CAPPADOCIA ณ ตุรกี เมืองนี้ไม่ได้มีแต่บอลลูนนน EP. 2/2
Day 2 กับภารกิจตามล่าหาบอลลูน + ปีนเขา 5 ชม.
อย่าลืมพกดวงมาด้วย
นั่นคือคำพูดของทุกคนที่เคยไปคัปปาโดเกียมาก่อน
ขนาดเราไป 3 วัน เรายังได้เห็นบอลลูนแค่วันเดียว
ดังนั้นอย่าลืมเตรียมแผน 2
นอกเหนือจากบอลลูน คัปปาโดเกียยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะแยะ
อย่างเดินเขาซัก 5 ชั่วโมงไง!!
สำหรับคนเดินไม่ไหว ไม่ต้องตกใจนะคะ
ที่นี่เค้ามีทั้งขี่ม้าทัวร์ ขับ ATV หรือจะขับรถไปถึงยอดเขาก็ยังได้
ดังนั้นแผนนี้ใครๆก็ตามรอยได้เหมือนกัน
สำหรับรายละเอียดการเดินทางวันนี้
กดดูแผนที่ได้ตามนี้เลยค่า
Day 2 : ดูบอลลูน + ปีนเทือกเขา Rose Valley 5 ชั่วโมง https://goo.gl/maps/ddb4tfAgLbFWpNyTA
พร้อมแล้วไปกันต่อกับภาคสุดท้ายของ Cappadocia กันเล้ย
ต่อให้มีเงินไปถึงถิ่น แต่แต้มบุญไม่ถึงจริงๆก็อดเห็นบอลลูน
เราได้ยินคำพูดแบบนี้ตั้งแต่ตัดสินใจว่าจะไปคัปปาโดเกีย
ทำให้ก่อนออกเดินทาง เราตื่นเต้นมากๆ
ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง (ถึงขั้นบนบานศาลกล่าว)
ตอนบอกเจ้าถิ่นว่าจะไปคัปปา อยากเห็นบอลลูน
เจ้าถิ่นยังเอ่ยปากเลยว่าอย่าหวังมาก
เพราะช่วงที่เราไป อากาศไม่ดี
พยากรณ์อากาศลมแรง และมีฝนตกทุกวัน
แต่ความหวังมีมากกว่า
ไปเมืองแห่งบอลลูนทั้งที
เราเลยหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องไปขึ้นบอลลูนให้ได้
ถึงขนาดเก็บเงินสำหรับค่าบอลลูนแต่เนิ่นๆ
และหมั่นทำบุญเพื่อสะสมแต้มบุญมาเลยทีเดียว
อ่ะ งั้นเริ่มกันเล้ย
หลังจากเดินขึ้นเขาไปฟิตซ้อมน่องเหล็กตั้งแต่วันที่ 1 มาแล้ว
เราก็กลับมาที่โรงแรมค่ะ
เรานอนพัก ส่วนเจ้าถิ่นก็ลงไปคุยๆกับทางเจ้าของโรมแรม
เพื่อดูว่าตอนเช้าจะมีบอลลูนขึ้นรึป่าว
ปรากฎได้ข่าวดีว่าพรุ่งนี้มีบอลลูนแน่นอน
ดังนั้น ทุกคนต้องรีบนอนและเตรียมพร้อมตื่นตี 5 เพื่อไปล่าบอลลูน
ตี 5 ปุ๊บ ปุ๋ยก็เด้งตัวตามคอนเสปต์เดิม
ไม่ล้างหน้าแปรงฟัน (ช่วยเค้าประหยัดน้ำ) รีบเดินไปที่ลานบอลลูน
(ใครสงสัยว่าอยู่ตรงไหน กดดูในแผนที่ตรงลิงค์ที่แนบก่อนหน้าได้จ้า)
ตอนไปถึง เหล่านักบินก็เตรียมเครื่องพร้อมแล้วค่ะ
ละลานตามาก คือบอลลูนมันใหญ่มากๆๆ
แล้วเราเห็นในระยะที่ใกล้มาก
จริงๆ คืนแรกที่ไปถึงก็คาดว่าวันถัดไปจะมีบอลลูนให้ดูนะ
แต่สุดท้ายเค้าบอกว่าไม่มีค่ะ เพราะวันนั้นมีฝนตกปรอยๆ
และมันก่อให้เกิดแรงลมด้วย
ทางโรงแรมบอกว่าถ้าอากาศไม่ดี
เค้าก็จะไม่มีการปล่อยบอลลูนกันเลย
เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน
เคยมีเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน
