Free Diving กับ Scuba Diving แบบไหนเหมาะกับใคร?

Gritin Prapaiwan
Q-CHANG
Published in
3 min readJan 25, 2023

หนึ่งในเทรนที่ได้รับความนิยมในช่วง 1-2 ปี มานี้ คงหนีไม่พ้นการดำน้ำ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้จักและคุ้นเคยการดำน้ำแบบ Snorkeling กันบ้างแล้ว ซึ่งก็คือ การใส่แว่นตาดำน้ำ และคาบท่อเพื่อหายใจ ใส่ชูชีพนอนคว่ำ ตีขาดูปลาไปเรื่อย แต่ปลา ปะการัง และสิ่งต่างๆ ใต้น้ำมันช่างห่างไกลจากตัวเราเหลือเกิน อยากจะอัพเลเวล ลงไปลึกมากขึ้น เพื่อใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ก็คงเริ่มมองหาว่ามีวิธีไหนบ้างนะ ? หลายๆ ท่านก็คงจะพบว่า มีสิ่งที่เรียกว่า การดำน้ำแบบ Free Diving และ Scuba Diving แต่ว่าทั้ง 2 อย่างนี้ มันต่างกันยังไง แบบไหนเหมาะสมกับใครบ้าง วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังกัน

Free Diving

ผมขอเริ่มจาก Free Diving กันก่อนเลยนะครับ Free Diving เนี่ย ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วล่ะ ว่าเป็นการดำน้ำที่อิสระ คือ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมายเลยเพียงแค่ แว่นตาดำน้ำ กับ ฟิน ก็เพียงพอแล้วล่ะ อ๊ะๆ พออ่านมาถึงตรงนี้ บางคนคงมีคำถามว่า เห้ย มันต้องไม่ต้องมีฟินก็ได้ ต้องบอกอย่างงี้ครับ บางคนที่เก่งๆ เค้าก็ no fin กันแหละ แต่ในทะเลคงไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงตีขาเปล่าสู้กับคลื่น เอาเป็นว่าปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเนอะ การดำน้ำแบบ Free Diving นั้นต้องอาศัยการฝึกฝนเฉกเช่นเดียวกับกีฬา ยิ่งฝึกบ่อยดำบ่อยยิ่งเก่ง เพราะเราต้องกลั้นหายใจ 1 ลม เพื่อลงไปอยู่ใต้น้ำ ดังนั้นการเรียนและฝึกฝนจนชำนาญเป็นสิ่งจำเป็น โดยหลักสูตรสอนดำน้ำมีของหลายเจ้าด้วยกัน เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจผมจะขออ้างอิงจากหลักสูตรของ SSI นะครับโดยระดับของการเรียนของ SSI นั้น จะถูกแบ่งดังนี้ (ขอยังไม่พูดไปถึงในส่วนของ Instructor นะครับ)

1. Free Diving Level 1 เป็นระดับเริ่มต้นจะต้องฝึกฝนสกิลพื้นฐานทั้งหมดของการดำน้ำทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เช่น การกลั้นหายใจ การมุดน้ำ การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน การเคลียหู โดยในระดับนี้นักดำน้ำจะถูกจำกัดความลึกที่ 10–20 เมตร พูดง่ายๆ ว่า การที่เราจะสอบผ่านระดับนี้ได้ เราจำเป็นจะต้องดำน้ำได้ขั้นต่ำที่ 10 เมตรครับ เงื่อนไขการสอบอื่นๆขอยังไม่พูดถึงนะครับ เดี๋ยวเนื้อหาจะยาวเกินไป

2. Free Diving Level 2 เป็นระดับที่จำเป็นต้องจบ Free Diving Level 1 ก่อน เป็นการเรียนเพื่ออัพเกรดตัวเองให้ดำน้ำได้นานขึ้น ลึกขึ้น โดยในระดับนี้นักดำน้ำจะถูกจำกัดความลึกที่ 20–30 เมตรครับ เป็นระดับสำหรับผู้ที่รู้สึกว่า Free Diving Level 1 มันยังลึกไม่พอ ยังอยากปลดล็อค เพื่อไปผจญภัยใต้น้ำได้มากขึ้น

