กว่าจะเป็น Frontend @ Scale360

Jedsada Saengow
Scale360 Engineering
4 min readAug 1, 2018

บทความนี้ทางผู้เขียนจะแชร์ประสบการณ์ตลอด 1 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา ว่าพบเจออะไรบ้างที่ Scale360 ในตำแหน่ง Frontend Developer ในส่วนของทีม Mobile ครับ

การปรับตัวจาก Backend สู่ Frontend

ก่อนที่ผู้เขียนจะมา Scale360 ผู้เขียนใช้ .NET Framework ในการพัฒนา Software ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานฝั่ง Backend ในสโคปงานไม่ใหญ่ แต่ด้วยความอยากเป็น Frontend จึงมาสมัครที่นี่แล้วก็ต้องพบกับเจ้า JavaScript

ที่จั่วหัวแบบนี้ไม่ใช่อะไร แค่อยากให้เห็นภาพว่า การที่ต้องปรับตัวจากการ Dev ด้วย Framework ที่มี Library ให้ครบอยู่ใน IDE กลายมาต้องใช้ Open source และ Command line ในการพัฒนา จากมุมมองของ Backend มาเปลี่ยนมุมมองของ Frontend ซึ่งก็มีความมันส์มากครับในช่วงแรกของการปรับตัว

แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะที่นี่ไม่ได้ใจร้ายให้ผู้ที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ ต้องเริ่มเองทุกอย่าง เพราะมี Trainingให้กับพนักงานใหม่ทุกคน ซึ่ง Programing นั้นมีให้ดูได้ใน Youtube ด้วย

นอกจาก Training เกี่ยวกับ Programing แล้ว ยังมี Skill อื่น ๆ สำหรับ Development อีกด้วย โดยขอระบุคร่าว ๆ ดังนี้

  • Scala
  • UX Design
  • SCM & CI/CD
  • Agile & Scrum
  • How to use JIRA
  • Automate & Unit test
  • Functional Programming
  • Basic Marketing (UX/UI Team)
  • ReactJS & ReactNative & Redux
  • Software Architecture Workshop
  • Project Management (UX/UI Team)

ทั้งนี้นอกจากพนักงานใหม่แล้ว พนักงานเก่าที่สนใจอยากจะร่วมซ้ำกี่ครั้งก็เข้าได้อีกด้วย 😚😚😚

บรรยากาศและสไตล์การทำงาน

มาดูกันว่าสไตล์การทำงานที่พบเจอมาใน 1 ปีกว่า ๆ เป็นอย่างไร

สำหรับบรรยากาศค่อนข้างเป็นกันเอง สนิทกันมาก ยืมเงินกันได้สบาย ๆ (ไม่ใช่ละ !!)

สไตล์การทำงานที่นี่จะยึดหลักการ Agile โดยในทีมก็จะมีกัน 8–12 คน แล้วแต่ความใหญ่และยากของ Feature ประกอบไปด้วย UX/UI, BA, QA, Backend และ Frontend

ส่วนตัวแล้วแรก ๆ รู้สึกเฉย ๆ เข้าใจว่ามันก็เป็นการทำงานแบบทั่วไปที่แยกเป็นส่วนดีไม่ปนกัน ไม่วุ่นวาย

แต่พอเริ่มสนิทกับเพื่อนร่วมงานหลาย ๆ คน ก็อยากจะนำเสนอว่าการที่ได้มีคนเยอะ ๆ เมื่อได้มาทำงานด้วยสไตล์นี้ รู้สึกสนุกมาก !! แถมยังได้เทคนิคที่หลากหลายจากการแชร์ Knowledge และมีการพูดคุยหรือ Discuss กันอย่างเมามันส์ทั้งในทีมของตัวเอง และระหว่างทีม

พูดถึงเรื่องการ Discuss หรือแชร์ Knowledge แล้ว ผู้เขียนชอบมาก ๆ ในเรื่องของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งมันนำไปสู่การแชร์ Knowledge ซึ่งที่ Scale360 ก็มีทุกเดือน เดือนละ 2 หัวข้อ

Knowledge sharing

นอกจากนั้น แต่ละแผนกก็จะมีกิจกรรมของตัวเองอีกที อย่างเช่น ทีมของพี่อ๊อฟกล้ามโต จะแชร์แนวคิดในแต่ละ Sprint

พี่อ๊อฟกล้ามโต !!

หรืออย่างทีมรวม Frontend Mobile ก็จะมีการแชร์กันอีกทุก ๆ วันพุธ

แชร์ Knowledge จากน้องก้อง ประเทศไทย (ไม่ใช่ก้องสหรัฐ)

หรือจะเป็นพี่เอกจากทีม DevOps ที่มาแชร์ก่อนที่จะ Plan เรื่องการ Deploy

พี่เอกจากทีม DevOps

และในศุกร์สุดท้ายของทุกเดือน เราจะมีการ Show & Tell ซึ่งจะเป็นการโชว์ผลลัพท์จากสิ่งที่ได้ทำมาทั้งหมดของแต่ละทีม (งานใครมี Bug ตรงนี้ก็รู้กัน 😆😆)

ซึ่งสำหรับเรื่องการทำงานนั้น ส่วนตัวรู้สึกว่างานไม่ได้กดดันตลอด มีเวลา Research เทคโนโลยีใหม่ ๆ มีเวลาใส่ใจ Performance หรืออยากจะโชว์ของก็ของานเพิ่มจากที่ Plan ใน Sprint นั้นได้

และที่นี่ยังเปิดรับไอเดียใหม่ ๆ หากเทคโนโลยีเดิมเรารู้สึกไม่โอเค เราก็เสนอเทคโนโลยีใหม่ แนวคิดใหม่ พร้อมกับบอกเหตุผลที่เราต้องเปลี่ยนได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ สำหรับคนที่ชอบเสนอไอเดีย