ที่เค้าบอกว่าอากาศไม่ดีนี่แหละ แต่ทางนักท่องเที่ยวก็อยากจะขึ้นไปให้ได้
(คือก็เข้าใจนะ เพราะว่านั่งเครื่องอะไรมากันไกล ก็อยากขึ้นบอลลูนอ่ะ ไม่งั้นจะเสียเที่ยว)
ก็เลยมีบริษัทนึงปล่อยบอลลูนขึ้น
ผลปรากฎว่าบอลลูนร่วง ทำให้เสียชีวิตกันทั้งหมด
ตั้งแต่นั้นมา เค้าเลยกำหนดเลยว่า วันใดที่ดูอากาศไม่ดีซักเพียงเสี้ยว
ก็ห้ามเอาบอลลูนขึ้นเด็ดขาด
อย่างบอลลูนลูกล่างนี้
ตอนแรกเราไม่ทันสังเกต แล้วเจ้าถิ่นก็ชี้ให้ดู
บอกลูกนี้น่ากลัวมากๆ เพราะสูบไฟตั้งนานแล้วก็ยังไม่ลอยซักที
จนลูกอื่นๆ ลอยไปสูงกันหมดแล้ว
เราลุ้นมากๆ เพราะเห็นว่าลอยไปสูงแล้วเหมือนกัน
แต่พ่นไฟยังไงก็ไม่สูงไปกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ลอยขึ้นไปได้ (โล่งใจ)
มองไปไกลๆ
บอลลูนหลายๆสีนี้เหมือนเป็นบอลลูนราคาแพง
เพราะสีสวยกว่า และลอยไปสูงกว่า ไกลกว่าลอยแล้วจ้า
โอ้วโหว สวยงามมาก
ตอนแรกเราก็จะขึ้นไปแหละ แต่พี่ที่ไปด้วยกลัวความสูง
และเจ้าถิ่นก็ชักจูงว่าอย่าไปเลยบางกอก เอ๊ย อย่าไปเลย มันอันตราย
ลอยแล้วจ้า
โอ้วโหว สวยงามมาก
ตอนแรกเราก็จะขึ้นไปแหละ แต่พี่ที่ไปด้วยกลัวความสูง
และเจ้าถิ่นก็ชักจูงว่าอย่าไปเลยบางกอก เอ๊ย อย่าไปเลย มันอันตราย
ไว้มารอบหน้าเราจะแอบขึ้น จิ๊ๆๆ
เราเอาต้นไม้มาเป็น foreground แล้วถ่ายทะลุไป ก็ได้มุมที่แตกต่างดีนะ
ตอนแรกเรารู้สึกว่าบอลลูนไม่เห็นเยอะเลย
แต่เจ้าถิ่นบอกว่านี่เยอะมากๆแล้ว
เพราะบอลลูนไม่ได้ขึ้นมาก่อนหน้าเป็นอาทิตย์แล้ว
พวกเราโชคดีมากๆ ที่มาวันที่บอลลูนขึ้น
มีคนมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันเยอะแยะเลย
ซึ่งส่วนใหญ่เป็น นทท จีนจ้า
รู้ได้ไงหรอ โอ้โหว พูดจีนอยู่ไงคะนั่น
บริษัททัวร์จีนมาจับจองพื้นที่นี้กันเยอะมาก
ขนาดบอลลูนยังมีของทัวร์จีนเลย ตัวอักษรภาษาจีนตัวเบอเริ่ม
อุตสาหกรรมการถ่ายพรีเวดดิ้งของจีนเค้าเติบโตเร็วมากจริงๆ
เรานับได้เป็น 10 คู่ แยกกันถ่ายเป็นหย่อมๆ
แต่เราว่าการถ่ายรูปของงานสำคัญโดยมีบอลลูนและธรรมชาติสวยๆเป็นฉากหลัง
มันคงอยู่ในความทรงจำยาวนานแน่ๆ
ก่อนหน้าเราก็เคยไปสำรวจราคามานะ
ได้ยินว่าราคาถูกๆ อยู่ที่ 60–80 eu
เฉลี่ยราคาปกติอยู่ที่ 100–150 eu
พีคๆ อาจไปถึง 300 eu ได้เลย
หลายๆครั้งต้องจองกันมาก่อนข้ามเดือน
เพราะบอลลูนไม่ได้บินทุกวัน ถ้าไม่จองมาก็อาจเต็มได้
ราคาพวกนี้เราได้มาจากตอนไปคุยกับเจ้าของโรงแรม
เค้าบอกส่วนใหญ่ นทท จะอยากได้ราคาถูกๆ
แต่จริงๆแล้ว ราคาที่จ่ายไปคือความปลอดภัยของลูกเรือต่างหาก
ไม่รู้เหตุผลทางการตลาดของโรงแรมรึเปล่า