3. Free Diving Level 3 เป็นระดับ Advance ที่สุดสำหรับนักดำน้ำที่ยังไม่ใช่ Instructor ระดับนี้จะต้องกลั้นหายใจได้มากกว่า 4 นาที และดำน้ำที่ความลึกเกินกว่า 30 เมตร เป็นระดับที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง

ทั้งนี้ไม่ว่าจะจบหลักสูตรระดับใดก็ตาม ยังคงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยในการดำน้ำ สิ่งต่อมาที่จำเป็นสำหรับการดำน้ำก็คือ อุปกรณ์ แว่นตาดำน้ำสำหรับ Free Diving เราสามารถใช้แว่นตาดำน้ำแบบไหนก็ได้ครับ แล้วแต่สรีระรูปหน้า และงบประมาณได้เลย บางคนอาจจะใช้แค่แว่นตาว่ายน้ำปกติ แล้วหนีบ Nose Clip ก็ได้ครับ ในส่วนของฟิน ฟินมี 3 ประเภท โมโนฟิน ฟินสั้น และ ฟินยาว ในบล็อคนี้จะขอพูดถึงแค่ ฟินสั้น และ ฟินยาว เนื่องจากเป็นที่นิยมใช้ในการดำน้ำ แต่การดำน้ำแบบ Free diving จะนิยมใช้ฟินยาวกัน เนื่องจากให้แรงส่งที่ดี และไม่ต้องตีขาถี่ ฟินยาวประกอบ 2 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือ foot และ ใบฟิน ในส่วนของ foot ก็เลือกเหมือนเราเลือกรองเท้านั่นแหละครับ ให้ใส่สบาย กระชับเท้า ต้องไม่หลวมและไม่แน่นเกินไปนะ ต้องคิดเผื่อเวลาลงน้ำด้วยนะครับ ความยากของการเลือกฟินคือ ใบฟินนี่แหละครับ มีมากมายหลายหลาก ตั้งแต่หลักพัน จนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว ถ้าให้อธิบายแบบง่ายๆ ก็คือ ยิ่งเบา ยิ่งแพง ยิ่งแรงดีดมาก ยิ่งเร็ว และประหยัดแรง ส่วนของฟินสั้นจะเป็นก้อนเดียวกันทั้ง foot และใบฟิน วิธีการเลือกนั้นใช้หลักการเดียวกันกับการเลือกฟินยาวเลยครับ แต่อย่างไรก็ตามผมแนะนำให้ไปลองที่ร้านครับ ร้านใหญ่ๆหลายๆร้านจะมีสระให้ลองฟินก่อนซื้อได้เลยนะ

Scuba Diving

การดำน้ำแบบ Scuba Diving เป็นการดำน้ำโดยใช้อุปกรณ์ในการช่วยเหลือ ทั้งการลอยตัว การจม การหายใจ การฝึกฝนจะเน้นไปที่การใช้อุปกรณ์ การควบคุมจิตใจ และร่างกายของตัวเองขณะดำน้ำ โดยการดำน้ำแบบ Scuba จะถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ และมีคอร์สเพิ่มเติมมากมาย เรียกว่าเป็นการดำน้ำที่เป็นได้ทั้งการดำน้ำแบบสันทนาการ ไปจนถึงการดำน้ำแบบการกู้ภัยเลยล่ะครับ และอย่างที่บอกไปว่าเป็นการดำน้ำโดยใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือ ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดำน้ำแต่ละ Dive จะสูงกว่ากว่าการดำน้ำแบบ Free Diving อย่างมากเลยล่ะ แต่ก็สนุกกันคนละแบบนะครับ ยังไม่อยากให้ตัดสินจนกว่าจะได้ลองเองครับ 555 และเช่นเดียวกันกับ Free Diving ผมจะขออ้างอิงหลักสูตรจาก SSI นะครับ โดยระดับของการเรียนนั้น จะถูกแบ่งดังนี้

เยอะจนตาลายเลยใช่มั้ยล่ะครับ 555 เอาเป็นว่าผมจะอธิบายสำหรับการดำน้ำเชิงสันทนาการนะครับ ในการดำน้ำเชิงสันทนาการ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับ

