[รีวิว] ไหนทำงานที่ SCB 10X เป็นไงบ้าง? เล่าให้ฟังซิ้

Kongpon Charanwattanakit
SCB 10X OFFICIAL PAGE
4 min readJun 14, 2021

ช่วงที่กำลังเขียนรีวิวนี้ น่าจะเป็นช่วงที่คนกำลังโยกย้ายหางานกันแน่ ๆ เพราะตัวเราเองก็เริ่มทำงานประมาณเดือนมิถุนายนนี่แหละ หลังจากที่เรียนจบมาหมาด ๆ และถ้าใครที่เริ่มทำงานช่วงนี้ ก็น่าจะทำงานครบปีแล้วเหมือนกัน อาจจะกำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่ก็เป็นได้ 👀

เนื่องจากมีคนถามเข้ามาเยอะมากกกกกกกก (ก ไก่ ล้านตัว) ว่าทำงานที่ SCB 10X เป็นยังไงบ้าง ดีไหม ทำงานเป็นไง รีวิวให้ฟังหน่อย มาเรื่อย ๆ จนตอบไม่หวาดไม่ไหว 5555555 ก็เลยเอาซะหน่อย เขียนลง Medium มันเลยละกัน

จะว่าไปเวลาก็ผ่านไปเร็วมากกก รู้ตัวอีกทีเราก็ทำงานเป็น Software Engineer ที่ SCB 10X มาได้ 1 ปีเต็มแล้ว 🎉 ก็เลยถือโอกาสมารีวิวมาเหลาให้เพื่อน ๆ ฟังละกัน ว่าที่ SCB 10X เนี่ย เค้าทำอะไรกันบ้าง ทำงานกันยังไง และผลลัพท์เป็นแบบไหน… ไปกันเล้ยยยยยยยยย 💨

SCB 10X — Venture Builder

ก่อนที่จะเริ่ม มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Venture Builder คืออะไร?

ทีมที่เราทำอยู่เนี่ย เค้าเรียกว่า Venture Builder อธิบายแบบลูกทุ่ง ๆ ก็คือ มันเป็นโรงงานผลิต Startup นั่นแหละ เราทำ Startup ขึ้นมาเองตั้งแต่แรกเริ่ม ค้นหาปัญหาจากการทำ User Research ตกผลึกจนเป็น Idea แล้วสร้าง Product ออกไปทดสอบตลาด ปรับเปลี่ยนแผน และพัฒนาโมเดลธุรกิจอยู่ตลอดเวลา

เป้าหมายหลักของทีม Venture Builder ก็คือการ Spin off บริษัทออกไปให้ได้ อารมณ์ประมาน เริ่มจากเป็นแค่โปรเจคเล็ก ๆ จนออกไปตั้งบริษัท Startup ที่ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้อะ 5555 โดยพนักงานที่ทำโปรเจคนั้น ๆ นั่นแหละก็จะออกไปเป็น Co-founder กันนั่นเอง

Venture Builder ไม่ใช่ Software House เราไม่ได้รับ Requirement มา แล้ว Dev ตาม Spec แต่เราคิด Feature คิดอะไรของเราเองตาม Feedback ที่ได้รับมาจาก User และคนในทีมเป็นคนกำหนด Direction ของโปรเจค

เราไม่ใช่ Venture Capital ที่ลงทุนลงเงินใน Startup แต่เราลงแรง ลงคน สร้างของขึ้นมาจาก 0 เรามีทีม Dev, Designer, Marketing และ Product Owner เป็นของตัวเอง

ที่ SCB 10X ทำงานกันยังไง?

วิธีการทำงานที่นี่จะเป็นแบบ Lean สุด ๆ โปรเจคนึงมีคนแค่ 3–4 คน ก็เริ่มทำได้แล้ว ประกอบไปด้วย Product Owner, Developer, Designer และ Marketing

เราเริ่มตั้งแต่การทำ User Research หาปัญหา หา Insight หรือ Opportunity ที่น่าสนใจ เพื่อมาต่อยอดเป็นไอเดียธุรกิจใหม่ ๆ แล้วก็เริ่มระดมสมอง Ideate กันว่า เราจะทำอะไรเพื่อมาตอบโจทย์คนเหล่านี้กันดีนะ พอคิดได้แล้วก็ไม่รอช้า ทำ Product เล็ก ๆ ขึ้นมาเป็น MVP (Minimum Viable Product) และออกไปเทสกับ User เพื่อรับ Feedback กลับมาพัฒนากันต่อ ทั้งหมดนี้อาจจะเป็น Cycle ที่ใช้เวลาไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ

ถ้าพิสูจน์แล้วว่ามันเวิร์ค มีคนอยากใช้จริง ๆ มันแก้ปัญหาได้จริง และเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน แน่นอนว่าเราก็จะพัฒนาต่อยอดกันไป และถ้าหากทีมคุยกันแล้วว่าไม่ค่อยเวิร์ค เราก็ไม่รอช้าที่จะหยุด และหาไอเดียใหม่ ๆ กันต่อไป

เครดิตรูป: http://www.tcdc.or.th/articles/design-creativity/20302/#Design-Thinking-for-Creative-Business-[เก็บตกเวิร์คชอป]

จากที่เล่ามา วิธีการทำงานออกจะเหมือนในรูปนี้เลย

คิด → ทำ → ทดสอบ/ล้มเหลว → เรียนรู้ → กลับมาคิดใหม่

ถ้าให้นิยามการทำงานของ SCB 10X Venture Builder ก็คงจะเป็น Fail Fast, Fail Cheap, Fail Forward และ Talk Less and Do More ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่เหมาะสำหรับขาลุยเลยแหละ 555

เอาจริง ๆ นะ จากการที่เราเคยคลุกคลีกับ Startup มาหลายที่ การทำงานที่ SCB 10X นี่เรียบง่าย และเร็วกว่า Startup อีกนะ 55555 เผลอ ๆ บางที Startup ยังต้องมีคุยนู่นคุยนี่ รอหัวหน้า รอพาร์ทเนอร์ รอนายทุน Approve อีกแหนะ

แล้ว Software Engineer ที่นี่ทำอะไรบ้าง?

Dev ที่นี่จะดูแลในด้านของ Tech ทั้งหมดเลย ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ 5555

เราไม่ได้มีแบ่งเป็นสาย Frontend, Backend หรือ​ DevOps แต่ Engineer ที่นี่ทุกคนเป็น Fullstack ทำเองตั้งแต่หน้าบ้านยันหลังบ้าน รวมไปถึง Deployment และ Scale โปรดักของตัวเอง ในโปรเจคนึงจึงมี Engineer แค่ 1–2 เท่านั้นเอง (สำหรับโปรเจคแรกเริ่ม)

Engineer ที่นี่ต้องมีความ Autonomous สูงมาก ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตา Dev ตามสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครสั่ง เราเป็น “เจ้าของ” โปรดักนั้นเอง ก็เลยต้องมีความเข้าใจในโปรดักของตัวเองด้วย มีความคิดริเริ่ม และ Bounce Idea กับคนในทีมได้

Platform ที่เราสร้างก็ไม่ได้ตายตัว ขึ้นอยู่กับ Requirement และความเหมาะสมของโปรเจคนั้น ๆ มากกว่า ถ้ามันควรจะเป็น App เราก็จะทำ App ถ้ามันควรจะเป็น Web เราก็จะทำ Web

Tech Stack หลัก ๆ ก็จะเป็นตระกูล Node.js, React และ TypeScript อย่าง Frontend เราก็จะใช้เป็น Next.js, Backend เป็น NestJS และ Deploy อยู่บน Google Cloud Platform ส่วน Mobile ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เรามีทั้ง Flutter ทั้ง Native และ React Native

Culture ล่ะ เป็นยังไงบ้าง?

โคตรดีย์

ปักไว้เป็นคำโต ๆ เลย ดีสุดตั้งแต่เคยทำงานมาละ ต้องบอกว่าที่นี่ให้ความสำคัญกับ “คน” และการ Build Culture สูงมาก

ใน SCB 10X มันก็จะมี Ritual ต่าง ๆ เช่น

Ideation

รวมหัวกันคิด Idea ใหม่ ๆ ใครพบเจอ Pain อะไร หรือมีไอเดียอะไรก็เอามาแชร์กัน จัดขึ้น 2 Week ครั้ง แล้วเก็บไว้ใน Backlog เป็นโปรเจคที่สามารถหยิบมาทำได้ในอนาคต

วิธี Ideate ของเราจะเป็นแบบ Divergent Thinking (รูปซ้าย) คือเน้นการเสริมไอเดีย ต่อยอดเพิ่มเติมไอเดีย เพื่อให้ได้ไอเดียมากที่สุด แทนการหาจุดด้อย หรือข้อจำกัดต่าง ๆ และปัดตกไอเดียไป

ส่วนตัวเรามองว่ามันดีมาก ๆ เพราะส่วนใหญ่ด้วย Culture และความเคยชินของขององค์กรในไทย มักเป็นการคิดแบบ Converge เวลามีคนเสนอไอเดีย มักจะมีแต่คนพูดถึงข้อจำกัด ข้อด้อย ทำให้ไอเดียไม่ถูกต่อยอด และสลายหายไปในห้องประชุมไปซะเฉย ๆ ในส่วนของการคิดแบบ Converge เราค่อยมาคิดหลังจากที่ไอเดียเยอะ ๆ หรือกำลังจะลงมือทำแล้วจะดีกว่า