โรงแรมบอกว่า ส่วนใหญ่บริษัทบอลลูนก็ต้องอยากได้คนเยอะๆอยู่แล้วล่ะ
เพราะคนยิ่งเยอะ พวกเค้าก็ได้เงินเพิ่ม
ทางที่ดี ควรจะจองกับทางโรงแรมมากกว่า
เพราะโรงแรมจะช่วยแสกนบริษัทให้
ว่าบอลลูนที่ลูกค้านั่ง มีจำนวนคนต่อตะกร้ากี่คน
กัปตันบอลลูนชำนาญงานมั้ย
เพราะกัปตันยิ่งเก่ง ผู้โดยสารก็จะเพลิดเพลินใจกับวิวด้านนอก
แทนที่จะเวียนหัวกับบอลลูนที่แกว่งไปมา
เมื่อลูกค้ามีความสุข เค้าก็จะไปบอกต่อกัน
ส่วนตรงนี้เป็นยอดเขาที่เราไปกันมาเมื่อวานค่ะ
Love Hills จุดยอดนิยมในการดูบอลลูน
ถ้าขึ้นไปก็น่าจะได้รูปบอลลูนกว้างๆพร้อมกับตัวเมืองไกลๆนะ
หลังจากที่ดูบอลลูนลอยขึ้นไปหมดแล้ว
เราก็กลับโรงแรมไปกินข้าว แล้วนอนต่อ
ช่วงบ่ายเตรียมตัวไปขึ้นเขา Rose Valley
สำหรับใครที่อยากทดสอบความแข็งแรง
ไปเดินเขา Rose Valley เหมือนเรา
สิ่งที่ต้องเตรียม คือ เสบียง น้ำ และชาร์จร่างกายมาให้พร้อม
เพราะข้างบนไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งห้องน้ำ (เราไม่
เพราะเราจะเดินกันยาวๆไป 5 ชั่วโมง
เดินขึ้นไปแล้ว จะกลับตัวก็ยากแล้วจ้า
เอาล่ะ เราจะเตรียมขึ้นไปกันละ
อันนี้ยังตีนเขาอยู่ เราก็ยังลัลล้ากับน้องม้า
เอ้อ หลังจากเดินกลับมา ถึงได้รู้ว่า
จริงๆ เดินขี่ม้าชมเขาก็ได้นะ ไม่ต้องถ่อเดินให้ลำบาก
สบาย แถมได้ฟีลลิ่งที่แตกต่าง
ซึ่งกว่าจะรู้ ก็ตอนที่เราขึ้นไปถึงยอดแล้วอ่ะ ฮือๆๆๆ
แต่การเดินก็ดีเหมือนกันจ้า
เราสามารถลัดเลาะๆไปตามจุดต่างๆได้
อย่างเช่นภาพนี้ก็ไม่ใช่ทางม้าเดินแล้วล่ะ
เราก็เดินลุยทุ่งดอกเหลืองนี่เข้าไปเล้ย
มองหันกลับไปเป็นปราสาท Uchisar
และฟาร์มม้าที่เราผ่านมาเมื่อกี้
เอาล่ะ เริ่มกลับตัวไม่ได้แล้วฮะ
เราเคยฝันอยากเลี้ยงม้าไว้ขี่ซักตัวคงเท่ไม่หยอก
ตอนนี้ก็เอาแค่เวลาไปถ่ายรูปใกล้ๆ ไม่ให้โดนม้าถีบซะก่อน
เริ่มเดินห่างเมืองมาเรื่อยๆ
เห็นตึกๆที่อยู่ตรงกลางรูปรึป่าว นั่นคือเมืองที่เราเดินออกมา
ส่วนปราสาท Uchisar ก็เป็นอีกเมืองนึงที่ถ้าอยากไปต้องขับรถไปนะจ้ะ
เห็นรูๆตรงผารึป่าว
เราถามเจ้าถิ่นว่า คนไปอยู่ในนั้นหรอ แล้วขึ้นไปยังไงอ่ะ
พี่เค้าก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะ บอกว่า อันนั้นเค้าเจาะไว้ให้นกไปทำรัง
อ๋อ ปล่อยไก่จ้า
เอ้อ สิ่งที่ชอบอีกอย่างของที่นี่คือ เส้นๆแบบเลเยอร์ของพื้นดิน
บางส่วนเลยเรียกว่า Fairy Chimpney หรือปล่องนางฟ้า
พึงระลึกไว้อย่างนึงสำหรับสุภาพสตรี
กรณีที่คุณรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณ พยายามหามุมลับแล้วจัดการธุระเลยค่ะ
เพราะจากนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพื้นราบและไม่มีห้องหับให้คุณอีกต่อไป
