A Woman Who Loves Coding
ช่วงนี้ที่ Refinitiv มีน้องๆ New joiner เข้ามาทำงานที่บริษัทเยอะมาก เราได้ยินคำร่ำลือจาก Development Manager ทีม Eikon ว่ามีน้องคนนึงแนวคิดดีมาก และมาสาย coding เลย ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าผู้หญิงที่ชอบ coding นั้นหายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร เราจึงอยากนำบทสัมภาษณ์ของน้องมาแบ่งปันให้ทุกคนได้อ่านกัน
ช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
“สวัสดีค่ะ ชื่อนัปนะคะ ตอนนี้ทำงานเป็น software engineer อยู่ที่ Refinitiv หน้าที่หลักๆ ก็จะดูแลพัฒนาในส่วนของโปรดักส์หลักที่ชื่อ Eikon ร่วมกันกับทีมค่ะ”
ทำไมถึงชอบเทคโนโลยีและ coding
“คือตั้งแต่ตอนเด็กๆชอบเล่นของเล่นที่เป็นตัวต่อหรือพวกโมเดลที่ต้องประกอบโน้นนี้เข้าด้วยกัน อย่างเลโก้นี้ชอบมาก ทีนี้พอเริ่มโตขึ้นได้ลองมาศึกษาในเรื่องการเขียนโปรแกรม เรากลับมองว่ามันคล้ายกัน ในด้านที่เราได้คิดสร้างสรรค์ สร้างชิ้นงานนึงขึ้นมาจากการนำหลายๆส่วนมาต่อเข้าด้วยกัน เช่น การทำโปรแกรมสักโปรแกรมนึง มันต้องประกอบทั้ง UI, backend และ database เหมือนได้เล่นแล้วก็ทำงานในเวลาเดียวกันเราเลยชอบ แล้วพอเอาความคิดสร้างสรรค์ของเรามารวมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ มันทำให้ผลงานของเราดียิ่งขึ้น มีความสามารถมากขึ้น เหมือนต่อหุ่นยนต์ที่พัฒนาไปอีกขั้น แล้วเราสามารถคิดผลงานออกมาได้เรื่อยๆเลย เพราะยังไงเทคโนโลยีมันพัฒนาไปไม่มีหยุด มีแต่ดีขึ้นแล้วก็สะดวกมากขึ้น”
คิดว่าอะไรที่เป็นความท้าทายสำหรับการทำงานในสายนี้
“สำหรับนัปคิดว่า ความไม่รู้เป็นความท้าทายในการทำงานสายนี้ มันทำให้เราต้องศึกษาค้นคว้าอยู่เรื่อยๆ ต้องเรียนรู้ ลองเล่น ลองศึกษาหลายๆอย่าง ถ้าเราจะทำเว็บ ตอนแรกเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเลือกเทคโนโลยีไหนให้เหมาะสมกับงานเราที่สุด ในตลาดอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆถึง 2–3 อย่างให้เรานำมาใช้ แต่กว่าเราจะนำมาใช้จริง เราก็ต้องศึกษา ลองทำตัวอย่าง จนเรารู้ถึงจุดเด่น จุดด้อยในแต่ละตัว แล้วถึงเอาผลตรงนั้นแหละมาเปรียบเทียบกันเพื่อตัดสินใจ ถึงจะลงมือทำชิ้นงานออกมา ซึ่งก็มีเหมือนกันที่ศึกษาแล้วไม่ได้ใช้กับโปรเจคที่ตั้งใจไว้ แต่ก็เก็บเป็นความรู้ไว้นะ เผื่อได้เอาไปใช้กับโปรเจคอื่นแทน”
ทำไมถึงเลือกทำงานที่ Refinitiv
“คือถ้าพูดถึงบริษัทไอทีระดับ Top 5 ของโลกที่เป็นบริษัทชั้นนำในเรื่องโครงสร้างองค์กร เทคโนโลยี คนที่ทำงานไอทีน้อยคนมากที่จะไม่รู้จัก Refinitiv หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิม คือ Thomson Reuters ที่หลายๆคนอยากร่วมงานด้วย นัปก็เป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นโอกาสที่เราจะได้ทำงานกับบริษัทที่ขนาดใหญ่ระดับ worldwide ได้มีส่วนร่วมกับโปรเจคที่คนใช้งานทั่วโลก ซึ่งแปลว่าการจัดการหรือการทำงานของที่นี่ต้องดีในระดับนึง ไม่งั้นคงไม่มีผู้ใช้งานเยอะขนาดนี้ แล้วด้วยความที่เป็นบริษัทไอทีลำดับต้นๆ ในเรื่องของเครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆก็มีให้เล่นเยอะ เหมือนเรามีห้องของเล่นใหญ่ๆที่ของเล่นหลากหลาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณพี่ตาลหัวหน้างานและพี่ๆ HR ด้วยค่ะที่ให้โอกาสนัปเป็นส่วนหนึ่งของ Refinitiv”
หลังจากทำงานมาสามเดือนแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
“รู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่ๆน้องๆทุกคนที่นี่ คือตอนแรกก็กลัวมีการไปเตรียมตัวมา หาข้อมูลของบริษัท อ่านจากกระทู้พันทิป อ่านจากบล็อกบ้าง ได้ยินเรื่องการเมืองภายในองค์กร เรื่องสังคมการทำงาน แต่พอมาเริ่มทำงานจริง มันไม่เหมือนกับที่อ่านมาเลย ไม่มีเรื่องการเมืองภายใน พี่ๆเพื่อนๆที่ร่วมงานกันใจดีมาก เป็นกันเอง คือไม่ว่าเราจะคิดหรืออยากจะมีอะไรเสนอ เราสามารถพูดตรงๆกับทุกๆคนได้เลย ที่นี้เปิดกว้างเรื่องความคิดและการแสดงความคิดเห็นมาก ไม่มีถูกไม่มีผิด ไม่มีการตัดสินกันไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเล็กกว่าหรือใหญ่กว่า ถ้ามีไอเดียดีและเหตุผลสนับสนุนเสนอได้ตลอดเวลา
ส่วนเวลาพักเพื่อนๆก็จะชวนกันเล่นบอร์ดเกมส์เพราะที่นี่จะมีส่วนกลางให้ทำกิจกรรมได้ ตีปิงปองก็มีโต๊ะให้ มีพี่ๆชมรมบาริสต้านั่งดริปกาแฟตอนกลางวัน หรือถ้าง่วงที่นี้ก็มีโซนให้นอนพักได้ คือบริษัทดูแลพนักงานดีมาก ถ้าวันไหนรู้สึกไม่สบายให้ไปห้องพยาบาล จะมีพี่พยาบาลใจดีที่อยู่ทุกวันมาคอยดูแลเรา หรือถ้าเราเป็นคนชอบออกกำลังกายบริษัทก็จะดูแลค่าใช้จ่ายในการออกกำลังกายให้พนักงานทุกคน แล้วที่ชอบที่สุด คือเครื่องมือในการทำงานและเทคโนโลยี แบบอะไรใหม่อะไรดัง ที่บริษัทจะจัด license มาให้พนักงานได้ลองเล่นกันทุกคน เช่น Big data, AI, IoT และอีกหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับงานที่ทำ ถ้าพนักงานอยากศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองก็ไปลองศึกษาได้ และถ้าใครอยากแชร์ knowledge ให้เพื่อนๆ ก็จะมี section ที่เค้าจัดขึ้นให้ตรงโซนกิจกรรมให้เพื่อนๆที่สนใจมาฟังได้ คือประทับใจมากเพราะพนักงานเกือบ 500 คนแต่บริษัทดูแลพนักงานทุกคนได้ดีและทั่วถึง”
สุดท้ายแล้วน้องมีความเห็นอย่างไรกับ “Balance for better” ซึ่งเป็นธีมของ วันสตรีสากลในปีนี้
“สำหรับนัป ในการทำงานที่ต้องทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ถ้าพูดถึงเชิงของเพศสภาพไม่ได้เป็นจุดสำคัญนะ ว่าในการทำงานผู้หญิงจะต้องให้ผู้ชายเป็นคนนำตลอด หรือเวลาคุยงานผู้ชายต้องยอมผู้หญิงเพราะผู้หญิงอ่อนแอกว่า คือ จะมองในเรื่องจุดเด่นของแต่ละเพศมากกว่า ทุกๆคนไม่ว่าเพศไหน จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ธรรมชาติของผู้หญิง อาจจะมีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นคนช่างสังเกต ละเอียดอ่อน และเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ในทางกลับกัน ธรรมชาติของเพศชาย อาจจะมีจุดเด่นในเรื่องความคิดด้านตรรกะ ความเป็นเหตุเป็นผล และเด่นในเรื่องการคำนวณ ถ้าเราลองคิดเล่นๆ ว่าเราสามารถนำกลุ่มคนที่มีจุดเด่นแตกต่างกันแต่เสริมกันในด้านใดด้านหนึ่งมาทำงานเป็นทีมเดียวกัน เราก็จะได้ทีมเวิร์คที่ดีถูกมั้ยคะ เพราะสิ่งไหนที่ผู้ชายมีเยอะกว่าก็สามารถเสริมเข้าไปในชิ้นงานได้ หรือสิ่งไหนที่ผู้หญิงถนัดกว่าก็เสริมเข้าไปทำให้ชิ้นแล้วผลงานที่ได้ก็จะดีตามไปด้วย”
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็หวังว่าเรื่องราวและแนวคิดของน้องนัปจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆ คนรักในการ coding มากขึ้นนะคะ
* Photo by #GunTongtarbPhotography