Get lost in SHINJUKU

Puii is always on the sunny side
puiionsunnyside
Published in
6 min readOct 21, 2019

#ไปโตเกียวเที่ยวให้คุ้ม ตะลุยย่านกินดื่มเด็ดๆในชินจูกุ

ชินจูกุ

คือย่านที่ใครมาโตเกียวก็ต้องมา เพราะเป็นย่านที่ไม่เคยหลับใหล สามารถเดินได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ แถมยังมีความหลากหลาย จะช้อปปิ้ง จะกิน จะเดินเล่น วันนี้เราเลยพามาเดินเล่นว่าถ้าอยู่ที่นี่ใน 1 วันจะมีอะไรให้ทำบ้าง ไปค่ะ!!

ในทริป ปุ๋ยใช้กล้อง Sony A7iii เลนส์ 90mm f2.8 ทุกรูปแต่งด้วย Lightroom อีกทีค่ะ

Kajitsuen Liber 🍰

เป็นร้านที่เจ้าของมีประสบการณ์การซื้อขายผลไม้สดตลอด 50 ปี มาเปิดเป็นร้านขายแพนเค้กค่ะ และยังมีพวกเบเกอรี่อื่นๆอีกด้วย ตอนไปถึง ก็มีคนต่อแถวรอแต่เช้าแล้วค่ะ

ร้านเปิดเวลา 7:30 am to 11:00 pm

พิกัด : https://goo.gl/maps/5JevT3HUozSTeQFm6 — ตัวร้านเปิดอยู่ในห้างติดกับทางเข้าสถานีรถไฟเลย ชั้น B1F

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และเราพกกระเพาะเปล่าๆเพื่อมาใส่สิ่งนี้

เมนูแนะนำของเค้าคือ Daily Pancake Special
น้องสาวกับพี่ชายเราลองแพนเค้กแบบอื่นและไอศกรีมด้วย ร้านนี้แนะนำสำหรับคนชอบผลไม้และแพนเค้ก อร่อยมากๆทุกสิ่งอย่าง ผลไม้เค้าหวานมาก สดมากกกก คือกินไปแล้วรู้สึกได้เลย ครีมสดก็อร่อย ร้านนี้แนะนำเลยค่ะ คือต้องมา!!

กินอิ่มแล้วจะไปชอปปิ้งต่อก็ได้ ถ้าเบื่อแล้วก็ไปเดินเล่นศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ต่อแทน ซึ่งศาลเจ้าก็ต่อกับ Yoyogi Park อีกที ใครเป็นสายเดินสวนสาธารณะนี่น่ามาเก็บมากเลย

จริงๆตรงศาลเจ้าเมจิ จะอยู่ติดกับย่านฮาราจูกุแล้วค่ะ แต่ย่านฮาราจูกุ เราจะมารีวิวคาเฟ่พร้อมกับย่านชิบูย่าทีเดียวคราวหน้าแทน

ด้านหน้าศาลเจ้าจะมีถังสาเกที่คนมาบริจาคค่ะ และศาลเจ้าก็จะมาแจกให้ประชาชนดื่มกันในงานเทศกาล — หาข้อมูลมาได้แบบนี้นะ ใครมีความรู้ฝากเพิ่มเติมให้ด้วยค่า

แสงแดดมันแยงตา แต่สายตาเทอว์มันแยงใจ โง้ยยย

เราชอบญี่ปุ่นที่เค้ารักษาต้นไม้ได้เป็นอย่างดี และภายในศาลเจ้าเมจิก็มีพื้นที่ของต้นไม้กว้างใหญ่มากๆๆๆ จากป่าคอนกรีตเมื่อกี้ เหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งเลย

รอบๆศาลเจ้าถ่ายรูปได้นะคะ แต่ภายในอาคารจะถ่ายไม่ได้แล้วล่ะ

บังเอิ๊ญๆเจอบ่าวสาวชาวญี่ปุ่นมาทำพิธีแต่งงานที่นี่พอดีเลยยยย
ตอนแรกเราเกรงใจค่ะ ไม่กล้าถ่ายรูป เพราะรู้สึกว่าเป็นงานส่วนตัวของเค้าอะไรแบบนี้ แต่มีนักท่องเที่ยวคนนึงเปิดวง และสุดท้ายทุกคนก็พากันถ่ายหมดเลย เราก็เลยถ่ายมั่ง ฮ่าาา โชคดีมากๆเลยค่ะ