เราทนไป 5 ชั่วโมงแน่ะ แล้วสุดท้ายกลายเป็นมีปัญหากับการเข้าห้องน้ำไปเลย
พอเราเดินผ่านจุดนี้มาซักพัก
แล้วหาห้องน้ำ พบว่าไม่มี
ลุกลี้ลุกลนหาซอก ก็เกรงใจเจ้าป่าเจ้าเขา
โฉมหน้าคนหลอกให้เราขึ้นเขาจ้า
พี่ที่ไปด้วยบอกเหมือนเรากับพี่เค้าเป็นหมูอ้วนพี
แล้วนี่คือคนเทรนให้หมูออกกำลังกาย
ระหว่างที่เราถ่ายรูปโน่นนี่นั่น
อยู่ๆก็มีบ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งตรงที่เรายืนอยู่จ้า
อันนี้คนตุรกีแท้ทรู เราตื่นเต้นมากเลย
บ่าวสาวหน้าตาดีสุดๆ คมเข้มตามประสาคนที่นี่เลยล่ะ
ชะง่อนหินที่ขนาบกันแล้วมองไปเห็นผาหินพอดี
ตรงรูๆนั่นเป็นถ้ำค่ะ
คนที่นี่สมัยก่อนเค้าอาศัยอยู่ในผาหินแบบนี้กัน
ก่อนจะย้ายไปสร้างเป็นตึกในเมือง
เรามาถึงยอดแล้ว
Rose Valley แบบใกล้สุดๆไปเลยจ้า
เนื่องจากเราเดินกันหลายชั่วโมง
ด้วยความเป็นผู้หญิง เราก็อยากเข้าห้องน้ำอ่ะ
ข้างบนมันไม่มีห้องน้ำให้เข้าเลยนะ เพราะเป็นพื้นราบแบบนี้หมดเลย
คนบางคนก็อยู่ถูกที่ถูกเวลา
และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีห้องน้ำสำหรับเขา
อย่างตอนแรกเรากับพี่ที่ไปด้วยถามเฮียเค้าแล้วนะ
เราขี่ม้า ขับ ATV กันขึ้นไปได้ป่าว
แต่สิ่งพูดไปเหมือนไม่เข้าหูเลยเด้อ หลอกให้เดินตาม 5555+
ตรงนี้เราก็นั่งพักซักพักนึง ทำสมาธิอดกลั้นเข้าห้องน้ำอยู่
ถ่ายถุงเท้าเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึกซักหน่อย
ถุงเท้าอันนี้เราซื้อจากร้านขายของที่ระลึกในตัวเมืองค่ะ
ลายมันจะเหมือนพรมตุรกี เวลาไปไหน เราจะชอบซื้อถุงเท้าของที่นั้นๆค่ะ
พอใส่แล้วจะนึกถึงสถานที่ที่เคยไป แถมยังใช้งานได้ทุกที่อีกด้วย
คู่ละ 5–6 TL หรือประมาณ 30–40 บาทเอ๊ง
มองไกลๆไปเป็นเทือกเขาเอเจียส
เทือกเขาที่สูงสุดๆ และมีหิมะปกคลุมตลอดปี
เคยอ่านจากใน pantip นี่แหละว่า
คนท้องถิ่นถึงขนาดขับรถไปเอาน้ำจากที่ยอดเขามาดื่ม
เพราะเชื่อกันว่าน้ำจากที่นี่สะอาดและบริสุทธิ์
ปล่อยให้พี่เค้าถ่ายไปเลยจ้า
พอวิญญาณช่างภาพเข้าสิง
ก็จะไม่ได้ยินที่เราพูดเราถามอีกต่อไป
ห้องน้ำก็ไม่ช่วยฉันหา
จากนั้นเราก็เดินวนกลับเข้าเมือง
คือจริงๆยังมีอย่างอื่นอีก แต่ตอนนั้นเรารีบมากจริมๆ
เลยข้ามช็อตไปเลยนะฮ่ะ
Day 3
วันนี้เราจะออกจาก Goreme ไปสนามบิน Kayseri
โดยการเช่ารถขับจ้ะ
โดยเราจะแวะนครใต้ดิน Derinkuyu Underground city
และสวนนก Sultansazlığı Milli Park
โดยในตัวเมืองจะมีร้านให้เช่ารถขับ
ค่ารถ 210TL + น้ำมัน 140TL
รายละเอียดเส้นทางของวันนี้ ตามลิงค์ด้านล่าง
https://goo.gl/maps/A8fGwTgy9JsYoodR6 — at Goreme.Cappadocia.
