แบ่งปัน Tips “คนสมัครเข้าร่วมงาน 164 คนภายใน 23 ชั่วโมง ทำได้ยังไง”
Course ล่าสุดของ Sharing Citizen จัดร่วมกับ Growth Cafe & Co. + YEAH
55 Comment+/ 119 Shares+ ใน Original Post / 5,000 Reach + ในแต่ละเพจ[รวมๆ 2 หมื่น Reach+]
892 Clicks , 164 คนที่กรอกใบสมัครแล้ว [ถ้าใครที่สมัครมาจะรู้ว่าคำถามเยอะมาก และใช้เวลาตอบไม่ต่ำกว่า 10 นาที]
ตัวเลขทั้งหมดทั้งมวล **ไม่มีการยิง Ads ใดๆทั้งสิ้น
พวกเราทำได้ยังไงมาดูกัน
“สำหรับใครที่ยาวไปไม่อ่าน ผมสรุปคร่าวๆให้เลยละกันครับ
Right place = หาpage ที่ตรงtargetที่คุณอยากให้เข้างาน แล้วอัดงบโฆษณาไปกับเพจเหล่านั้นซะ อย่างกรณีนี้ งานของผม Target วัยรุ่นไฟแรงอยากทำbusiness / startup ก็อัดที่เพจ YEAH / Sharing Citizen /GLURR.com รัวๆ
Right demand = หา insight ว่าคนอยากเข้างานแบบไหน อย่าคิดไปเองว่าที่เราจัดมันดีงาม guestโครตดัง ใครๆก็มาแหละ
Right team = ทีมที่จัดงานรู้เรื่องในtopicของอีเว้นคุณหรือป่าว พวกเขาเคยมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานที่คุณจะจัดไหม?”
1.Brand
ด้วยตัว Brand YEAH / Sharing Citizen ค่อนข้างชัดเจนว่า คิดถึงสองbrand นี้แล้วจะคิดถึง “วัยรุ่นไฟแรง” “ที่ๆวัยรุ่นพัฒนาตัวเอง” สามารถไปไล่ดู Event ที่จัด / content ที่โพสในเพจ 2 เพจนี้
เพราะฉะนั้นเวลามีงานอะไรที่ถูกแชร์ใน 2 เพจนี้ จะดึงดูดวัยรุ่นเป็นพิเศษ
2.Message ที่สื่อออกไป [ มาจาก Pain + What we have + Demand ]
ก่อนที่เราจะ Launch course พวกเราได้จัดงาน “YEAH Meetup #3 Growth Edition CLICK เพื่ออ่านรีวิวงาน” และ “Pre course meetup[รูปซ้าย]”
เราได้ทำ Design Thinking process กันในงานทั้ง 2 งาน เพื่อให้ได้ ‘Insight’ ของ ผู้เรียน ว่าเขามี lifestyle ยังไง / มี Pain อะไรในปัจจุบัน / Environment ที่เขาอยู่เป็นยังไง
เวลาเราหา insight จำไว้เสมอครับว่า “Question is important then the right answer”
อย่าเซทไว้ในหัวว่าเราอยากได้ยินคำตอบแบบไหนจาก user
แต่ให้เรา “unlearn to learn” คือ ลืมทุกสิ่งที่เคยรับรู้มาในอดีตที่ทำให้เรามโนไปเอง ว่าคนที่เรากำลังถามจะตอบแบบที่เราคาดหวัง
นั่นคือวงกลมแรกที่เราได้มา “Pain”
มาต่อกันด้วยวงกลมที่ 2 What we have = ตอนนี้เรามี partner จาก Growth Cafe & Co. ที่มี Vision คล้ายๆกันคือ “Empower YOUTH” พี่ๆจากGrowth ยินดีที่จะช่วยออกแบบcourse ให้กับน้องๆมหาลัย + ให้ใช้สถานที่ฟรี
ผนวกกับYEAH + Sharing Citizen ซึ่งมีฐานแฟนคลับ ของวัยรุ่นจากการที่จัดงานมา 20 กว่างานใน 2 ปีที่ผ่านมา
จำง่ายๆ What we have = “Value proposition” สิ่งที่คุณ และ partner มี เติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้เกิด outcome บางอย่าง [ซึ่งoutcomeในที่นี้คือ Growth = สถานที่ + mentor เก่งๆในด้านต่างๆ / YEAH + SC = reach ถึงวัยรุ่นไฟแรงเพียงปลายนิ้วคลิก ]
วงกลมที่ 3 “Demand” ตอนที่เนปประชุมกับพี่ๆGrowth ในเดือนก่อน เราได้แชร์จากฝั่งนักศึกษา และ จากฝั่งผู้ประกอบการ เราหาจุดDemand ร่วมกัน
