก แบบ Regular และ Large เราสั่งแบบธรรมดานี่แหละ และเพิ่มตับย่างกับอะไรไม่รู้กระดูกกรุบย่าง ไม่ต้องงง เมนูมีแค่ 3 อย่าง สั่งไปทุกอย่างโลด
ข้าวใส่มาในกล่องเบนโตะ พร้อมผักดองและน้ำซุป เหมือนจะเล็กแต่ไม่เล็ก ตอนท้ายๆนี่อิ่มมากเลย ปลาไหลนี่หอมเตาถ่านมาก ข้าวเป็นเม็ดๆ สาวกข้าวหน้าปลาไหลต้องมาลองอ่ะ เอาจริง ส่วนตับย่างก็ย่างมาพอดี ตับจะมีรสขมๆ คือ 3 พี่น้องสั่งมาอย่างละไม้ คือแย่งกันกิน เราชอบน้ำซุป กินแล้วชุ่มคอ พวกผักดองก็ดองมาดีเลยนะ ไม่เปรี้ยว กรอบๆ มีผักสีน้ำตาลๆที่เหมือนดองเหล้ามาอ่ะ พี่เราชอบ แต่เราไม่ใช่สายดื่ม เลยขอผ่านฮ่ะ
อ้อ บนโต๊ะเค้ามีน้ำเต้ามาด้วยนะ ข้างในเป็นผงเขียวๆ ไว้โรยบนข้าว นึกว่าผงชาเขียว แต่ใส่แล้วมันเปรี้ยวๆอ่ะ โรยนิดเดียวพอ เพราะติดตะเกียบมากเลยเออ ใครชอบข้าวหน้าปลาไหลต้องมาลองนะ พกดวงมาด้วย จะได้กินเร็วๆไม่ต้องคิวนาน
Tokyo Skytree
สถานที่สุดท้าย ปิดสวยๆของวัน Tokyo Skytree เป็นสถานีเลยค่ะ พอเข้าไป จะมีลิฟท์ให้เราไปถ่ายรูปข้างบนได้อีกทีนะ
แต่ถ้าอยากถ่ายตัวหอคอย ให้ข้ามมาอีกฝั่งเป็นคล้ายๆอาคารสวนสาธารณะแล้วถ่ายย้อนกลับมาก็สวยดีนะ
จบแล้วกับรีวิวสุดท้ายในโตเกียว เดี๋ยวคราวหน้าจะมาสรุปปิดท้ายว่าโตเกียว 15 วันเราไปไหนได้บ้าง และติดตามกับทริปใหม่ มันส์หยดโหดกว่าเดิม
อย่าลืมกด like กด share ด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/puiisjourney/
