[IT] ขอลอง(แอบ)ใช้งาน Spotify Premium ในไทยหน่อยน๊ะ
ต้องเกริ่นไว้ก่อนเลยนะครับ ว่าวิธีดังต่อไปนี้ไม่ถูกต้องตามหลักการของจรรยาบรรณเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่การกระทำที่ผิดลิขสิทธิ์เพลง ดาวโหลดเพลงเถื่อนนะครับ
ต้องเกริ่นไว้ก่อนเลยนะครับ ว่าวิธีดังต่อไปนี้ไม่ถูกต้องตามหลักการของจรรยาบรรณเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่การกระทำที่ผิดลิขสิทธิ์เพลง ดาวโหลดเพลงเถื่อนนะครับ เพราะว่าเราต้องเสียตังค์ให้ Spotify เพื่อซื้อเพลงลิขสิทธิ์จริง ๆ เพียงแต่ผู้ให้บริการ (Spotfiy) เค้าไม่มาเปิดบริการในบ้านเรา T-T (ประเทศไทย) เราเลยต้องซิกแซกไปแอบใช้บริการของบ้านอื่น (เช่น อเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปิน ไต้หวัน)
ก่อนหน้านี้ผมใช้บริการ Apple Music อยู่เป็นปีครับ แต่เกิดเบื่อ Playlist กับ Radio ที่มันชักจะไม่ตอบโจทย์ บางครั้งมันก็โหลดเพลงช้าครับ (โดยเฉพาะเวลาโปรเน็ตแรงหมด แทบฟังเพลงไม่ได้)
หลังจากที่ได้ทดลองฟัง Spotify แบบ Premium ก็จะมเล่าสู่กันฟังเป็นประสบการณ์ที่ได้ทดลองเองกับตัว … อาจจะเปรียบเทียบกับ Apple Music อยู่เยอะ ต้องขออภัยสาวกไว้ ณ ตรงนี้ด้วยครับ
Spotify คืออะไร ?
ผมสรุปสั้น ๆ เอาเองนะครับว่า Spotify คือ “ผู้ให้บริการฟังเพลงออนไลน์” แบบเสียเป็นค่าบริการเหมาจ่ายรายเดือน มี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ แบบฟรี (Free) และแบบเสียเงิน (Premium) ซึ่งก็จะคล้าย ๆ กับผู้ให้บริการรายอื่น (ที่มีในบ้านเรา) คือ Apple Music, Deezer, JOOX ครับ (2 ค่ายหลังนี้ไม่เคยใช้บริการครับ)
Spotify มันดียังไง ?
- มีคลังเพลงเยอะมาก (มหาศาล)…ช่วยเปิดโลกทางดนตรีได้อย่างดีเลยครับ เพลงใหม่ เพลงเก่า เพลงอินดี้ เพลงเกาหลี เพลงจีน มีหมดครับ
- ถึงไม่เปิดบริการในไทย แต่มีเพลงไทยนะครับ (น่าจะมีเฉพาะของ GMM)
- โหลดเพลงไว กดปุบมาปับ แม้เน็ตกาก (จุดนี้คือทำได้ดีกว่า Apple Music มาก)
- มี Playlist ที่เทพมาก หลากหลายแนวดนตรี อีกทั้งยังอัพเดตบ่อย วันละหลายครั้ง (Apple Music มีแค่วันละครั้ง) มี Chart TOP 50 มี Radio หลากหลาย
- เล่น Spotify ได้หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่แอพพลิเคชั่นบนมือถือ, คอมพิวเตอร์, Amazon Echo (Alexa), PlayStation หรือแม้แต่เล่นผ่านเว็บไซต์ แถมยังทำงานประสานกันได้อย่างดีเยี่ยม คือ จะเลือกเพลงจากมือถือ ให้ไปเล่นที่คอมพิวเตอร์ก็ทำได้ครับ (ใช้แอพเป็นรีโมทนั้นเอง)
- ความละเอียดเพลงสูง เลือกได้ตั้งแต่ Normal 96 kbit/s, High 160 kbit/s และ Extreme 320 kbit/s
- เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ดี เช่น แสดงเพลงฮิตของศิลปินคนนั้น ๆ (อันนี้ผมชอบมาก) แสดงจำนวนคนที่ Follow, แสดงจำนวนครั้งที่เล่นในแต่ละเพลง
- เปิดการเชื่อมต่อกับ Developer และผู้ให้บริการประเภทอื่นๆ (3rd Party) ซึ่งช่วยให้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ข้อเสียหล่ะ ?
- ไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไทย !
- ถ้าใช้ของอเมริกา ค่าบริการจะแพง ($9.99 * 35 = 349.65 บาท).. คิดว่าถ้ามาที่ไทยแบบเป็นทางการคงจะถูกกว่านี้ครับ (แบบเดียวกับ Apple Music)
- ฟีเจอร์เนื้อเพลง (Lyrics) ทำได้ห่วยแตกบรม เนื่องจากมันดันสลับมาเล่นกับประวัติของเพลงบ้าบอ (Behind the lyrics) กำลังอ่านเนื้อเพลงเพลินๆ ดันสลับขึ้นมาซะงั้น ไม่ได้อยากรู้เว้ย !!! …คนด่าเพียบบบ แต่ก็ยังไม่ได้แก้ ><”
บริการของ Spotify มีอะไรบ้าง ?
