Ratapong Ruksasuk
Scale360 Engineering
3 min readJun 6, 2018

--

การทำงานครบปีแรกหลังจากเรียนจบ

สวัสดีครับ บล็อคที่เขียนขึ้นมานี้เป็นประสบการณ์ที่ผมได้พบเจอมาเองตลอด 1 ปีที่ผ่านมาของการทำงานที่ Scale360 นะครับ ที่ผมเขียนมานี้เพื่อที่จะเล่าประสบการณ์ของการทำงานให้ฟังนะครับ ถ้าใครเกิดอ่านแล้วมองว่าการทำงานนี้ เฉยๆ ,ดูน่าเบื่อหรือน่าตื่นเต้นนั้น ขึ้นอยู่ประสบการณ์ของผู้อ่านเอง ว่าเจอแบบไหนมาบ้างละกันนะครับ ซึ่งประสบการณ์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันทั้งหมดและความต้องการของแต่ละคนก็มองไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นผมจะเล่าในมุมมองของผมที่ได้เจอมานะครับ

เริ่มต้นเข้าสู่การทำงาน…

เริ่มต้นเลยที่เข้ามาทำงานจริงๆ สาเหตุเพราะว่าเรายังไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานเลย งานนอกก็ยังไม่เคยรับมาทำจริงๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำโปรเจคในรายวิชา หรือไม่ก็ Senior Project (โปรเจคจบ) ที่มาที่ Scale360 เพราะมีเวลาในการเทรนซึ่งในความคิดส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่า “มันยังพอมีเวลาให้เราได้เรียนรู้ก่อน มีเวลาให้เราปรับตัว ทำให้เราซึมซับการทำงานจริงๆไปด้วย” หลังจากถึงทำงานวันแรกมีเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันอยู่ 3 คนได้มาทำงานที่เดียวกันเลยยังไม่เหงามากหลังจากนั้นก็ฟังรายละเอียดเรื่องบริษัทจากทาง CEO และ HR หลังจากนั้นก็ได้ถ่ายรูปรวมกับพนักงานใหม่ๆที่เข้ามาทำงานกัน **ตำแหน่งที่ผมทำคือ Backend Developer**

พนักงานใหม่ที่เข้ามาทำงานวันที่ 1 มิถุนายน 2560 ***ปัจจุบัน บางท่านก็ได้ย้ายไปทำงานที่อื่นกันบ้างแล้ว***

เริ่มทำงานช่วงแรก

หลังจากนั้นก็เริ่มแยกย้ายเข้าทำงานการโดยทางหัวหน้าฝั่งทีม Backend ของผมได้จัดการเรื่องที่นั่งให้เสร็จสรรพ โดยสิ่งแรกที่ทำก็ … เรียนรู้ Scala ครับโผมมมมมม ก่อนที่จะมาอ่านนี่สงสัยอยู่ว่ามันคือภาษาโรงหนังหรือปล่าวนะ 555555+ ซึ่งต้องใช้เวลาเรียนรู้โดยรวมประมาณ 1 เดือนถึงเริ่มทำงานจริงๆได้ โดยที่ผมก็ … แทบจะไม่รอดกับการเขียนภาษานี้ … โดยตลอดการเรียนรู้ก็มีพี่ Senior มาสอนผมทำให้เข้าใจหลักการทำงานได้เร็วขึ้น โดยมี “พี่ที่ชอบปั่นจักรยานมาทำงาน , พี่กวนๆใส่แว่นที่ชอบเอามาม่ามากินข้างๆผม , พี่กวนๆหล่อๆอ้วนๆใส่แว่น , พี่ที่เสียงแหบๆแห้งๆ , พี่ที่เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว , พี่ที่ชอบชวนกินบุฟเฟ่บ่อยๆ” <- “ถ้าพวกพี่มาอ่านหวังว่าคงจะรู้ตัวนะครับ 555โดยพี่ๆเหล่านี้ช่วงแรกก็ได้ให้ความรู้ผมต่างมากกว่าการเรียนรู้ Scala โดยสอนความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ต่างๆเช่นเรื่อง Docker , การเขียนโค้ดให้เข้าใจ , การเขียน documents , การออกแบบระบบหลังบ้าน , Functional Programming และ ฯลฯ

