จุดดูดไขมันยอดฮิต ที่คนไทยชอบกัน
5 จุดที่นิยมดูดไขมัน และสาวไทยกังวลเป็นพิเศษในปีที่ผ่านมา มีดังนี้
- ดูดไขมันต้นแขน
- ดูดไขมันเอว
- ดูดไขมันหน้าท้อง
- ดูดไขมันขา
- ดูดไขมันสะโพก
ถึงการดูดไขมันจะใช้ลดไขมันทุกส่วนได้ตาม แต่ดูดไขมันไม่ใช่เพื่อการลดน้ำหนัก จึงต้องดูดอย่างเหมาะสม คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ แล้วควรจะกระชับผิวหลังทำเสร็จเพื่อให้ออกมาสวย
การดูดไขมันแบบ Vaser ต่างจาก Bodytite โดยเวเซอร์มีจุดแข็งเรื่องปริมาณที่ดูดออกมาโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ แต่มีความเสี่ยงเกิดความร้อนสะสม เจ็บง่ายแม้จะใช้ยาสลบ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มภายหลัง) ส่วนการดูดไขมันแบบอื่นๆ ส่วนใหญ่มีโอกาสเกิดคลื่นที่ผิวได้ง่ายกว่าบอดี้ไทท์ที่กระชับผิวทันทีหลังทำเสร็จ เจ็บน้อย ใช้ยาชาก็พอ ใช้คลื่นความถี่วิทยุชนิดไบโพลาร์ที่ปลอดภัยกับเซลล์เนื้อเยื่อกว่าหลายวิธี
การดูดไขมันแบบ Vaser (Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance, เวเซอร์) เป็นวิธีดูดไขมันที่ใช้คลื่นอัลตราซาวน์ (Ultrasound wave) ในการสลายไขมันให้อ่อนตัวลง แตกสลายตัวได้ง่าย เอื้อต่อการดูดออกจากใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผิวหนังไม่มีรอยขรุขระ รอยแผลเล็ก มองเห็นได้ยาก
การดูดไขมันแบบ Bodytite (บอดี้ไทท์) เป็นเทคโนโลยีใหม่ของการดูดไขมัน วิธีนี้เป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุชนิดไบโพลาร์ (Bipolar RF) ที่ทำให้เกิดความร้อน ส่งผลให้ไขมันสลายตัวเป็นน้ำมัน ที่ด้ามจับมีเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นตัวช่วยควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปจนทำลายเนื้อเยื่ออื่นๆ
บางคนเลยใช้ร่วมกัน แต่อาจไม่เหมาะ เพราะทั้งคู่ต่างทำให้สร้างความร้อนกับเนื้อเยื่อผิวหนัง หากไม่มีประสบการณ์และควบคุมดีๆ ก็ร้อนสะสมในชั้นผิวมากเกินไป จนทำให้ผิวไหม้ได้
ถึงเครื่องเวเซอร์จะเก่ากว่าบอดี้ไทท์ แต่ก็มีการพัฒนามาหลายรุ่นให้ใช้งานได้ดีขึ้น และคนที่ผ่านการดูดไขมันด้วยเครื่อง เวเซอร์ อย่างเดียว ผลลัพธ์หลังทำสวยๆ ก็เยอะ ดังนั้น จะว่าอันไหนดีกว่านั้น คงไม่ได้ขึ้นกับเครื่องมืออย่างเดียว น่าจะมีปัจจัยเรื่องประสบการณ์และฝีมือแพทย์ที่ทำเป็นหลัก