ก่อนหน้านี้ได้เกริ่นไปแล้วว่ามี 2 แบบ คือแบบฟรี (Free) และแบบเสียเงิน (Premium) จะมาลงรายละเอียดอีกนึกนึงว่า แต่ละอันมีข้อจำกัด มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
บริการแบบฟรี (Free)
- เล่นเพลงแบบสุ่ม (Shuffle play)
- มีโฆษณา
- ฟังแบบออฟไลน์ไม่ได้ (ต้องออนไลน์อย่างเดียว)
- เล่นไฟล์ความละเอียดสูงไม่ได้
- ค่าบริการ $0/เดือน
บริการแบบเสียเงิน (Premium)
คุณสมบัติหลัก ๆ ของแบบ Premium คือ
- เพลงแบบไม่จำกัด
- ไม่มีโฆษณา
- ฟังแบบออฟไลน์ได้
- เล่นไฟล์ความละเอียดสูงได้
- สิทธิและจำนวนผู้ใช้ของแต่ละ Package จะตามเงื่อนไขของ Package นั้นๆ
- มีค่าบริการรายเดือน $4.99–$14.99/เดือน
บริการแบบ Premium (ปกติ)
- ใช้ได้ 1 คนเท่านั้น
- ค่าบริการ $9.99/เดือน
บริการแบบ Student Discount
- ใช้ได้ 1 คนเท่านั้น
- ได้สิทธิส่วนลดนี้ 12 เดือน ใครยังไม่จบระบบจะเช็คและต่อโปรฯ ให้เองครับ
- ต้องเป็นนักเรียน (ยืนยันจากปีการศึกษา ชื่อสถาบันการศึกษา และอื่นๆ … ถือว่าเข้มงวด)
- ค่าบริการ $4.99/เดือน
- ใครสงสัยว่าเข้าเงื่อนไขไหม๊ เข้าไปอ่านได้ที่นี่ครับ
บริการแบบ Family
- ใช้ได้สูงสุดถึง 6 คน
- แต่ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันเท่านั้น (คือต้องใช้ที่อยู่เดียวกัน)
- ค่าบริการ $14.99/เดือน
สิ่งที่ต้องเตรียม
- อีเมล์ใหม่ สำหรับสมัคร Apple ID USA ใหม่ และ/หรือ สำหรับสมัคร Paypal USA (ต้องใช้งานได้จริงนะครับ…เพราะต้องยืนยันการสมัครทางอีเมล์นี้ครับ)
- บัตรเครดิตใหม่ สำหรับผูกกับบัญชี Paypal USA (ต้องยังไม่เคยใช้ใน Paypal มาก่อน) หรือใครไม่มีบัตรเครดิตให้ใช้บัญชี Paypal ไทย โอนเงินไปยังบัญชี Paypal USA เอาแทนครับ (มันไม่ค่อยสะดวกเพราะต้องคอยเติมเงินตลอด)
- ที่อยู่ (ปลอม) ฝั่งอเมริกา ซึ่งเราสามารถหาได้จากเว็บไซต์ครับ เช่น http://www.fakeaddressgenerator.com/World/us_address_generator หรือhttps://getfakedata.com/address/en_US
- เตรียมใจ 5555
มาลองใช้ Spotify Premium ในไทยกันเถอะ
ที่จริงเราเลือกใช้บริการ Spotify Premium ได้หลายประเทศนะครับ ที่ถูกสุดเห็นจะเป็นฟิลิปปินส์ แต่ผมว่าฝั่ง USA หา VPN ง่ายกว่า และเห็นว่าฝั่ง USA มักชอบมีโปรเด็ด ๆ ผมเลยขอลองของแพงดูสักหน่อยครับ
Step 1 : สมัคร Paypal USA
- สมัครบัญชีใหม่ของ Paypal USA โดยเข้าไปที่ > https://www.paypal.com/us/webapps/mpp/home
- เช็คดูอีกทีว่าเป็นธงของอเมริกาจริง ๆ
- กดปุ่ม Signup
- เลือกสมัครบัญชีส่วนตัว (Personal Account) แล้วกด Next
- กรอกอีเมล์และพาสเวิร์ด ที่จะใช้กับ Paypal นี้ครับ
- กรอกข้อมูล(ปลอม)ของฝั่งอเมริกาที่เราเตรียมไว้ลงไปครับ จากนั้นกดปุ่ม Agree and Create Account
- กรอกรายละเอียดบัตรเครติด แล้วกด Link card ถ้าหากใครที่ไม่ใช้ก็กดที่ I’ll do it later ครับ (หรือจะมาเพิ่มบัตรเครดิตทีหลังก็ได้ครับ)
- ใครที่สมัครบัตรเครดิต ก็กด Apply now ส่วนใครไม่ใช้ก็กด No thank
- เท่านี้ก็สมัครใช้งานได้เรียบร้อยแล้วครับ ก็จะขึ้นข้อความประมาณว่า “Your Account’s ready to use!” กด Go to your account ได้เลยครับ