เจอสายตาเจ้าบ่าวมองไปทางเจ้าสาวนี่ละลายตายไปเล้ยยย

บ่าวสาวหน้าตาดีมว๊ากกก ได้ยินว่าจะจัดแต่งงานที่ศาลเจ้านี้ได้ ต้องทุนหนาพอสมควรเลยค่ะ จริงดั่งเค้าว่า เพราะหลังจากทำพิธีเสร็จ บ่าวสาวก็มีราชรถมาเกย และบรรดาแขกก็ขับ BMW และ BENZ มาเป็นแถบ

เด็กๆที่มาร่วมงานวิวาห์ — เด็กผู้ชายก็น่ารัก เด็กผู้หญิงจิ้มลิ้มน่ารักเหมือนจียองที่เป็นดาราลูกครึ่งเกาหลีเลย ลูกกกกกกกก

ติดกับศาลเจ้าเมจิจะมีสวนสาธารณะใหญ่ Yoyogi Park คิดว่าทุกคนคงรู้จักกันหมดแล้วแหละ แต่ที่จะมาบอกต่อคือ บางทีพวกสวนสาธารณะพวกนี้มักจะจัดงานอีเว้นท์บ่อยๆ ถ้าอยากสัมผัสชีวิตและสังคมคนญี่ปุ่นมากขึ้น นี่คือโอกาสอันดีเลยจริงๆ

ตอนปุ๋ยไป ปุ๋ยจดวัน เวลา และชื่องานอีเว้นท์ไว้เลย

อย่างที่ Yoyogi Park ถ้าเราไปช่วงซากุระ ก็อาจจะได้เห็นคนญี่ปุ่นไปปูเสื้อชมดอกไม้กันธรรมดา แต่ถ้าเราไปดูว่าเค้าจัดงานอะไรบ้าง ก็จะได้ดูอย่างอื่นเพิ่มด้วย

ชมดอกไม้อย่าได้ลืมพกเบียร์! 🍺🍺

คนที่นี่ดื่มเก่งมาก เดินผ่านร้านไวน์ตอน 3–4 โมงก็เห็นคนไปนั่งก๊งกันละ ยิ่งสถานีชินจูกุยิ่งแล้วใหญ่ เดินจะกลับที่พักตอน 5 ทุ่ม คนยังเฮฮากันอยู่เลย!! คือแบบพี่ไม่หลับไม่นอนกันหรอคะ นี่เพิ่งคืนวันจันทร์นะพี่!! กอดคอเดินเซ ที่พีคคือเดินผ่านผู้หญิงคนนึง หน้าตาน่ารักด้วยนะ ยืนคอตกสัปหงกอยู่ข้างทางคนเดียว!! แล้วนางยืนถือขวดน้ำหลับอ่ะ เดินผ่านแล้วมือก็ตกไปตามแรงหลับแล้วน้ำไหลออกมาจากที่มือ พี่จะกรวดน้ำให้หนูทำไมอ่ะ?!! บางทีก็นึกแปลกใจกับระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ คือมันปลอดภัยขนาดนั้นเลยหรอ แบบที่ผู้หญิงสามารถยืนหลับกันได้เลยเนี่ย

ก่อนไป ปุ๋ยจดไปเลยว่าช่วงเวลาที่อยู่โตเกียวมีงานอีเว้นท์อะไร ที่ไหนบ้าง ง่ายๆเลยค่ะ กดเสิร์ชกูเกิ้ล พิมพ์ tokyo event และก็ช่วงเวลาที่เราจะไป

อย่างช่วงเวลาที่ปุ๋ยไป จะมีงานดนตรีสดท่ามกลางสวนในฤดูใบไม้ผลิ หรือ SpringLove春風 2019 (Spring Love Harukaze) ค่ะ