  1. Open Water เป็นระดับเริ่มต้น โดยในระดับนี้ จะถูกสอนเกี่ยวกับพื้นฐานต่างๆที่จำเป็นต้องรู้ การใช้อุปกรณ์ การสื่อสารใต้น้ำ และเทคนิคต่างๆ หลังจากเรียนจบระดับนี้จะสามารถดำน้ำได้ไม่เกิน 18 เมตร เป็นระดับที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ค่อนข้างจริงจังซักหน่อย แต่ก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วมีระดับที่ราคาถูกกว่านี้ ชื่อว่า Try Scuba Diving เป็นคอร์สสำหรับทดลองจริงๆ แต่การจะไปต่อในระดับต่อไป ยังไงก็จำเป็นที่จะต้องเรียนคอร์ส Open Water ก่อน ดังนั้นผมจึงแนะนำให้เรียน Open Water ไปเลยครับ
  2. Advance Adventure เป็นระดับที่จำเป็นจะต้องผ่าน Open water มาก่อน โดยในระดับนี้จะเน้นไปที่การดำน้ำให้ลึกมากขึ้น และการจัดการผลกระทบที่ตามมาจากการดำน้ำลึกเกิน 18 เมตร ในระดับนี้นักดำน้ำจะสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 30 เมตร และการจะจบหลักสูตรนี้ได้ จำเป็นจะต้องเรียน Specialty Program 2 อย่าง โดยจะแล้วแต่ว่าโรงเรียนที่สอนนั้นจะจัดโปรแกรมให้อย่างไร
  3. Master Diver เป็นระดับที่จะเรียกว่าสันทนาการได้หรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับจุดประสงค์การเรียนของแต่ละคนแล้วล่ะครับ เพราะในระดับนี้นั้นจะเรียนเกี่ยวกับ การนำทาง การเป็น Dive Leader การจัดการปัญหาต่างๆ และจะต้องมีจำนวน Dives ถึง 50 dives และต้องมี Specialty Program ถึง 5 อย่างด้วยกัน อ่านมาถึงตรงนี้ก็คนมีคน เอ๊ะ ขึ้นมาบ้างแหละ ว่ามันสันทนาการตรงไหน ? อย่างที่บอกไปข้างต้นครับว่า ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแต่ละคนเลย บางคนแค่อาจจะเรียนไปเพื่อเวลาไปดำน้ำกับเพื่อนๆ ไม่ต้องจ้าง Dive Leader นำทาง ไปกันเองแบบ Super Private Group อะไรแบบนั้น ส่วนบางคนที่จริงจังก็จะเรียนไปเพื่อเป็นอาชีพ ไกด์พาเที่ยว หรือ เรียนไปเพื่อต่อยอดไปเรียนต่อ Instructor ครับ

หลายๆคนคงสงสัยว่าแล้วไอ่สิ่งที่เรียกว่า Specialty Program มันคืออะไร อธิบายง่ายๆ มันคือ ออฟชั่นเสริมเหมือน วิชาเลือกในมหาวิทยาลัยนั่นแหละครับ สนใจโปรแกรมไหน ก็ไปลงเรียนโปรแกรมนั้น อย่างเช่น อยากดำน้ำลึกกว่า 30 เมตร ก็ไปลงเรียน Deep Dive เพื่อลงไปถึง 40 เมตร สนใจถ่ายภาพใต้น้ำ ก็ไปลงเรียน Photo & Video เพิ่มเติม อยากดำซากเรือ ก็ไปลงเรียน Wreck Diving เป็นต้น หากสนใจอยากทราบว่ามีโปรแกรมอะไรที่น่าสนใจบ้าง สามารถดูในรูปที่ผมแปะเอาไว้ด้านบนได้เลยครับ

มาถึงตรงนี้คิดว่าผู้อ่านคงจะพอเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการดำน้ำแบบ Free Diving และ Scuba Diving พอสมควร และพอจะเลือกได้ว่าการดำน้ำแบบใดที่เหมาะกับตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม การไปลองด้วยตัวเอง จะได้คำตอบชัดเจนที่สุดครับ สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอฝากถึง ผู้ที่สนใจ และนักดำน้ำทุกๆท่าน ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำแบบ Free Diving หรือ Scuba Diving สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความปลอดภัย ดังนั้น ควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด และควรมีสติตลอดเวลา เมื่อรักษาตัวเองแล้ว ก็โปรดช่วยกันรักษาธรรมชาติ ไม่ทิ้งขยะลงทะเล และไม่เหยียบปะการัง ขอบคุณครับ

--

--