ถ้ามากัน 3–4 คน เช่ารถขับจะดีกว่า
เพราะราคาถูกกว่าการนั่ง shuttle bus ไปสนามบิน
แถมยังสามารถจอดแวะตรงไหนที่เราอยากจอดได้ด้วย
ระหว่างทางมีอะไรให้ดูเรื่อยๆค่ะ
ไม่ว่าจะเขาทรงแปลกตา หรือว่าตรงนี้เป็น Panorama Cafe Park
มีขายของที่ระลึก ถ้วยชามสังคโลก
Evil eyes หรือดวงตาปีศาจ
แขวนไว้เพื่อป้องกันโชคร้ายและความอิจฉารอบตัวและนำความโชคดีมาสู่เจ้าของ
พรมจ้าพรม หรือผ้าเช็ดตัวสีสัน
เราว่าเค้าทำออกมาได้สวยมากเลย และราคาก็เป็นมิตร
(อ๋อ แต่ไม่ได้ซื้อจ้า จ่ายค่าถุงเท้าไปแล้ว)
นครใต้ดิน Derinkuyu Underground city
ที่นี่จะเจาะลึกลงไปถึง8 ชั้น(60เมตร) เคยมีผู้คนอาศัยอยู่ในนครใต้ดินนี้ถึง20000คน
- *คำเตือน**
ต่อไปจะมีรูปเราอยู่ในนั้นแล้วนะ
เพราะถ่ายใต้ดิน มันไม่มีอะไรเลยนอกจากหินๆ อ่ะ 555+ - สำหรับบางคนที่ไม่ชอบที่แคบ
สถานที่นี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณนัก
อย่างเจ้าถิ่นเราก็รอข้างนอกเลย เนื่องจากไม่ชอบอยู่ในที่ปิด
เค้าจะมีลูกศรให้เราเดินตาม
อย่าเดินออกนอกเส้นทางนะ ข้างในเหมือนเขาวงกตเลย
ไม่น่าเชื่อว่าใต้ดินจะสามารถมีคนเข้าไปอยู่ได้ขนาดนี้
เค้ามีทั้งห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น
แม้กระทั่งห้องโบสถ์ สำหรับให้ทุกคนมารวมตัวและสวดมนต์กัน
ถือว่าสนุกดี เหมือนเล่นซ่อนแอบอะไรซักอย่าง
ซึ่งจริงๆแล้ว มีนครใต้ดินอีกที่นึงใกล้ๆ
แต่เจ้าถิ่นบอกว่าข้างในก็เหมือนๆกันแหละ
แล้วที่นี่ก็ใหญ่กว่าเยอะ
ระหว่างทาง ต้องใช้สติในการขับรถมากๆ
เพราะ 2 ข้างทางสวยสุดๆ
เราไปเจอเวิ้งนึง เหมือนเป็นหมู่บ้านอยู่ตรงผา
แล้วข้างหน้าเป็นทะเลสาป แบบ อู้วหูยยย
เป็นฮวงจุ้ยในฝันของใครหลายๆคน
หน้าเป็นน้ำ หลังเป็นภูเขา
ชัยภูมิแบบนี้ เค้าเรียกท้องมังกร
เหมือนหลุดไปใน Game of Thrones
ขับๆอยู่ ถึงขนาดต้องหาที่เอารถไปจอดเลย
คือถ้าฝนไม่ตกไล่ ก็ยังคงถ่ายรุปกันอยู่อย่างนั้นน่ะ
ให้เตรียมเสบียงไปประมาณนึง กันหิว
คือจากตรงคาเฟ่ตรงนั้นมา ก็ไม่ค่อยมีบ้านคนแล้วล่ะ
วันนั้นฝนตกหนักมากๆ แต่ก็หิวมากๆเช่นกัน
โชคดีเราไปเจอร้านขายขนมปังค่ะ