มีการออกร้าน และมีหลายๆเวทีให้ศิลปินมาร้องเพลง
ด้วยความที่ Yoyogi Park มันใหญ่มากๆๆ เวลาเดินหาสถานที่จัดงานอาจจะยากหน่อย ต้องใช้ความสามารถของอากู๋เพิ่มเติมนิดนึง ว่าจัดโซนไหน ไปผิดโซนจะไม่เจอนะคะ

ระหว่างที่นั่งกินไส้กรอกที่ซื้อมาจากร้านแถวนั้น ก็เห็นซุ้มอาสาสมัครเก็บขยะ อาสาสมัครก็คนที่มาร่วมงานนี่แหละค่ะ ทุกคนจะเดินมาหยิบถุงจากตรงนี้ไปเก็บขยะรอบๆงาน แล้วนำมาแยกประเภท

เห้ย นี่คือสิ่งที่เราควรทำกันในบ้านเราอ่ะ นี่คือเพิ่งเห็นครั้งแรก แล้วบางอ้อเลยว่าทำไมงานอีเว้นท์ญี่ปุ่นถึงได้สะอาดหลังจบงาน เด็กๆยังเดินมาหยิบถุงไปเก็บขยะกันเองแบบไม่ต้องมีคนมาเรียก

อีกสวนสาธารณะนึงใกล้ๆชินจูกุคือ Shinjuku Chuo Park
ชื่องาน Tokyo outside Festival

เป็นงานที่มีออกร้านขายสินค้าเกี่ยวกับการไปตั้งแคมป์ ของที่นี่ขายไม่แพงเลย ใครชอบกิจกรรม outdoor นี่คือแหล่งซื้อของที่ดีมากๆๆๆ กระเป๋าเป้แบ็คแพ็คอย่างถูก อุปกรณ์เดินป่าอย่างดีแถมถูก และยังมีกิจกรรมให้เด็กๆเล่นเพียบ ซึ่งเราว่าดีมากๆเลย เหมือนเป็นการสนับสนุนให้เด็กๆและคนที่นี่ออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน พบปะผู้คนบ้าง

ที่ญี่ปุ่นมีสวนสาธารณะเยอะมากๆ ขนาดในเมืองใหญ่ๆ ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวให้คนได้ใช้ ซึ่งมันดีมากๆ เค้าไม่ได้วางพื้นที่เขียวๆ ให้รู้แค่ว่าเป็นสวนเท่านั้นนะ เค้ายังให้คนมาทำกิจกรรมด้วย ซึ่งมันทำให้พื้นที่”ไม่ตาย” ผู้คนได้รับอากาศบริสุทธิ์มากขึ้น พบปะสังคมภายนอกมากขึ้น มีส่วนร่วมกับเมืองมากขึ้น เป็นประโยชน์ของ “สวนสาธารณะ” ที่ไม่ใช่เป็นเพียงพื้นที่ปลูกต้นไม้เฉยๆเท่านั้น

ย้อนกลับไปที่สถานีชินจูกุอีกรอบ ใกล้ๆสถานีมีร้านขายผลไม้แบบเสียบไม้ด้วยนะคะน้องสาวเรียกร้องลากเรามากิน บอกว่านี่อร่อยมากๆ ติดใจตั้งแต่มาโตเกียวรอบที่แล้ว หวานอร่อยทุกสิ่งอย่าง

ร้าน Rokkasen คือร้านที่ใครๆก็แนะนำมา เค้าบอกว่ามีบุฟเฟ่ต์เนื้ออร่อย แต่เรากินกันคิดว่าคงไม่คุ้มเลยสั่งแบบ A la carte แทน อยากกินไรก็กิน ไม่เอาคุ้มจนพุงแตก (ร้านนี้ต้องจองคิวนะคะ ตอนแรกเราเดินดุ่ยมาเลย เค้าบอกเต็ม ให้จองแล้วมาใหม่)

