ทำไงดี? อยากเป็น UX Writer แต่ไม่มีประสบการณ์
ถึงแม้ว่า UX Writer จะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างในประเทศไทยมากนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความต้องการ UX Writer นั้นกำลังเพิ่มมากขึ้น เพราะหลายองค์กรเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับข้อความบนหน้าจอ
เราเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้ก็คงมีความสนใจในสายงานนี้ไม่มากก็น้อย แต่อาจจะไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนดี เพราะไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย เราเองก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาก่อนเหมือนกันเลยอยากมาแชร์ 4 เคล็ด(ไม่)ลับที่จะช่วยทุกคนในการเปลี่ยนมาทำงานสาย UX Writer
1. ลงคอร์ส UX Writing
การลงคอร์ส UX Writing จะช่วยปูพื้นฐานด้านเขียนและสร้างความเข้าใจในเรื่องประสบการณ์ใช้งาน หรือ User Experience มากยิ่งขึ้น คอร์สที่เราแนะนำจะมี 2 คอร์ส ซึ่งเป็นคอร์สที่เราเรียนมาแล้วค่ะ
Fundamentals of UX Writing (UX Content Collective)
มี 7 บทเรียน:
- UX Writing คืออะไร
- การเขียนด้วยหลัก Voice and Tone
- การเขียนให้ Concise (กระชับ)
- การเขียนสำหรับ UI Component ต่างๆ
- การเขียน Style guide
- การทำงานร่วมกับทีมอื่นๆ
- การทำ Portfolio
**แต่ละบทเรียนจะมี 5–7 บทย่อย
ระยะเวลาเรียน: 2–6 เดือน
ข้อดี
- เหมาะสำหรับ Beginner ที่อยากเรียนรู้ UX Writing ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการทำงานของ UX Writer
- มีโค้ชตรวจการบ้านและโปรเจกต่างๆ พร้อมให้คำแนะนำ
- สามารถติดต่อโค้ชได้โดยตรงผ่าน Slack หากมีคำถาม หรือ ต้องการคำแนะนำ
- เป็นการเรียนแบบ Self-paced ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามเวลาที่สะดวก
- หลังทำไฟนอลโปรเจกและสอบไฟนอลผ่าน จะได้รับใบประกาศณียบัตร
- หลังจากเรียนจบ ก็ยังสามารถติดต่อโค้ชได้เสมอ
ข้อเสีย
- ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียน ผู้เรียนต้องสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับ C1 (สามารถทดสอบระดับภาษาอังกฤษได้ที่นี่)
- ส่งไฟนอลโปรเจกและสอบไฟนอลได้เพียงอย่างละ 2 ครั้ง หากไม่ผ่าน จะไม่ได้รับใบประกาศณียบัตร
- เรียนโดยการอ่านเนื้อหาเป็นหลัก
- ราคาคอร์สอยู่ที่ USD 1,600 หรือ ประมาณ 60,400 บาท (สามารถผ่อนจ่ายได้)
UX Writing (Skooldio)
มี 5 บทเรียน:
- UX Writing คืออะไร และต่างจาก Copywriting ยังไง
- ขั้นตอนการเขียน UX Writing
- หลักการเขียน UX Writing
- ทฤษฎีจิตวิทยาสำหรับ UX Writing
- การวัดประสิทธิผลของคอนเทนต์
ระยะเวลาเรียน: 3–4 ชั่วโมง
ข้อดี
- เหมาะสำหรับ Beginner ที่อยากเรียนรู้ UX Writing ตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการทดสอบคอนเทนต์
- สามารถติดต่อโค้ชได้โดยตรงผ่าน Skooldio หากมีคำถาม
- เป็นการเรียนแบบ Self-paced ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามเวลาที่สะดวก
- หลังเรียนจบ จะได้รับใบประกาศณียบัตร
- ใช้ภาษาไทยในการเรียน
- เรียนผ่านวิดีโอ
- ราคาคอร์สอยู่ที่ 1,990 บาท
ข้อเสีย
- ไม่มีโค้ชตรวจแบบฝึกหัดต่างๆ
- เนื้อหาไม่ได้เจาะลึกเท่ากับ Fundamentals of UX Writing
- ไม่มีโปรเจกไฟนอล หรือ การสอบไฟนอล จึงไม่สามารถวัดระดับทักษะ UX Writing ได้