ผ่านไป 3 เดือนกับการประเมินโปร ในที่สุดก็ … Ok เกือบไม่รอดท่านหลีดกับพี่ Senior ในทีมไม่ให้ผ่าน…แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับโผมมมม หลังจากนั้นก็ได้เริ่มเขียนบล็อคขึ้นมาเรื่องภาษา Scala ซึ่งมีทั้งหมด 4 ตอน ปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีเวลาเขียนสักเท่าไหร่ เพราะผมเอาเวลาไปทำอย่างอื่นมากกว่าเช่น หาความรู้ทางด้าน Programming เพิ่มเติม , เรื่องการเงิน , เล่นเกมส์ , หาหนังสืออ่านเล่น ฯลฯ หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องฮือฮานิดหน่อยของการเขียนบล็อค 55555+ โดยมีคนชอบปั่นในบริษัท ซึ่งในการทำงานก็มีการแกล้งกันบ้าง เฮฮาปาร์ตี้ของการทำงาน

กายเริ่มพร้อม ใจเริ่มพร้อม

หลังจากที่ทำงานพอมีประสบการณ์บ้างแล้ว ทางคุณหลีด Backend ก็ได้ให้ผมอธิบายเรื่อง flow การทำงานให้พนักงานที่เพิ่งมาใหม่ บอกตามตรงตอนนั้นตื่นเต้นมาเลย “ในหัวคิดว่า ทำไมต้องเราด้วยยยย โนววววววววววว

ภาพที่ต้องไปอธิบายแบบงงๆให้ทุกคนในทีมฟัง ……..

หลังจากนั้นทำงานไปเรื่อยๆ ก็เก็บประสบการณ์ต่างๆของพี่ๆในทีมทำให้ตัวเองมีการพัฒนาเรื่อย… จนกระทั่งพี่ในทีมก็ได้ย้ายออกไป ทำให้เหลือคนเดียวภายในทีม 5555555 “ในเลขห้ามีน้ำตาซ่อนอยู่ ” โดยตอนนั้นเครียดมากว่าจะทำยังไงดี เราจะทำคนเดียวไหวหรือปล่าว ในตอนนั้นก็ค่อนข้างเครียดจัดเพราะไม่เคยเป็นเดอะแบก จนสุดท้ายก็ลองเป็นเดอะแบกดู สุดท้ายไม่รอด 55555555 แต่ก็ได้พี่ๆทีมอื่นมาช่วยสามารถทำงานให้ได้ดีขึ้น โดยสิ่งที่มีการเพิ่มเติมขึ้นมาคือการได้เขียน ภาษา Golang ทำให้ตัวเองได้มีการพัฒนาได้ลองเขียนภาษาอื่นๆได้มากขึ้นที่นอกจาก Scala ที่ได้ใช้ทำงาน เครื่องมือต่างก็ได้ใช้งานมากขึ้นเช่น MySQL , MongoDB ElasticSearch ,Jenkins , Docker ฯลฯ ที่ในอนาคตผมอาจจะได้เรียนรู้เพิ่มนอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนะครับ

จนมาถึง ณ ปัจจุบัน

ช่วงนี้จนถึงปัจจุบันการทำงานโดยรวมก็จัดว่าโอเคในระดับนึง สามารถจัดการ Task Requirement ได้มากขึ้น ได้คุยกับทีมต่างๆมากขึ้นเช่น ทีมBA ทีมFrontend ทีม UX/UI จากการได้คุยกับทีมต่างก็ทำให้เราสามารถได้เรียนรู้ความคิดต่างๆของแต่ละทีมว่าเขาคิดกันยังไง แล้วนำมาปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนในการทำงานให้ได้ดีขึ้น โดยรวมแล้วก็สนุกดีที่ได้ทำหลายๆสิ่งในการทำงานมากกว่า Coding (ส่วนตัวผมชอบทำอะไรใหม่ๆไปเรื่อย เพราะขี้เบื่อง่าย)