- ที่หน้า Paypal dashboard ก็จได้มาเรียบร้อยครับ
- หลังจากสมัครครั้งแรก เราต้องไปยืนยันที่อีเมล์ที่เราใช้สมัครด้วยนะครับ
- เข้าอีเมล์ แล้วกด “Yes, this is my email”
- กรอกรหัสผ่านบัญชีของเรา กด Confirm My Email
- เรียบร้อยครับ
Step 2 : ดาวโหลด Spotify App
iOS
- สร้าง Apple ID โซน USA ใหม่
- ลงชื่อเข้าใช้ด้วย USA Apple ID
- เข้าไปที่ App Sote แล้วค้นหา Spotify และติดตั้ง
- หรือใครที่ Apple ID เดิมสามารถย้ายโซนได้(ไม่ติดอะไร) ให้ย้ายโซนไปอยู่ USA ครับ แล้วดาวโหลดจาก App Store https://itunes.apple.com/us/app/spotify-music/id324684580
Android
- ดาวโหลดไฟล์ APK ได้จาก > http://download.spotify.com/android/SpotifyAndroid.apk
- หาก ID ของใครเป็นฝั่ง USA ก็สามารถดาวโหลดจากPlay store ได้เลยครับ > https://play.google.com/store/apps/details?id=com.spotify.music
Windows
- ดาวโหลดได้จาก > https://www.spotify.com/us/download/windows/
Mac
- ดาวโหลดได้จาก > https://www.spotify.com/us/download/mac/
Step 3 : สมัครบัญชี Spotify แบบ Free
ขั้นนี้จะทำให้มือถือนะครับ (ง่ายดี)
ต่อ VPN ด้วย PrivateTunnel (OpenVPN) ไปยังอเมริกา
การต่อ VPN ก็คือเราเข้าไปใช้วงเครือข่ายในประเทศที่เราเลือก (ในที่นี้คืออเมริกา) เพราะถ้าเราไม่ได้อยู่เครือข่ายของประเทศที่ Spotify ให้บริการ เราจะสมัครใช้งานไม่ได้ครับ (มันล๊อคไว้ครับ)
- ดาวโหลดแอพ “PrivateTunnel” ใน App store หรือ Play Store
- เปิดแอพ “PrivateTunnel” สมัครบัญชีใหม่ครับ
- จากนั้นก็เลือกต่อ VPN ไปที่ USA Region แล้วกด Connect
เราจะทำการต่อ VPNแค่ครั้งแรกครั้งเดียวครับ ครั้งต่อ ๆไป ฟังเพลงก็ใช้เน็ตบ้านเราได้ปกติ
ใช้ Spotify แบบ Free
- ขณะที่ยังต่อ VPN ไปยัง USA อยู่นั้น
- ให้เราทำการเปิดแอพ Spotify แล้วเลือก SING UP
- ให้เลือกเข้าใช้ด้วยบัญชีของ Facebook โดยการกด Singup with Facebook จากนั้นจะมีหน้าให้ยืนยัน ก็ยืนยันไปครับ
- เท่านี้เรียบร้อยครับ
- Disconnect VPN ได้ครับ
ถึงจุดนี้ ต้องตัดสินใจกันเองนะครับ ว่าใครอยากจะลุยต่อ ใครอยากจะหยุดแค่นี้ เพราะว่ามันจะเสียเงินละครับ
Step 4: สมัคร Spotify Premium
ขั้นนี้จะกลับมาทำคอมพิวเตอร์นะครับ (จริง ๆ มือถือก็ได้เช่นกัน)
เมื่อเราสมัครบัญชี Spotify แล้ว ที่แอพบนคอมพิวเตอร์ เราก็สามารถ Login ได้เลยนะครับ
- ที่แอพของ Spotify จะสังเกตว่าที่หัวด้านบน จะขึ้นรุ่นว่า Spotify Free
- ให้เรากด UPGRADE
- จากนั้นจะลิงค์มาหน้าของ Spotify แต่จะให้เรากรอกรหัสไปรษณีย์ของ Paypal (เตรียมไว้เพื่อให้เราเสียเงิน !) เสร็จแล้วกด Continue
- ทำการล๊อคอินบัญชี Paypal
- เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ “You are Premium now”
- กลับมาแอพของเราก็จะขึ้นว่า “Spotify Premium”
- Enjoy your music ครับ
เตือนอีกที อย่าลืมปิด Disconnect VPN นะครับ !
สรุป
หลังจากที่ได้ทดลองใช้มา เกือบ ๆ หนึ่งเดือน ผม Happy มากกก ! ยิ่งใครมีอุปกรณ์เชื่อมต่อให้เล่นเยอะ ๆ จะสนุกมาก … อย่างผมมี Alexa ก็จะสนุกสนานไปอีกขั้น Playlist เค้าเทพสมคำล่ำลือครับ