คนรักเนื้อต้องมา ส่วนตัวเราเฉยๆค่ะ กินก็ได้ ก็อร่อยดี แต่ถ้ามีเวลาจะไปลองของใหม่ก่อน ไม่ได้คิดว่าต้องมากินซ้ำ ฮ่าาา

Omoido Yokocho — Piss Alley

เป็นตรอกเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีชินจูกุ เดินจาก Shinjuku station — West exit แค่ 1 นาทีก็ถึงค่ะ

ตรอกนี้นิยมกันมากๆ ในหมู่ช่างภาพ เราก็ตามรอยมาจากช่างภาพคนนึงใน IG เป็นแหล่งร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างเกินกว่า 60 ร้าน และมีป้ายไฟแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นแน่นๆให้ถ่ายรูปกันสนุกเลย เนื่องจากเป็นย่านกินดื่มของคนญี่ปุ่นค่ะ

ถ้าอยากไปสัมผัสบรรยากาศ ตรอกนี้จะเริ่มเปิดร้านค้าตั้งแต่ 5 โมงเย็น — เที่ยงคืน

เราจะหาตรอกนี้ได้ไม่ยากเลยจริงๆ คือเดินตาม Google Maps นะคะ

พอมาถึงหน้าตรอก เราจะเจอมหาชนช่างภาพที่พยายามจะถ่ายตรงหน้าตรอกนี้ จริงๆ!! ตอนไปถึงหน้าตรอก เราเจอขาตั้งกล้องอยู่เป็นสิบขา แถมช่างภาพยืนจ่อกันอยู่แน่นมากๆค่ะ จนไม่คิดว่าตรอกจะรับไหว เหมือนตรอกจะแตก แค่คนเดินสวนกันก็เบียดกันแล้วอ่ะ พอไปถึงหน้าปากซอยเลยรู้เลยว่าทำไมภาพของช่างกล้องคนนั้นได้ไลค์เยอะมาก เพราะมันถ่ายยากมากกกกก ส่วนผลลัพธ์ที่เราได้มานั้น… 😂🤦🏻‍♀️

รูปหน้าระรื่นนี้คือกดดันมาก คือเรามองมาที่กล้องเรา ในขณะที่มีกล้องอีกเกิน 10 ตัวเล็งมาที่จุดนี้อยู่ โอ๊ยยยย หนูอยากร้องง!!

ถ้าอยากถ่ายรูปตรอกสวยๆ เราไปถามช่างภาพที่ภาพสวยๆของที่นี่ใน IG มาค่ะ เพราะสงสัยว่าทำไมรูปเค้าสวยจังดูไม่มีคน เค้าบอกว่าให้มาถ่ายตอน 6 โมงเช้า (จะได้ภาพร้านปิดแบบเก๋ๆ) หรือซัก 5 ทุ่ม คือมีแสงไฟแต่คนน้อยลงไปมากแล้วนะคะ

เข้าไปข้างในมีความครึกครื้นมากๆ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ชาวญี่ปุ่นเตรียมมาก๊งเต็มที่ และนักท่องเที่ยวอย่างเราๆก็เตรียมมาถ่ายรูปเต็มที่

น่าเสียดายที่ร้านส่วนใหญ่จะรับแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้น หรือคนที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ เนื่องจากเจ้าของร้านพูดอังกฤษไม่ได้ค่ะ (คือเค้าจะปัดมือไล่เราออก ไม่ก็ติดป้ายไว้ข้างหน้าเลย) แถมร้านส่วนใหญ่จะไม่ยอมให้เราถ่ายหน้าร้านเค้าด้วยค่ะ (คงเกะกะการค้าขาย) เราก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเท่าไหร่ค่ะ

ร้านอาหารในตรอกนี้จะเป็นแบบอิซากายะค่ะ อาหารพวก Yakitori หรือปิ้งย่างสำหรับกับแกล้ม เพราะเค้ากินกันไป จิบเบียร์ไป

