How I Followed My Passion in Tech: My Experience in the Refinitiv Tech Graduate Trainee Program
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากโครงการ Graduated Technical Trainee ที่ Refinitiv
สวัสดีค่ะ อิง จตุพร พาสนไกรศร นะคะ วันนี้จะมารีวิวประสบการณ์ช่วงที่ทำงานในโครงการ Graduated Technical Trainee รุ่นปี 2016 ที่ Refinitiv ในทีม Network ค่ะ
ก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการ อิงเริ่มงานตั้งแต่ยังไม่รับปริญญา ที่บริษัทแรก อิงทำงานในทีม IT and Information Security ซึ่งต้องวุ่นวายกับงานด้านเอกสาร ต้องอ่านข้อกฎหมาย และพ.ร.บ มากมาย หลังจากทำไปเพียงไม่กี่เดือน ก็พบว่ามันไม่ใช่ตัวเราเลย เพราะอิงอยากทำอะไรที่ได้เรียนรู้เทคโนโลยีจริงๆ ได้ลงมือทำ ได้ทำงานอะไรที่จับต้องได้มากกว่าการมานั่งทำงานเอกสาร และช่วงปลายปี 2015 ได้รู้ข่าวโครงการ Graduated Trainee ที่ Refinitiv (ตอนนั้นยังใช้ชื่อ Thomson Reuters อยู่) ด้วยชื่อเสียงของบริษัท และเนื้องานที่ค่อนข้างตอบโจทย์ เราเลยสนใจสมัครและได้เข้าร่วมโครงการในที่สุดค่ะ
สิ่งหนึ่งที่รู้สึกจากการทำงานที่นี่ครั้งแรกคือรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนมาสมัยมหาวิทยาลัย 4 ปี เริ่มได้นำกลับมาใช้ประโยชน์บ้าง หลังจากทิ้งหายไปกับงานเดิมตั้งหลายเดือน ด้วยความที่ Environment ของที่นี่ใหญ่มากๆ งานหลักๆ คือเราต้องคอยแก้ปัญหาทางด้าน Network Infrastructure ในทุกๆ Data Center ทั่วโลกของ Refinitiv ซึ่งเป็น Environment ที่ใหญ่และค่อนข้างซับซ้อน เนื่องจากแต่ละ Data Center ต้องการการทำงานที่สามารถเชื่อมถึงกันได้อย่างราบรื่น ดังนั้นงานหลักๆ ของอิงคือทำการ Configure บน Network devices ที่สำคัญๆทั้งบน Routers, Switches, Load balancer และ Firewalls ซึ่งอิงต้องทำงานรวมกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งอังกฤษ อเมริกา สิงคโปร์ อินเดีย และอีกหลายๆ ประเทศ
การได้ทำงาน Network ที่ใหญ่ใน Scale ระดับโลกนั้นเป็นโอกาสที่ค่อนข้างหายากสำหรับเด็กจบใหม่ เพราะงานระดับนี้ส่วนใหญ่บริษัทจะรับคนที่มีประสบการณ์มากๆ มาทำ เวลาส่วนใหญ่ช่วง 3 เดือนแรกนั้นเน้นไปที่การเรียนรู้ เริ่มจากการใช้ Tools ต่างๆ ได้ฝึกการ Trouble Shoot ปัญหาบนระบบ Network จากง่ายๆ ไปจนถึงระดับที่ค่อนข้าง Advance สำหรับเด็กจบใหม่
ข้อดีคือเราได้รับ Training ที่เข้มข้นมากๆ อย่างในตอนนั้นมีคนของทีม Network Support ซึ่งเป็นคนอินเดียแต่ทำงานอยู่ที่ประเทศ Singapore ได้บินมาเทรนให้พวกเราโดยเฉพาะเป็นเวลา 1 สัปดาห์ นอกจากนี้ระหว่างการทำงานก็จะมี Training แบบนี้อยู่เรื่อยๆ ทั้งแบบ E-learning และClass room ที่อิงได้เรียนในตอนนั้นก็เช่น Nexus 7k, 9k หรือ F5 LTMs (Load balancer)
นอกจากด้าน Technical อิงยังได้ฝึกการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นกว่าเดิมทั้งการพูดและเขียน เพราะงานส่วนใหญ่ต้องติดต่อกับคนต่างชาติ และตอนนั้นหัวหน้าคือคนอินเดีย มีเพื่อนร่วมทีมที่ไทยรวมอิงด้วยทั้งหมด 5 คน และทางอินเดียในตอนนั้นน่าจะ 10 กว่าคนได้ค่ะ ทุกวันจะมีการคุยกันระหว่างทีมว่าแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง งานติดขัดตรงไหนไหม และทุกคนจะช่วยกันแลกเปลี่ยนความรู้ มีคนทางนั้นเทรนเราบ้าง หรือบางทีเรารู้อะไรเพิ่มเติม ก็จะช่วยกันสอนเพื่อนๆบ้าง เป็นสังคมที่อบอุ่น และผลพลอยได้คือเราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเพื่อนต่างชาติมากกว่าแค่เรื่องงาน รู้แม้กระทั่งเค้าชอบกินอะไร เดินทางไปบริษัทอย่างไร ชีวิตความเป็นอยู่ที่นั่นเป็นแบบไหน เหมือนเราได้เปิดโลกอีกใบที่เราไม่เคยรู้เลยค่ะ
สำหรับในด้านการทำงาน อิงมีโอกาสได้เข้าร่วมงานหลักๆทั้งหมด 3 ทีมวนกันไปกับเพื่อนๆในทีม เพื่อที่จะได้เรียนรู้เนื้องานอย่างทั่วถึง และเป็นการตอบคำถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราชอบงานด้านไหนกันแน่ ซึ่งในแต่ละทีมจะมีสไตล์การทำงานและเนื้องานที่แตกต่างกัน แต่เนื้องานนั้นก็ยังต้องข้องเกี่ยวกับทาง Network ที่เราสนใจ ไม่ได้หลุด Job Description ซึ่งเป็นซึ่งดีมากๆ เพราะบางคนเข้าไปทำงานที่ใหม่บางทีถูกจับไปทำงานอื่นที่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งที่สมัครเข้ามาด้วยซ้ำ
หลังจากจบโครงการ ตอนนี้อิงทำงานต่อกับ Refinitiv ในตำแหน่ง Network Engineer ในทีมที่ชื่อว่า Network Change ค่ะ
จากการทำงานที่นี่ทำให้รู้สึกว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการได้ลงมือปฏิบัติจริงๆ ค่ะ โครงการนี้เปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่ได้ลงมือทำจริง แก้ไขปัญหาจริง ทำให้เราได้รับการพัฒนาตนเองเพื่อเป็นประโยชน์ในอนาคต สิ่งที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมดในโครงการครั้งนั้น ทั้งด้าน Technical และภาษาอังกฤษ ช่วยให้อิงได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราไม่สามารถเรียนได้จากห้องเรียนในมหาวิทยาลัย ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ทั้งคนไทยและจากหลากหลายประเทศ และทำให้มีความรู้ความสามารถที่เอาไปคุยกับคนอื่นๆ ได้อย่างภูมิใจค่ะ : )