2. ทำ UX Writing Portfolio
ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์ ก็ควรมี Portfolio นะคะ เพราะ Portfolio เป็นตัวช่วยในการแสดงทักษะและความรู้ของเราได้ดีที่สุดเลย สำหรับใครที่ลงคอร์สเรียน ก็สามารถนำแบบฝึกหัด โปรเจก หรืองานต่างๆ ของคอร์สลงใน Portfolio ได้นะ
ถ้ายังไม่มีโอกาสลงคอร์สเรียน ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะยังมีอีกหลายวิธี เพื่อนๆ สามารถทำ 15-Day UX Writing Challenge ของ UX Writing Hub ได้ค่ะ ทุกคนจะได้รับโจทย์ให้เขียนข้อความต่างๆ ผ่านอีเมลเป็นเวลา 15 วัน
“แล้วหลังจาก 15 วัน จะทำอะไรต่อดี ;-;”
อย่างที่กล่าวไปในตอนแรก ทุกวันนี้เราอยู่กับหน้าจอตลอดค่ะ เพราะฉะนั้นเราจะได้เห็นข้อความต่างๆ ของแอปพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ที่ใช้ในแต่ละวัน หากเจอข้อความที่เรารู้สึกว่า “เอ๊ะ! ข้อความนี้ควรเขียนใหม่นะ” เราสามารถนำข้อความนั้นมาเขียน Case study ได้ ซึ่งเป็นวิธีที่เราชื่นชอบมากๆ เพราะได้แสดงขั้นตอนการทำงานและความคิดของเราอย่างชัดเจนที่สุด
3. เข้าร่วม UX Writing Communities
มาจอย UX Writing Communities ตามแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Facebook group กันเถอะ! เพื่อนๆ จะได้รับข้อมูลใหม่ล่าสุดในวงการ UX Writing อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้าน User Experience หรือ ตำแหน่งงานในบริษัทต่างๆ ที่หลายคนอาจตามหาอยู่ 😁
หากมีคำถาม หรือ ต้องการคำแนะนำสำหรับการเขียน หรือ ทำพอร์ต สามารถเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกรุ๊ปได้เลย โดยกรุ๊ปหลักๆ ที่ควรติดตามมากที่สุดจะมีอยู่ 4 กรุ๊ป
- Microcopy & UX Writing (Facebook group)
- UX Writing Community (TH) (Facebook group)
- Daily UX Writing (Facebook group)
- UX Writers & Content Designers (LinkedIn group)
4. สมัครงานวนไป
การหางานตำแหน่ง UX Writer ในประเทศไทยอาจจะยากเล็กน้อย เพราะถือว่ายังเป็นตำแหน่งงานที่ยังใหม่อยู่ แถมบริษัทที่ต้องการ UX Writer ก็มักขอคนมีประสบการณ์อย่างน้อย 1–2 ปี เชื่อว่าหลายคนต้องถอดใจกันแน่ๆ ขอคุณสมบัติขนาดนี้ มือใหม่หลายคนคงจะไม่กล้าสมัครกัน
แต่ว่าเราแนะนำให้สมัครไปก่อนนะคะ ถึงแม้การสมัครงานที่เราไม่มีประสบการณ์โดยตรงอาจทำให้เราพบเจอกับการปฏิเสธหรือความเงียบงัน (ไร้การตอบกลับ) แต่อย่างไรก็ตาม หากเราสมัครไป เราก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับแบบทดสอบมาทำ หรือ เข้ารอบสัมภาษณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้พัฒนาทักษะของเราดียิ่งขึ้น
การลงสนามการสมัครงานนี่แหละ จะทำให้เรารู้ว่าบริษัทต้องการคนที่มีทักษะแบบไหนบ้าง และเราจะได้นำคำติชมมาพัฒนาตัวเองและเตรียมตัวสำหรับแบบทดสอบหรือการสัมภาษณ์ครั้งต่อไปในอนาคต มองการปฏิเสธเป็นการเรียนรู้กันนะคะ 😊
หวังว่า 4 เคล็ดลับของเราจะช่วยสร้างกำลังใจและเป็นประโยชน์สำหรับคนที่อยากเป็น UX Writer แต่ยังไม่มีประสบการณ์นะคะ เราเชื่อว่าใครๆ ก็สามารถเป็น UX Writer ได้ เพียงแค่รักการเขียนกับการทำความเข้าใจผู้ใช้ ก็เดินทางมาได้ครึ่งทางแล้วค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ ที่พร้อมลงสนามแล้ว ก็อย่ารอช้า เพราะทาง SCB TechX เปิดรับสมัคร UX Writer อยู่ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย ✨