ร้านที่เราไปกิน คือร้านที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติค่ะ
มื้อนี้คือมื้อที่แพงที่สุดในทริปเลย แล้วจ่ายเงินสดด้วย!! (เค้าไม่รับเครดิตการ์ด) รสชาติอาหารดีเลยค่ะ ทุกอย่างอร่อยหมด ถ้าไม่ติดเรื่องราคา ทั้งหมดนี้ที่เรากินไปคือ 11,000 เยนค่ะ (สำหรับ 3 คน)

เอาจริงๆนะ ถ้าไม่ติดว่าต้องกินที่นี่นะคะ ไปหาที่อื่นกินรองท้องมาก่อนดีกว่า แล้วค่อยมาดูบรรยากาศกับถ่ายรูปที่นี่ ไม่ต้องแวะกินอ่ะ เพราะเรารู้สึกว่าที่นี่เค้าชาร์จราคาอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวแพงมากๆๆๆๆ แต่ถ้าพูดญี่ปุ่นได้ หรือมีคนพูดญี่ปุ่นได้ ก็ลุยยยยย

ถ้าอยากดื่ม จิบๆเอาบรรยากาศ เราแนะนำให้ไป Golden Gai ที่จะแนะนำต่อไปค่ะ

Golden Gai Bar District

เป็นย่านกินดื่มอีกย่านที่หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ แต่บอกเลยว่าใครสายจิบ สายดื่มต้องมา!! ที่นี่ให้คนละฟีลลิ่งกับที่ Omoido Yokocho เลย ตรงตรอกนั้นครึกครื้นมากๆๆๆ ส่วนตรอกตรงนี้จะเงียบๆเป็นสายชิลค่ะ

วิธีการเลือกร้านต้องเสี่ยงดวงเอาหน่อย เพราะเหมือนที่ย่านนี้เค้าจะเอาบ้านเค้ามาทำร้าน บางทีก็มองไม่เห็นบรรยากาศ เห็นแต่หน้าประตูรอให้เราเปิดเข้าไป

ป้ายตกแต่งรอบๆให้ความรู้สึกเรโทรมากๆ

ด้านในของแต่ละร้านเป็นร้านเล็กๆเองค่ะ ร้านที่ปุ๋ยเข้าไปน่าจะรับได้ไม่เกิน 8–10 คน เคยเห็นรูปคนฮ่องกงที่พักอยู่ในห้องเล็กๆปะ อารมณ์นั้นเลย

วันนั้นปุ๋ยนัดเพื่อนมาเจอกัน 2 คน เค้าก็ให้เราไปชั้น 2 ห้องเล็กๆ มีโต๊ะอยู่โต๊ะเดียว พักนึงก็มีกลุ่มฝรั่งเข้ามาอีก 5–6 คนมาแชร์โต๊ะ ห้องแน่นไปเลยจ้าาา แต่ก็ดีนะคะ พอคนแชร์โต๊ะกัน ก็ต้องคุยกันอ่ะ ได้ประสบการณ์คุยกับคนแปลกหน้าดี

สำคัญที่ราคาที่นี่ไม่ชาร์จค่ะ ต่างจากกับย่าน Omoido Yokocho อย่างฟ้ากับเหว คือเตรียมเงินมาเยอะมาก เพราะเมื่อกี้โดนขูดมาเยอะ สุดท้ายก็เอาเงินกลับเหมือนเดิม ว้า!! ไม่ได้ใช้เงินเลอ เสียดายอ่ะะะะ

ร้านที่นี่ส่วนใหญ่เปิดประมาณ 19.00 ไปจนถึงเช้า (ปิดวันอาทิตย์) และนี่ก็เป็นอีกย่านที่อยากแนะนำให้ลองมากันนะคะ

วันนั้นปุ๋ยไปแค่แวบๆเอง แต่ว่าจะไปซ้ำ Golden Gai อีกรอบแน่นอน ดูมีอะไรให้ยังค้นหา แล้วอังคารหน้าจะมาชี้จุดของอร่อยที่ฮาราจูกุกับชิบูย่าค่า

--

--

Puii is always on the sunny side
puiionsunnyside

No matter what life brings to, I discover this world. I fall in love. 🌝💛 l Instagram @PUIIONSUNNYSIDE