จากการทำงานที่นี่บอกไม่ได้ว่าดีที่สุดหรือไม่ เพราะทำงานที่แรกก็ไม่สามารถวัดอะไรได้มาก และตลอดในการทำงานมาก็มีเรื่องหลายอย่างเข้ามาเช่น มี คนในทีมย้ายออก ย้ายที่นั่งบ้าง ย้ายทีมในการทำงานบ้าง โดยรวมแล้วก็เป็นการพัฒนาตัวเราเองได้มาขึ้นเพราะได้ความรู้จากประสบการณ์จากพี่ๆในบริษัททำให้มาถึงในระดับนึงได้ และหวังว่าตัวผมเองจะต้องพัฒนาตัวเองต่อไปให้มากขึ้นต่อไป…

ถึง Scale360 … และ พี่ๆทุกคนที่มอบประสบการณ์ให้

เมื่อพูดถึง Scale360 ผมก็นึกถึงผู้ประกาศข่าวที่พูดว่า “ทีวีสามร้อยยยหกสิบองศาาา”
หลังจากที่ได้มาทำงาน บุคคลากรที่นี่ก็ได้สอนให้ผมได้รู้ๆหลายสิ่งในการทำงานมาตลอดเสนอแนวคิดต่างๆให้นำมาใช้ในชีวิตที่มีมากกว่าเรื่องของการทำงานในรูปแบบ Coding มีทั้งคุยเรื่องต่างๆในการแลกเปลี่ยนความรู้มากกว่าเรื่องของ Programming มีพี่ๆทีมอื่นก็แนะนำความรู้มาตลอด และให้ความรู้ที่ไม่ได้โดยเขาก็ได้ถ่ายทอดมาให้ได้เรียนรู้

ในส่วนของทีมในการทำงานเราก็มีการ Co-working กับทีมอื่นๆมากกว่าทีมของเราเองด้วย ได้คุยกับเกือบทุกๆคนในทีมของฝั่งทาง Backend ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิด ข้อเสนอต่างๆในการทำงานด้วยกันมากขึ้น… ส่วนทีมฝั่ง Frontend , Data Team , Devops etc. ก็ได้สอนมุมมองต่างๆของการทำงานในแต่ละทีมทำให้เราได้เห็นภาพมากขึ้นว่าแต่ละทีมได้ทำงานส่วนใด การทำงานเป็นรูปแบบใด ก็ได้เห็นชัดเจนมากขึ้น มีทั้งเรื่องของการ Trainning ต่างๆ ก็ช่วยให้พัฒนาความรู้ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้นด้วยครับ

มี Lead และ Senior มีการแนะนำระบบในการออกแบบ Architecture
มีโยดาด้วยนะครับโผมมมมมม
มีคุณหลีดที่หน้าตาดี (แต่ดีสู้ผมไม่ได้หรอกกกก….)

บรรยากาศการทำงานก็อยู่ในระดับที่โอเคเลยครับผม มีเพื่อนร่วมงานที่โอเคครับ ได้ไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันบ่อยๆ และก็มีก๊วนของการไปกินบุฟเฟ่ต์ด้วยครับผมมม มีการละเล่นเกมการ์ดช่วงหลังเลิกงานเป็นบางเวลาบ้าง

นี่คือหัวหน้าแก๊งบุฟเฟ่ต์ครับโผมมมมมมมม
มี DirectX ให้เล่นด้วยยย เอ้ยยย Dixit ตะหากกกกกกกก

ถ้าใครอยากมาร่วมทำงานก็สามารถสมัครได้ครับโดยลิ้งบริษัทก็เป็น https://www.scale360solutions.com/ หรือทาง Facebook https://www.facebook.com/Scale360/ ตอนนี้ก็ยังมีการรับคนอยู่โดยขั้นตอนนี้ก็จะเป็นอีกหน่วยงานอื่นๆได้มีการจัดการเรื่องการรับคนด้วยตำแหน่งอื่นๆก็ยังมีนะครับเช่น BA , Frontend , QA etc …

สุดท้ายก็ขอบคุณสำหรับบริษัทที่นี่และบุคคลากรคนอื่นๆที่ทำให้ผมเก่งขึ้นได้ จากที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย จากทำงานไม่ค่อยได้สามารถทำงานได้และสามารถบริหารการจัดการเป็นมีทั้งเรื่องงาน การทำงานเป็นทีม Work-Life-Balance การเทรนนิ่งต่างๆ ทำให้ผมได้รู้จักเครื่องมือต่างๆ เทคนิคในการเขียน Code ขอขอบคุณครับสำหรับประสบการณ์ดีๆในปีแรก

--

--