[บทสัมภาษณ์ ] เส้นทางจาก Industrial Engineer กว่าจะมาเป็น Tech PO ผ่านอะไรมาบ้าง
แชร์ประสบการณ์ตรงจากการทำงาน Industrial Engineer สู่การทำงาน Product Owner ในบริษัท Tech Startup จากคุณเฮเซลนัท 🧑🏻💻💙 จะเป็นไงบ้างไปอ่านกันเล้ยยย
ชื่อ “เฮเซลนัท” ตอนนี้อยู่ในตำแหน่ง Associate Product Manager หรือ Product Owner (PO) อยู่ที่ Q-CHANG มาประมาณ 1 ปี 💙 🧡
Product Owner (PO) คืออะไร/ความรับผิดชอบต่อบริษัท
Product Owner หรือก็คือที่รู้จักกันในชื่อ PO เป็นตำแหน่งที่ต้องดูแล Product ตั้งแต่เริ่มจนจบ เพื่อพัฒนา Product ให้เติบโต ตอบโจทย์ user และ Partner รวมไปถึงหน้าที่ในการบริหาร Timeline, product roadmap management การจัดลำดับความสำคัญ บริหารความต้องการของทุกฝ่ายให้เป็นไปตาม Timeline และ Business Direction ให้มากที่สุด ซึ่งก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายด้าน
หลักๆ ที่นัทดูแลรับผิดชอบอยู่ก็จะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่ง Buddy Application และฝั่ง Business Account Application 👥
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนสายงานจาก Industrial Engineer สู่ Tech PO
ตั้งแต่ก่อนเลือกเรียนเลยละกัน~~ ด้วยความที่สมัยนั้นสายวิศวะ👷🏻 ถือเป็นตัวเลือกต้นๆ ของใครหลายๆ คนเลยยย เพราะ เป็นสายที่ง่ายต่อการหางาน หรือต่อยอดไปยังสายงานอื่นๆได้ และแน่นอนว่า นัท ก็คือหนึ่งในนั้น นัทเลือกเรียนวิศวะ IE เพราะ ด้วยความที่ IE เป็นสายวิศวะที่กว้าง เราจะได้เรียนรู้ในหลายวิชา หลายๆ เรื่องอย่างละนิดละหน่อย ซึ่งเราชอบการได้เรียนรู้อะไรที่หลากหลายอยู่แล้ว IE จึงเป็นสาขาที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปทางใดทางหนึ่งแบบ โยธา เคมี ฟิกสิกส์
ซึ่งพอเรียนจบมาแล้ว ตอนนั้นนัทไฟแรง มี passion แบบอินกับการทำงานสาย Industrial engineering ม้ากกก อยากใช้ความรู้ที่เราเรียนมาให้ได้มากที่สุด ก็เลยเริ่มต้นในงานสายตรง
ตำแหน่งงานแรก นัทเลือกไปทำในส่วนของ Production Engineer ซึ่งในส่วนของงานนี้ก็จะต้องลงมือลงแรง ลักษณะงานที่จะทำก็เป็น New Model , ตั้ง Line การผลิต รวมไปถึงการออกแบบไลน์การผลิต ถึงจะเหนื่อยมากตอนนั้นแต่ก็สนุกนะ
พอทำได้สัก 1 ปี นัทก็เริ่มมองหางานใหม่ ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ดีนะ แต่นัทอยากลองทำอะไรอื่นๆดูบ้าง”✨(แต่ก็ยังโฟกัสเป็นสายวิศวะเหมือนเดิม)
และถ้าทุกคนคิดว่านัทจะเปลี่ยนมาทำ PO แล้ว คิดผิดคับ5555 ก่อนจะไปถึง PO ต่อจาก ทางเดินแรกที่เล่ามาข้างบน นัทไปลองทำ Quality Engineer (QE) ก่อน
หน้าที่ของ QE คือ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทดลอง เน้นการประสานงานสื่อสารมากขึ้น🗣 ต้องใช้การสื่อสารหนักมาก ทั้งดีลกับฝั่ง Supplier รวมถึงไป Discovery quality issue problem วิเคราะห์ข้อมูล Discovery > Production plan > สุ่มตรวจเช็ค > Make decision from current resource / timeline > Scope problem ====> Find Root cause
ทำไปได้ปีกว่าๆ ก็มาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ 5555 ด้วยความที่ปัจจุบันงานสาย Tech เริ่มมาแรง รายได้ค่อนข้างที่จะสูง และสามารถต่อยอดไปได้ไกล นัทเริ่มมองว่าอยากเอาตัวเองไปอยู่ในสายงาน Tech แต่ก็ยังไม่รู้หรอกนะ ว่าจะทำอะไรดี
ด้วยความที่มีเพื่อน คนรู้จักทำงานในสายนี้อยู่บ้าง ทั้ง QA , PO ทำให้นัทได้พูดคุยปรึกษาและได้เหตุผลว่า QA เป็นงานที่น่าสนใจนะ แต่จำนวนคนในตลาด ก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีคนทำงานในตำแหน่งนี้เยอะมากเหมือนกัน ซึ่งเรามองว่า การที่เราจบไม่ตรงสาย Tech และเข้าไปสู่วงการนี้ด้วยตำแหน่ง QA นั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยากเนื่องจากคู่แข่งเยอะ
แต่ว่าา PO คือเป็นสายงานที่ในตลาด Tech ตอนนั้นยังไม่เยอะมาก (ก็หลายปีแล้วนะ555) ซึ่ง PO ไม่จำเป็นต้องจบเฉพาะทาง หรือต้องใช้สกิล coding มาก ก็สามารถเริ่มเข้าสู่วงการนี้ได้ และยังเป็นตำแหน่งที่ตลาดกำลังต้องการ นัทมองเห็นโอกาส💡 ที่จะเข้าไปทำงานในสายนี้ เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ นามสกุล นัท PO เลยทีเดียว
นิสัยของนัท VS ตำแหน่ง PO ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ?