การแลกเปลี่ยนและเสนอความคิดเห็น กับบรรยากาศสบาย ๆ และสไตล์ที่ไม่กดดัน มีความเป็นกันเองกับเพื่อนร่วมงานทุกเพศทุกวัยนี้ ทำให้ผู้เขียนมีเวลาเรียนรู้ และศึกษาเพิ่มจากสิ่งที่ไม่เข้าใจ ทั้งยังขอคำแนะนำในสิ่งที่ไม่รู้และให้คำแนะนำในสิ่งที่รู้ แบ่งปันกับเพื่อนร่วมงาน ทำให้รู้สึกว่าได้ฝึกฝนการเป็นผู้ให้และผู้รับ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมาก

แต่ก็ใช่ว่าเราจะจับกลุ่มพัฒนาตัวเองอย่างเดียว เราก็มีมุมผ่อนคลายเช่นกัน

แล้วเรื่องกินหล่ะ ?

กินเลี้ยงประจำปี Scale360 @Four Points

ในบางครั้งก็จะมีทีม Marketing & Communications มาทำวีดีโอสนุก ๆ ให้ความบันเทิงเราอีกด้วย

ตอนเด็กอยากเป็นอะไรกันน้าาา ?

ทัศนคติที่เปลี่ยนไป

จากสไตล์และทัศนคติการทำงานเดิมของผู้เขียน ยอมรับว่าให้ความสำคัญกับการทำความเข้าของเทคโนโลยีน้อยเกินไป เคยคิดว่าขอแค่งานเสร็จและใช้ได้ก็พอ รู้แค่ว่าต้องใช้ Tools อะไรก็พอ(อิงจากลูกค้า และหัวหน้าเป็นหลัก) แต่ไม่ได้เข้าใจกับหลักการทำงานของ Tools ที่ใช้ และไม่ได้เข้าใจว่ามันถูกสร้างมาเพื่อสิ่งใด

แต่จากที่ได้มาอยู่ที่ Scale360 นี้ ผู้เขียนได้เจอคนเก่ง ๆ ทั้งคนที่อายุน้อยกว่า หรืออายุเท่ากันที่เก่งกว่า จากจุดนี้ก็ได้เข้าใจว่า คนที่เค้าเก่ง ๆ นั้น ล้วนแต่ให้ความสำคัญของการเข้าใจใน Tools หรือเทคโนโลยีที่ใช้ทั้งนั้น ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมันทำงานเพื่อแก้ปัญหาอะไร

และด้วยการทำงานในหลักการของ Agile ทำให้เราได้สื่อสารระหว่างตำแหน่งกันเยอะมาก ซึ่งทำให้ผู้เขียนได้เรียนรู้แนวคิดและทัศนคติต่าง ๆ ของทีม UX/UI, Backend, QA, BA และ PM

สิ่งที่ชอบใน Scale360 ที่ทำให้เป็นผมในวันนี้

1. Knowledge Sharing

  • ภายในทีม Frontend Mobile — เพราะเป็นเวทีเล็ก ๆ ที่นอกจากจะได้เป็นผู้รับแล้ว ยังฝึกฝนที่จะเป็นผู้ให้ได้ ฝึกพูด ฝึกบรรยาย
  • ระหว่างทีม — ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นของแผนกอื่น ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น เมื่อมี Speaker เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีในแผนกนั้น

2. Retrospective

ชอบมากเลยครับ เพลงร็อคของพวกพี่เค้า แสบถึงทรวงใน
เฮ้ย !! เดี๋ยว… นั้นมันวง Retrospect

เรื่อง Retrospective ก็คือการที่เราได้กล่าวถึงสิ่งที่เราทำกันใน Sprint นั้น ๆ โดยของ Scale360 สำหรับทีมที่ผู้เขียนอยู่ล่าสุด จะแบ่งเป็น 3 หัวข้อ คือ

  • Went well: สิ่งที่เราคิดว่าดีอยู่แล้ว
  • To improve: สิ่งที่เราคิดว่ามันคือปัญหาที่เจอ
  • Action items: วิธีแก้ปัญหาจากหัวข้อ To improve

ซึ่งส่วนนี้บอกเลยว่าชอบมาก ๆ เพราะว่าเป็นการบอกปัญหาที่เกิดขึ้น และพูดกันได้อย่างเปิดเผยกับคนในทีม ซึ่งการพูดกันตรง ๆ มันทำให้เราสามารถเข้าถึงและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่าง Retrospective board

3. Stand up meeting

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ๆ แต่ว่าชอบมากเช่นกัน เพราะมันช่วยให้เรารู้ว่า ใครคนไหนทำอะไรอยู่ ซึ่งทำให้ตามงานง่ายเวลาที่มีปัญหา (ด่าได้ถูกคน โดยเฉพาะผู้เขียน 😅😅) นอกจากนี้ หากติดปัญหาหรือไม่เข้าใจกัน แต่ไม่รู้ว่าจะสะดวกคุยกันหรือไม่ ก็มั่นใจได้ว่าอย่างน้อยพรุ่งนี้เช้าก็ได้เคลียกันแน่นอน และจุดนี้ก็ทำให้เราได้พูดคุยกัน ซึ่งนำไปสู่ความสนิท และสุดท้ายก็จะทำให้ทีมทำงานได้อย่างเข้าขาและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ถึงผู้ที่สนใจอยากเป็นส่วนหนึ่งกับเรา

Frontend team @Scale360

ก็ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งกับ Scale360 หากชอบสไตล์การทำงานดังที่กล่าวมา ก็อย่าได้รอช้า ติดต่อตามช่องทางดังนี้

หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา

--

--