ซึ่งนั่นก็คือ ฝั่งนักศึกษาการเรียนแต่ในห้องเรียนไม่พออีกต่อไป จะต้องSelf learning เป็นด้วย ฝั่งผู้ประกอบการเวลารับเด็กจบใหม่ล้วนปวดหัว เพราะขาด Skill + ทักษะในการทำงาน ทำให้ต้องเสียเวลาเทรนด์อีก
เห็นได้ชัดเจนว่ามีDemandจากฝั่ง นศ ว่าอยากเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานจริงในอุตสาหกรรมที่ตัวเองสนใจ
3.Dream team
งานดีๆจะไม่เกิดขึ้นหากขาด “ทีมงาน” คุณภาพ
บ่อยครั้งที่ผมเห็นหลายๆงานที่จัดแล้ว “ไม่มีคนมา” ทั้งๆที่มีGuest speaker โด่งดัง มีอาหารเลี้ยงในงาน / หรือ “คนมาเยอะๆแต่ดันไม่ใช่Targetที่เราอยากให้เข้างาน” ส่วนนี้อยากให้ตั้งใจอ่านครับ
ทีมคุณควรประกอบด้วย
—Community Builder : คนที่อยู่ในแวดวง / วงการนั้นๆ / คนๆนี้จะเป็นคนที่คอยอัพเดตข่าวสารให้คนในcommunity นั้นๆ หน้าที่ของเขาคือคล้ายๆผู้กำกับ เขาจะรู้จักคนในวงการค่อนข้างดี และรู้ว่าTrendในวงการนั้นๆเป็นยังไง เพราะฉะนั้นเวลาจะจัดงานเขาจะรู้เลยว่าถ้าเกิดจะจัดให้….[เช่นให้นักศึกษา, Topic “Market Validation”]… เขาจะประมวลข้อมูลในหัวว่าจะจัดกี่ชั่วโมงดี / เชิญใครมาเป็น Guest ดี / จัดยังไงให้ได้ประโยชน์ทั้งคนเข้างาน และ Guest
- หากทีมจัด event ของคุณไม่มีคนนี้ = ร่างกายที่ไม่มีหัวใจ
—Event Experience Designer : คนที่เข้าใจเรื่องของ User journey touchpoint “Pre / During / After Event” จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในแต่ละstage ก่อนงานคนเข้าร่วมจะได้เสพย์ข้อมูลอะไรบ้าง ระหว่างงานเขาจะได้รับประสบการณ์อะไรบ้าง และหลังงานเขาจะรู้สึกอย่างไร จะคอย keep contact
- ไม่มีคนนี้ = ร่างกายที่ขาดเลือดหล่อเลี้ยง
— Designer / VDO editor / Staff วันงาน
ทีมที่ทำงานด้วยทุกคนล้วนเคยจัดงานมาก่อน [จะบอกว่าส่วนใหญ่ยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ / หรือถ้าจบแล้วจะเคยอยู่สภานิสิต-ชมรมอะไรสักอย่างมาก่อน ]
ถ้าใครไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน ก็ยินดีที่จะรับมาทำงานด้วย โดยจะดูจากความ ‘กระหาย’ เป็นหลัก กระหายที่จะอยากเรียนรู้ไหม กระหายที่อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันไหม
Hard skill สอนกันง่าย แต่ Soft skill สอนกันยาก
เขียนประมาณนี้ละกันครับ อยากรู้อะไรเพิ่ม comment มาด้านล่างเลยนะครับ
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณสนในเรื่องนี้มากๆแน่ๆเลย คุณกำลังต้องการพัฒนาSkill Event Management อยู่ละสิ?
[กรกฏาคม — พฤศจิกายน 2017] สมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อเพิ่มSkill Event management & Digital Marketing ของคุณได้นะครับ >> Click <<
ส่วนพี่ๆท่านใดที่ชอบงานแบบนี้ อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการได้แบ่งปันประสบการณ์ให้น้องๆ สามารถสมัครเป็น Coach / Mentor หรือ Sponsor งานของพวกเราได้ที่นี่เลยครับ >> Click <<