“นิสัยส่วนตัวของนัทเลยคือ ชอบความสนุก ชอบอะไรใหม่ๆ ชอบการลงมือทำ “
เนื่องจาก PO เป็นงานที่ต้องสื่อสาร พูดคุยกับหลายทีม (Dev , PM , BA ไปจนถึง Operation เช่น Admin) แต่ละทีมก็มีสไตล์การพูดคุยและการทำงานที่แตกต่างกันไปจนถึงหลายครั้งต้องสื่อสารกับผู้บริหาร partner หรือ stakeholder หลายฝ่าย สิ่งสำคัญของการเป็น PO คือ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ใน Product ที่ได้รับมอบหมาย ตีโจทย์ Requirement ให้แตก แก้ pain ของ user , ตอบโจทย์ Business โดยพิจารณาร่วมกับ Timeline และ Resource 🧑🏻💻
นัทมองว่านัทเป็นคนชอบพูดคุยกับคน และเป็นคนที่มีความประณีประณอม แต่ไม่ปล่อยผ่าน เก็บรายละเอียด ช่างสังเกต เป็นคนที่ไม่ได้มองอะไรด้านเดียว จะตัดสินใจอะไรต้องอาศัยข้อมูลหลายด้านมาอ้างอิง ไม่ใช่แค่ข้อมูลดิบอย่างเดียว ต้องดูหน้างาน และพิจารณาร่วมกับสถานการณ์ Timeline , Business impact รวมถึง user need ด้วย
Challenge ตอนนี้ในตำแหน่ง PO
การที่เราพึ่งเริ่มเข้าสู่สายงาน PO ได้ไม่นาน ต้องถือว่าตอนนี้เรายังอยู่ใน Junior lv. ซึ่งคิวช่างเปิดโอกาสให้นัทที่เป็น Junior ได้มีโอกาสถือโปรเจคที่ใหญ่และ Business impact และตอนนี้นัทมีอยู่ 2 โปรเจคเลย🤩 แน่นอนว่ามันมีความสำคัญกับ core business Q-CHANG มากๆ คือ Buddy App เป็นแอปพลิเคชันสำหรับ ช่างที่สนใจรับงานผ่านแพลตฟอร์มคิวช่าง สามารถจัดตารางงานเองได้ รวมไปถึงดูรายละเอียดการรับเงิน/รายได้ และ Business Account App เป็น website สำหรับให้ B2B Partner 🤝 สามารถเข้าช่วยงาน user ของ Sales หน้าร้านหรือ Sales ของ Partner
คนแบบไหนนะ ที่จะเหมาะกับการเป็น Tech PO ?
นัทคิดว่า สิ่งที่ PO ต้องเป็นคนที่อินกับ Business Product มากๆ 🧑🏻💻 ชอบศึกษากลยุทธ์ คู่แข่ง มองหาเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอด เพื่อนำมาปรับใช้ พัฒนา ฟีเจอร์ในตัว Product และต้องเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ พร้อมลุยในทุกๆเรื่อง ชอบการเดินทางเพราะเราจะต้องเดินทางไปพูดคุยลงพื้นที่กับ Partner อยู่ตลอด🚗
ชอบอะไรใน Q-CHANG และ อยากให้ชวนคนที่สนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Q-CHANG
นัทชอบ Culture การทำงานที่ให้โอกาสความเป็นอิสระและความ Flexible ในทุกๆด้าน เราสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ แค่เราต้องจัดการเวลาของตนเอง และทำให้หัวหน้าและเพื่อนเห็น Performance รวมไปถึง Output ของเราอีก
นอกจากนี้เรายังสามารถแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามได้อย่างเต็นที่ ทุกคนพร้อมที่จะรับฟังและปรับไปด้วยกัน ที่สำคัญเลยคือ Q-CHANG กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เรามี Product ที่หลากหลาย ทั้งเว็บลูกค้า แอปลูกค้า แอปช่าง เว็บ Partner และอื่นๆอีกมากมาย เราเห็นช่องทางที่จะให้เราหาความรู้ได้ ลองทำได้ เราสามารถทำในสิ่งที่เราอยากทำได้ทุกอย่างถ้าเรามีเหตุผลที่จะไปคุยกับหัวหน้า ทำให้เราสนุกกับการทำงานและไม่เบื่อ
นัทคิดว่าบริษัท Q-CHANG ที่เป็นบริษัท Tech Startup เหมาะกับวัยรุ่นยุคนี้ ที่ชอบความชาเลนจ์ ชอบความสนุก เป็นงานที่ต้องการคนรุ่นใหม่มาช่วยกันคิด ออกความเห็นและพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและbusiness เพื่อนคนไหนๆที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่อยากทำอะไรที่สนุกและชาเลนจ์ นัทคิดว่างานที่คิวช่างตอบโจทย์มากๆเลย
ถ้าใครอ่านจบแล้ว สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในทีม Product Owner
สามารถดูตำแหน่ง และรายละเอียดการเปิดรับสมัครที่นี่ได้เลย 💙
