จาก Backend Developer สู่การเป็น Acting QA/Tester ชั่วคราว … ว้าว ว้าว ว้าว

Ratapong Ruksasuk
Scale360 Engineering
2 min readNov 13, 2018

กลับมาอีกครั้งนะครับสำหรับเรื่องที่จะเขียนนี้เป็นประสบการณ์จากการทำงานที่เกิดขึ้นมาครับ ก่อนหน้านี้เคยลองเป็น Tester/QA มาแล้วเพราะขี้เกียจ Coding นั่นเอง ตอนนั้นที่ทำก็ยังไม่รู้และไม่เข้าใจตำแหน่งนี้มามากนัก หลักจากที่อยากเป็น Tester/QA แต่ก็ไม่ได้เป็นสุดท้ายก็ได้กลับมาเป็น Developer หลังจากนั้นทำ Dev ไปเรื่อยๆ จนกระทั้งต้องมาช่วย QA/Tester ทดสอบเพราะเนื่องจากงานที่ได้ทำส่วนของ Backend ที่ผมทำอยู่ฟีเจอร์ใน Sprint ได้ลดน้อยลง แต่ในส่วนของ Test ก็มีอยู่เยอะพอสมควรเลยโดนคุณหลีดให้ไปช่วยฝั่ง QA test ครับผม จะเป็นยังไงนั้น … ลุย !!!!

เริ่มและทำการ Testing ระบบ

การเป็น Acting QA นี่ บอกเลยว่าตอนแรกก่อนจะทำคิดว่า So Easy แต่พอได้ลองทำปุ๊ป โอ้ !!! ไม่เอาอีกแล้ว ไปนั่งเป็น Dev ต่อดีกว่า ทำให้ลืมความคิดอยากเป็น QA ทันที 55555. พอได้ลองทำในส่วนของ Manual Test จะได้ช่วย QA ลดภาระของงานได้บ้าง หลังจากเริ่มทำนั้นเงื่อนไขของการเล่นต่างๆทำให้ดูซับซ้อนเพราะ Dev บางทีเราได้ Coding ไม่ครบทุกฟีเจอร์ทั้งหมด พอได้มาลองกดเล่นก็อาจจะสับสนบ้าง เป็นบางที พอผมได้ทดสอบไปเรื่อยๆ ก็มีเจอบัค ก็บอกทีมให้แก้ มีแม้กระทั่งเป็นบัคของตัวเองก็ตาม 55555 แล้วก็ต้องไปรายงานผลลัพธ์ต่างหรือเซฟรูปภาพ อัดวิดีโอเพื่อให้ชัวร์ว่าในส่วนของ Feature นี้ใช้งานได้จริงๆ หรือบัคในส่วนนี้เกิดขึ้นจริงๆ.

ซึ่งจากการที่เราได้ลองเป็น Acting QA นั้นก็ทำให้รู้สึกว่าเรามองภาพรวมของงานได้ดีขึ้น มีบัคที่เราได้มองข้ามมันไปหรืองานที่เราทำไม่ละเอียดพอ เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ที่ได้ลองเป็นก็ทำให้เรามองปัญหาของ QA มากขึ้น , มองปัญหาของโปรแกรม , จัดการ Performance ของโปรแกรมให้ทำงานดียิ่งขึ้น … และช่วยให้เราเข้าใจตำแหน่ง QA ได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรบ้า

สิ่งที่ได้จากการเป็น Acting QA

เริ่มต้นเลยก่อนที่จะได้ลองจริงๆจังๆ ช่วง Sprint Planning ในเวลาจะประชุมคุยงานทำ Feature อะไรสักอย่างจากที่ผมเจอมา Dev จะชอบพูดแค่ว่าก็แค่จิ้มๆ เทสๆ งานไม่ได้ดูซับซ้อนอะไรมาก เวลาได้ให้คะแนน Story point ก็จะลืมมองในส่วนของ QA/Tester เลยทำให้ผมนั้นได้มีมุมมองในการทำงานมากขึ้นของ QA/Tester แม้กระทั่งตำแหน่งอื่นๆเช่นกัน เพราะบัคที่เกิดขึ้นมาเราก็ได้ทราบปัญหาว่าเกิดจากอะไรในส่วนไหนของโปรแกรมหรือ Business ที่ได้ทำขึ้นมามันถูกต้องหรือไม่ … ประมาณนี้ครับ

เพิ่มเติมม …. สิ่งที่คิดว่าช่วยให้ QA ทำงานได้ดีขึ้นในความคิดของผมเองนะ

  1. Automated Testing ช่วยทำให้ test ได้ง่ายขึ้น
  2. BDD ช่วยให้เราเข้าใจ Flow การทำงานของโปรแกรมได้ดีขึ้น
  3. ช่วยให้เข้าใจตำแหน่งอื่นๆของการทำงานว่าหน้าที่เขาทำอะไรยังไงบ้าง ไม่ใช่ว่าแต่ละตำแหน่งโบ้ยให้กัน เช่น การที่เราทำงานไม่เสร็จในทีมไม่ควรโบ้ยหากันควรจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาไปด้วยกันเพื่อให้ทำงานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

สุดท้ายยก็ขอขอบคุณประสบการณ์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจตำแหน่งของ QA/Tester ได้มากขึ้นว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง แล้วความยาก/ง่ายจริงๆประมาณไหน ขอบคุณประสบการณ์ที่ได้รับมาครับผม… ขอบคุณที่อ่านและติดตามนะครับ

--

--