เหมือนเดิมแปลว่าไม่เปลี่ยนแปลง

Proudpilai Rungruangsakorn
Sharing Citizen
Published in
1 min readJul 3, 2017

2 ใน 3 ของปี หรือ 8 เดือน หรือ 245 วัน นับเป็นเวลาที่ไม่น้อยจนไม่ได้ทำอะไร แต่ไม่มากจนเกินไป กับชีวิตในช่วงเวลาที่เรียกว่า Gap year

โลกไม่เคยยุติธรรม

.

ฉันเชื่อแบบนั้น

เราไม่ได้เลือกที่จะป่วย เราไม่ได้อยากดรอปเรียน และเราก็ไม่เคยต้องการ Gap year มาก่อน แต่อยู่ดีๆก็ป่วย อยู่ดีๆก็ต้องดรอป และอยู่ดีๆก็มี Gap year แบบงงๆ คนอื่นในชั้นเรียนก็มีความสุขดี หัวเราะได้ เรียนก็ไม่ได้ผ่านไปยากอะไร แต่ทำไมอยู่ดีๆเราก็ทำสิ่งที่เคยทำได้ไม่ได้เลย

บอกแล้ว ว่าโลกไม่เคยยุติธรรม

ก่อนที่จะหยุดเรียน เราไม่ได้เห็นข้อดีของการหยุดเรียนมากมายเลยด้วยซ้ำ เรารู้แค่ว่าหยุดไปน่าจะเกิดผลเสียในชีวิตน้อยกว่าเดิมก็เท่านั้น

ชีวิตไม่เคยเคว้งคว้างเท่านี้มาก่อน

ป่วยก็ป่วย ว่างก็ว่าง ไม่รู้จะทำอะไรดี เหมือนแค่ใช้ชีวิตไปวันๆ ก็ยังคิดอยู่ตลอดว่าหรือเราจะเลือกผิดที่ดรอปวะ แต่ก็นะ ถึงโลกจะไม่ยุติธรรมยังไง โลกก็คงจะมีด้านที่สดใสให้เราบ้างแหละ

โชคดีที่เราเคยอ่านบทความอยู่เรื่องนึง มีเนื้อหาประมาณว่า ถ้าเราทำเหมือนเดิมทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา แล้วผลลัพธ์ที่เกิด จะเปลี่ยนไปได้ยังไง มันหมายความว่า ถ้าเราอยากให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่เรายังนอนดึกตื่นสายทุกวัน ใช้ชีวิตว่างๆเล่นมือถืออ่านนิยายทั้งวัน คิดแบบเดิม ทำแบบเดิมอยู่ทุกวัน แล้วชีวิตเราจะดีขึ้นได้ยังไง

เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้เลิกเล่นมือถือ ไม่ได้เลิกอ่านนิยายหรอก แต่ก็ไม่ได้ทำทั้งวันแล้ว เราเปลี่ยนเอาเวลาที่เหลือมาหากิจกรรมทำ ทำกระเป๋าหนังบ้าง ไปอีเวนท์ฟรี ไปเวิร์คชอปฟรี ไปสัมมนาฟรี ไปเป็นอาสาสมัครโครงการต่างๆ นัดเจอเพื่อนเก่าๆ และอย่างอื่นอีก

สุดท้ายเราก็รู้ว่าโลกกว้างกว่าที่เราเห็นมากขนาดไหน

การเปลี่ยนแปลงย่อมให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนเดิม เป็นหนึ่งในหลายๆเรื่องที่เราได้เรียนรู้จากชีวิตนอกห้องเรียน หยิบมาใช้ และได้ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง

ในชีวิตนอกห้องเรียนนี้ เราไม่เคยใช้ชีวิตได้อิสระเท่านี้มาก่อน ได้เรียนรู้จักตัวเองและคนอื่นๆไปพร้อมๆกัน มีชีวิตที่สนุกและบ้าระห่ำกว่าที่เคยจินตนาการไว้ ผลมันมาจากการเปลี่ยนแปลงจุดเล็กๆในชีวิตที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนเราได้เห็นอีกด้านของตัวเราเอง

เหมือนที่ใครคนนึงเคยบอกเราว่า

โลกนี้ยังมีด้านที่สดใสอยู่เสมอ :)

--

--