สาวๆคะ มาทำความรู้จักกับวัคซีนมะเร็งปากมดลูกกันเถอะค่ะ

ซาร่าพาหาหมอ
sara.pahamor
Published in
2 min readNov 22, 2016

วันก่อน เพจหมอแล็บแพนด้า ได้แชร์เรื่องมะเร็งปากมดลูกไปแล้ว ซาร่าจะไม่ขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องโรคมะเร็งปากมดลูกค่ะ เนื่องจากทางเพจหมอแล็บแพนด้า ให้ข้อมูลที่เข้าใจง่ายชัดเจนแล้ว

วันนี้ซาร่าขอเชิญชวน สาวๆที่ยังเวอร์จิ้น อายุตั้งแต่ 9–26 ปี ให้ไปฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกกันเถอะค่ะ

ทำไมสาวๆที่ยังเวอร์จิ้น และอายุยังไม่เกิน 26 ปีถึงควรฉีด?

เนื่องจากวัคซีนมะเร็งปากมดลูก จะสามารถป้องกันเชื้อได้ผลเต็มที่ ก็ต่อเมื่อยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ยังไม่เคยได้รับเชื้อ และช่วงอายุ 9–26 ปีเป็นช่วงอายุที่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าผู้ใหญ่ค่ะ ช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงอายุ 11–15 ปี เพราะพบว่าเป็นอายุที่เหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเป็นอายุก่อนเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก ยังไม่ติดเชื้อ HPV และพบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่า 2 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับการฉีดในช่วงอายุ 16–26 ปี

ถ้าอายุยังไม่ถึง 26 ปี แต่ไม่เวอร์จิ้นแล้วล่ะคะ

สำหรับสาวๆที่ไม่เวอร์จิ้นแล้ว ซาร่าแนะนำให้ไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก่อนค่ะ ว่าได้รับเชื้อมาแล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้รับเชื้อ ก็ยังสามารถฉีดได้อยู่ค่ะ แต่ถ้าได้รับเชื้อไวรัส HPV มาแล้ว ควรเข้ารับการรักษาก่อนค่ะ สำหรับคนที่เคยติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เดียวกับวัคซีน ประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงหรือได้ประโยชน์ไม่สูงเท่าที่ควร

แล้วถ้าอายุเกิน 26 แล้ว แต่ยังเวอร์จิ้นอยู่เลย ยังฉีดได้อยู่หรือไม่คะ

สำหรับสาวๆที่ยังยังเวอร์จิ้นอยู่ อายุเกินแล้ว ก็สามารถฉีดได้อยู่ค่ะ แต่ยังไม่มีข้อมูลด้านประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อสำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 26 ปีค่ะ

สำหรับสาวๆที่ไม่เวอร์จิ้น อายุเท่าไรก็ตาม

ถึงจะฉีดวัคซีนแล้ว แต่ยังคงแนะนำให้ ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำนะคะ เพราะการติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากผู้ชายที่มีเชื้อ HPV อยู่ ซึ่งในผู้ชายจะไม่มีอาการผิดปกติค่ะ และวัคซีนเอง ไม่สามารถป้องกันเชื้อได้ทุกสายพันธุ์ ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก มีกี่ชนิด ต่างกันอย่างไร?

วัคซีนมะเร็งปากมดลูกตอนนี้ มีอยู่ 2 ชนิดค่ะ

  1. Cervarix ป้องกัน 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์ 16 , 18 ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้ เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึง 70% ค่ะ
  2. Gardasil ป้องกัน 4 สายพันธุ์ คือนอกจากสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกแล้ว ยังสามารถป้องกันสายพันธุ์ 6 และ 11 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่ได้อีกด้วย แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ HPV หูดหงอนไก่ได้ทุกราย

การฉีด HPV Vaccine ต้องฉีดกี่ครั้ง

การฉีด HPV vaccine ให้ฉีด 0.5 มล. เข้าต้นแขนหรือกล้ามเนื้อสะโพก จำนวน 3 ครั้ง (3 เข็ม) ภายในระยะเวลา 6 เดือน ดังนี้

  • ครั้งที่ 1 : ฉีดในวันที่กำหนดเลือก
  • ครั้งที่ 2 : ฉีดในเดือนที่ 1–2 หลังจากการฉีดครั้งแรก
  • ครั้งที่ 3 : ฉีดในเดือนที่ 6 หลังจากการฉีดครั้งแรก

โดยวัคซีนจะสามารถป้องกันเชื้อได้หลังจากฉีดครั้งที่ 3 ครบ 1 เดือนไปแล้ว

สำหรับน้องๆ อายุ 9–14 ปี สามารถให้วัคซีนเพียง 2 เข็มได้ โดยในต่างประเทศมีการศึกษาและพบว่าการให้วัคซีน HPV แบบ 2 เข็ม น่าจะเพียงพอต่อผู้ที่อายุยังน้อย โดยครั้งที่ 1 ฉีดในวันที่กำหนดเลือก หลังจากนั้นอีก 6 เดือนค่อยไปฉีดเข็มที่ 2

ผลข้างเคียงของการฉีด HPV Vaccine

อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้แก่

  • อาการข้างเคียงบริเวณที่ฉีดวัคซีน เช่น ปวด บวม แดง และคัน ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เป็นอยู่ชั่วคราวและหายไปเอง
  • อาการทั่วไป เช่น ไข้ พบประมาณร้อยละ 10 ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายไปได้เอง อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย และผื่นคันตามตัว อาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและหายไปได้เอง

ข้อควรรู้

  1. วัคซีน HPV มีความสามารถในการป้องกันการติดเชื้อ HPV เฉพาะสายพันธุ์ที่ทำวัคซีนเท่านั้น ส่วนสายพันธุ์อื่นๆ อาจป้องกันได้บ้าง
  2. ผลในการป้องกันการติดเชื้อจะได้ผลเต็มที่ต่อเมื่อยังไม่เคยได้รับเชื้อ HPV มาก่อน
  3. ถึงแม้จะได้รับวัคซีนป้องกันแล้ว แต่การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากวัคซีนไม่สามารถป้องการการติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก Kapook.com

ซาร่าลองรวบรวมราคาแพคเกจวัคซีนมะเร็งปากมดลูกตามโรงพยาบาลต่างๆใน กทม. สำหรับ 3 เข็ม มาให้ดูค่ะ บางโรงพยาบาล ได้รวมค่าพบแพทย์ครั้งแรก และค่าบริการโรงพยาบาลเอาไว้ในแพคเกจแล้ว แต่บางโรงพยาบาลมีค่าแพทย์กับค่าบริการต่างหากค่ะ บางโรงพยาบาล ไม่มีเป็นราคาแพคเกจ แต่เป็นราคาต่อเข็มแทน รบกวนดูหมายเหตุด้านล่างนะคะ

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าว โรงพยาบาลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ยังไงโทรสอบถามกับทางโรงพยาบาลอีกทีนะคะ

--

--