เค้าไม่ได้เปิดเป็นร้านอาหารนะ เหมือนทำขายให้คนมาซื้อกลับไปมากกว่า
แต่พวกเราหิวมาก จนบอกว่าขอเข้าไปนั่งกินขนมปังหน่อยเถอะ
กลิ่นหอมมาก
พ่อหนุ่มเสื้อตารางม่วงพิถีพิถันกับการอบขนมปังมากเลย
เค้าบอกไม่มีอะไรเลยนะ
มีแค่ขนมปังกับชีส ซึ่งนั่นก็ดีมากๆแล้ว
และขนมปังอบใหม่ก็อร่อยมากๆๆๆๆจริงๆ
ชาวบ้านแถวนั้นเดินเข้ามาซื้อตลอด ขนาดฝนตกก็ยังเดินมาซื้อ
สวนนก Sultan Sazlığı Milli Park
คือ อีกสถานที่แนะนำให้ไป
เป็นสวนนกที่ใหญ่มากๆอีกที่นึง และเป็นที่ๆน้อยคนนักจะรู้จัก
ทางเข้าด้านหน้าจะเป็นป้ายใหญ่ๆให้เลี้ยวเข้าไป
ก่อนถึงสวนนี้ จะเป็นฟาร์มปศุสัตว์และร้านอาหาร
ตอนเราไป ฝนตกหนักมากตลอดทาง
หนาวมากๆ จนต้องเข้าไปขอไออุ่นจากในร้าน
สั่งกาแฟตุรกีแก้หนาว
ก้อนเล็กๆตรงแก้ว คือขนมหวานค่ะ อร่อยดี
คล้ายๆ turkish delight กินคู่กับกาแฟ ลดขม
ข้างนอกฝนยังโหมกระหน่ำ
เราเลยสั่งขนมตุรกีมาลอง อันนี้คล้ายๆขนมบ้าบิ่นบ้านเรา
ทำมาจากข้าว ข้างบนเขียวๆเป็นผงถั่วพิตาชิโอ
ทางร้านใจดีมากๆ เอาฮีตเตอร์มาตั้งข้างๆโต๊ะเราเลย
เพราะเห็นพวกเราหนาวตัวสั่นงกๆ
(คนตุรกีใจดีจริงๆนะ)
พอฝนเริ่มซา เราก็เริ่มซ่าส์
เดินออกไปดูวิวข้างนอกค่ะ
ตอนกินกาแฟ เจ้าของร้านก็มาคุยกับพวกเราด้วยนะ
จริงๆคือมาคุยกับเจ้าถิ่น
เค้าบอกน่าเสียดายมากๆ ที่พวกเรามากันในวันฝนตก
และพอฝนตก เหล่านกก็จะบินหนีฝนกันไปหมด
ถ้าฟ้าใส เราก็จะมองเห็นภูเขาไกลโพ้นตรงโน้นได้ชัดมากๆ
เจ้าถิ่นเคยมาตอนที่อากาศดี เค้าบอกว่าสวยมากจริงๆนะ
เค้ายังเสียดายเลยเพราะอยากให้ดูสิ่งที่เคยเห็น
ปกติแล้ว ที่นี่จะมีนกหลากหลายพันธุ์เยอะมากๆ
เหล่านักชีววิทยาชอบมาดูนกที่นี่
เพราะที่นี่มีนกมากกว่าร้อยชนิด
รวมถึงนกฟลามิงโก!!
ลองนึกภาพนกฟลามิงโกหลายร้อยตัวยืนอยู่บนที่ว่างตรงนี้สิ
ถึงแม้จะน่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นนก
แต่วิวตรงหน้าก็สวยสุดๆแล้ว
ถ้าใครมาคัปปาโดเกีย
แล้วมีเวลา ก็ลองมาที่สวนนกนี่ดูได้นะคะ
ถ้าโชคดี อาจจะได้เห็นฝูงนกฟลามิงโกก็ได้
จบรีวิวทริปคัปปาโดเกียแต่เพียงเท่านี้
ขอบคุณมากค่า