สำหรับองค์กรที่ต้องการจะสร้าง Tech Startup ที่เปลี่ยนโลก มันมักจะเริ่มมาจากไอเดียกาว ๆ แบบนี้แหละนะ 5555

Knowledge Sharing

อันนี้ไม่มีอะไรมาก ก็ Knowledge Sharing อะนะ 5555 คนในทีมก็มาแชร์ความรู้ แชร์ประสบการณ์ให้กัน (2 Week ครั้งเหมือนกัน) บางทีก็มีคนข้างนอกมาแชร์ด้วย

ที่เราว่า SCB 10X มันต่างน่าจะเป็นเพราะความหลากหลายของคนที่นี่จริง ๆ เราเลยได้ฟังความรู้จากคนหลากหลายพื้นเพ หลากหลายประสบการณ์เลย ไม่ว่าจะเป็น วิธีการลงทุน เทคนิคการ Communicate เอย Blockchain เอย หรือแม้กระทั่ง… วิธีการเปิดร้านซูชิ

Demo Day

อันนี้เป็น Session โปรดเลย จัดขึ้น 1-2 Week ครั้ง โดยเราจะมาอัพเดทกันว่าในแต่ละโปรเจคเรา Launch อะไรไปบ้าง เพิ่ม Feature อะไรไปบ้าง Growth เป็นยังไง รวมไปถึง Feedback ที่น่าสนใจจาก User

ที่สนุกคือ แต่ละโปรเจคก็จะมาบลัฟกัน ว่าโปรเจคเราเจ๋งแค่ไหน 5555555 เช่นอวดความเร็วในการพัฒนาบ้าง อวด Growth เรทบ้าง หรืออวดบัคก็ยังมีนะ 555555

มันออกเป็นแนวการแข่งขันที่สร้างสรรค์มาก ๆ เราอยากพัฒนาโปรเจคของเราให้ดีขึ้น มาอวดเพื่อน ๆ ในออฟฟิศ เราได้เห็นเทคนิคใหม่ ๆ ที่คนจากโปรเจคข้าง ๆ เอามาโชว์ แข่งกันพัฒนาตัวเองแบบสนุกมากกกกก

แล้วที่นี่ทำโปรเจคอะไรไปบ้าง?

เยอะ เยอะมาก เยอะโคตร ๆ และหลากหลาย Industry มาก ๆ

มี Platform หารกันซื้อของ (Group Buy) เอย เว็บไซต์จองโรงแรมไม่เก็บค่า Comm. เอย แพลตฟอร์มหาของขายราคาส่งเอย หรือแม้กระทั่งแอปพลิเคชันพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์ จริง ๆ มีอีกเยอะมากเลยทั้งที่ Official Launch แล้ว และอันที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา รวมแล้วน่าจะเกิน 10 ตัวได้มั้ง 555

อย่างที่เคยว่า พวกเราเน้น Fail Fast, Fail Cheap, Fail Forward เราผ่านโปรเจคทั้งที่มัน Fail และที่ Success มาแล้ว เราผ่านทั้งวันที่ต้องทุกข์ระทมขมขื่นในการ Kill โปรเจคที่เรารัก และกระโดดดีใจในวันที่โปรเจคของเราได้ Spin off ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน 1 ปีของผม นับว่าเป็น 1 ปีที่คุ้มมากจริง ๆ แฮะ

ทำที่ SCB 10X มันดียังไง?

แน่นอนว่าเรื่องเงิน และ Benefits ต่าง ๆ ของ SCB 10X นับว่าสูงเป็นระดับต้น ๆ เลย (ดูต่อได้ที่ https://jobs.blognone.com/company/scb10x)

แต่ที่ต่างกับที่อื่นจริง ๆ คงเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ได้รับจากที่นี่มากกว่า ลองคิดดูว่า จะมีโอกาสแค่ไหนกันที่จะได้เห็น Cycle ของ Startup ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบขนาดนี้ ที่นี่เรามีตั้งแต่ Startup ที่กำลังตั้งไข่ Startup ที่กำลังค่อย ๆ เติบโต Startup ที่ Fail และ Startup ที่ Success

เราจะได้เป็น “เจ้าของ” ของโปรดักที่เราสร้าง เราสร้างมันมากับมือ เห็นมันตั้งแต่ยังเป็นแค่ไอเดียลอย ๆ จนกระทั่งมี User มาใช้งานเราอย่างจริงจัง ลองคิดดูสิว่าจะมีที่ไหนให้ประสบการณ์แบบนี้กับเราได้อีก 5555

สุดท้ายนี้ ถ้า Dev คนไหนสนใจมาร่วมงานกันที่ SCB 10X ก็ตามลิ้งไปเลยที่ https://jobs.blognone.com/company/scb10x หรือ ส่งเมลมาที่ join10x@scb10x.com ได้เลยยยย

--

--