5 ความเสี่ยงเผชิญโรคร้าย จากชานมไข่มุก
เวลาพูดเรื่อง “ชานมไข่มุก กับ โรคอ้วน เบาหวานประเภท 2 ฯลฯ” เชื่อว่าหลายคนมองผ่านทันที ก็ของยอดฮิตอันดับ 1 ในไทยที่ใครๆ ก็สั่งมาดื่มกัน แถมเรื่องกินหวานก็อยู่คู่กับคนไทยมานาน คุมได้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล จะเตือนไปทำไม ? แต่ชานมไข่มุกมีความเสี่ยงมากกว่าของหวานทั่วไป ทำให้หลายคนประมาท จึงเป็นเหตุผลที่แพทย์และสื่อต่างออกมาเตือนกันให้บริโภคกันอย่างพอดี ด้วยการพูดถึงโรคภัยที่พบได้จากชานมไข่มุก
ชานมไข่มุกของยอดนิยมในหลายประเทศ
ชานมไข่มุก (Bubble Tea, Pearl Tea, Boba Tea) เป็นที่นิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง มีแนวโน้มจะมากขึ้นในช่วงหลังปี 2020 และคงเป็นเทรนด์ที่อยู่คู่คนไทยไปอีกนาน ด้วยรสชาติที่ถูกปากคนไทย ร้านค้ามากมายที่มีสูตรเด็ด สั่งรถมาส่งได้ แล้วยังมีหลายรสชาติให้ลิ้มลองแทบไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีการเตือนกันอย่างแพร่หลาย ทั้งสื่อและแพทย์ในต่างประเทศ เพราะอัตราการบริโภคชานมไข่มุกที่สูงจนระดับมากเกินปกติ ยิ่งอัตราที่โตเร็วแบบไทย มีความเสี่ยงที่จะกินกันแบบขาดสติจนเกิดโรคอ้วนได้ง่าย
น้ำตาลที่ซ่อนในชานมไข่มุก
ปริมาณแคลอรี่ ถือว่าค่อนข้างน่ากลัวอยู่ เพราะมากพอๆ กับข้าวหนึ่งจาน พอทานคู่กับข้าวหนึ่งมื้อ ก็เหมือนเบิ้ลข้าว 2 จานเต็มๆ บางคนกิน 3 เวลา ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ทำให้โรคอ้วนถามหา
แต่แคลอรี่ยังเป็นเรื่องเล็กมาก โรคอ้วนยังพอมีเวลารักษาให้หายได้ สิ่งหนึ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือ ความหวานของชานมไข่มุก
ในชานมและไข่มุก มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่สูงกว่าเครื่องดื่มทั่วไปมาก โดยที่ผู้ดื่มไม่รู้ตัว เพราะน้ำตาลส่วนหนึ่งมาในรูปของไข่มุก ทำให้กินหวานเพิ่มโดยร่างกายไม่รู้สึกว่ามีปริมาณน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งมีอันตรายต่อร่างกายในภายหลัง
ไข่มุกหรือส่วนผสมอื่นๆ ที่เคี้ยวหนึบๆ มาจากแป้งที่ปั้นเป็นก้อน สามารถสลายเป็นน้ำตาลได้เมื่อเข้าร่างกาย แต่คนที่ดื่มส่วนใหญ่รีบกลืนลงคอจึงไม่ได้สัมผัสลิ้นมากนัก อีกทั้งความหวานของชานม ทำให้ไม่รู้สึกว่าไข่มุกหวาน ร่างกายจึงรับความหวานเข้าไปแบบเต็มๆ บางคนดื่มต่ออีกแก้วได้สบายๆ ต่างจากการดื่มน้ำหวานในระดับน้ำตาลเท่ากัน
มีการทดสอบจากงานวิจัยถึงปริมาณน้ำตาลในชานมไข่มุกมากแค่ไหน พบว่าในแก้วขนาด 500 มิลลิลิตร หรือ ครึ่งลิตร อาจมีปริมาณน้ำตาลสูงถึง 102.5 กรัม เทียบได้กับน้ำตาล 20.5 ช้อนชา หรือ 2 เท่าของน้ำอัดลมในปริมาณที่เท่ากัน
ปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภคน้ำตาลในแต่ละวัน คือ ประมาณ 6 ถึง 9 ช้อนชา หรือ 25 ถึง 36 กรัมต่อวัน ซึ่งเกินนิดหน่อยอาจพอรับได้ แต่ถ้ามากเกินไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ
แค่ดื่มชานมไข่มุกแก้วเดียว ก็พลังงานเหลือเฟือ แถมเพิ่มโอกาสติดหวาน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวานประเภทสอง และอื่นๆ
สงสัยว่าติดหวานหรือไม่ ? ถ้าลองหยุดดื่มชานมไข่มุกสัก 1–2 วัน หรือเป็นสัปดาห์ ถ้าเกิดความอยากของหวานทนแทน แสดงว่าคุณกำลังเสพติดน้ำตาลอยู่ มีแนวโน้มเจอโรคอ้วน หรือ เบาหวานในภายหลัง
โรคต่างๆ จากการติดหวาน
ติดชานมไข่มุก อาจเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องไม่เล็ก คือ การติดหวาน ที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของโรคต่างๆ
- โรคเบาหวาน
- โรคอ้วน
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคมะเร็งบางประเภท
เซลล์มะเร็งชอบน้ำตาลเป็นพิเศษ ซึ่งสะสมน้ำตาลไปใช้ในการพัฒนาเซลล์ให้ลุกลามเร็วขึ้น การลดหวานจะช่วยลดโอกาสโรคมะเร็งไปบ้าง (แต่ความหวานไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่ทำให้เกิดมะเร็ง)
ชานมไข่มุกเพื่อสุขภาพ
ปัจจุบันการสั่งแบบ “หวานน้อย” อาจช่วยลดปริมาณน้ำตาลได้บ้าง แต่ไม่ชัดเจนนัก เพราะแต่ละร้านเข้าใจคำว่าหวานน้อยต่างกันไป แบบจืดเลย ลูกค้าก็ไม่ชอบ ทำให้ยังต้องมีความหวานระดับหนึ่ง
ในต่างประเทศเริ่มมีชานมเพื่อสุขภาพมากขึ้น อย่างลดพลังงานลง 80% และลดหวานลง เอาใจคนชอบดื่มชานมไข่มุกเป็นชีวิตจิตใจ จนเลิกไม่ได้ ซึ่งในไทยน่าจะเห็นร้านชานมไข่มุกเพื่อสุขภาพมากขึ้นในปี 2020 น่าจะช่วยคนที่ติดชานมไข่มุกได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม การไม่ติดหวานเลยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคอ้วนแบบหยุดทานหวานไม่ได้ จนต้อง ผ่าตัดกระเพาะแก้โรคอ้วน เพื่อยับยั้งความอยากกันในภายหลัง
บทความที่เกี่ยวข้อง