มาลองใช้ System Center Orchestrator จัดการควบคุมการทำงาน IT แบบอัตโนมัติกันเถอะ!

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จัก System Center Orchestrator
กับการทำงานแบบ Automation ค่ะ แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับ System Center Orchestrator เรามารู้จักกับระบบ Automation กันก่อนดีกว่าค่ะ

ในปัจจุบันองค์กรต่างๆมีการนำระบบ Automation เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มคุณภาพ, ลดค่าใช้จ่าย, และยังประหยัดเวลามากขึ้นอีกด้วย มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในองค์กรขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ แล้วระบบ Automation ที่ว่ามันคืออะไร? เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Automation กันก่อนดีกว่าค่ะ

Automation คืออะไร?

คือ การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆมาสนับสนุนการทำงานของมนุษย์ หรือ ทำงานทดแทนมนุษย์ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กร ปัจจุบันมีการนำ Automation มาใช้ในการทำงานอย่างหลากหลาย เช่น ควบคุมการผลิตสินค้าในโรงงาน หรือควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เป็นต้น

Automation ในแง่ของระบบงาน IT มีหลักการทำงานคือการทำให้ระบบทำตามคำสั่งหรือโปรแกรมที่จัดวางไว้อัตโนมัติ และมีการควบคุมการทำงานต่างๆโดยมนุษย์ ยกตัวอย่างเช่น การ Provisioning VM ใหม่ หรือการตั้งค่าระบบต่างๆค่ะ

จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่า หากเราต้องการทำ Provisioning VM ใหม่ ด้วยวิธีแบบ Manual เราอาจจะต้องใช้จำนวนคนมากกกว่าวิธีการทำแบบ Automation ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถจัดการงานทั้งหมดได้รวดเดียว โดยที่มีคนคอยควบคุมดูแลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เห็นไหมคะ ว่าการทำ Automate นั้นช่วยประหยัดเวลาและจำนวนคนไปได้มากเลยทีเดียวค่ะ

มาดูตัวอย่างเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นกันดีกว่าค่ะ

หากให้ห้องคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งมีคอมพิวเตอร์ประมาณ 40 เครื่อง คุณครูต้องการติดตั้งโปรแกรมลงในเครื่องเพื่อเตรียมการสอนให้นักเรียน หากคุณครูต้องทำการติดตั้งโปรมแกรมด้วยตนเองทีละเครื่อง จนครบ 40 เครื่อง ก็คงจะใช้เวลาไม่น้อย หรือหากมีเครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น ก็จะเสียเวลามากขึ้นไปอีกค่ะ

ดังนั้น การทำ Automation จึงตอบโจทย์และเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการช่วยสนับสนุนการทำงานต่างๆในปัจจุบัน

ประโยชน์ของการทำงานแบบ Automation ?

1. ลดเวลา และลดค่าใช้จ่ายในด้านแรงงานที่ดำเนินการโดยมนุษย์ เนื่องจากในอนาคตระบบสารสนเทศในองค์กรมีโอกาสเติบโต การเปลี่ยนแรงงานจากคนเป็นระบบ Automation จึงเป็นตัวเลือกที่ดี

2. ความสามารถในการผลิตที่เพิ่มขึ้น การทำงานที่รวดเร็วและสามารถกำหนดเวลาเริ่มและสิ้นสุดได้ ย่อมให้ผลผลิตที่มากกว่า เนื่องจากการสั่งงานผ่านโปรแกรมเป็นอะไรที่สามารถควบคุมได้มากกว่ามนุษย์ เพราะหากเกิดการเจ็บป่วย ก็จะไม่มีผลกระทบต่อระบบงาน

3. คุณภาพของงาน ระบบ Automation จะทำงานตามโปรแกรมที่ได้ออกแบบไว้ ทำให้มีความแม่นยำ และ เสถียรภาพ

จะเห็นได้ว่าการนำหลักการ Automation มาใช้สามารถเพิ่มความรวดเร็วให้กับระบบงานได้เป็นอย่างมาก เพราะการทำงานหรือกระบวนการต่างๆ แบบ Automation ต้องอาศัย Tools หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์บางโปรแกรมในการใช้งาน ซึ่ง Automate Tools ที่เราจะนำมาพูดถึงใน Blog นี้ คือ
“System Center Orchestrator” นั่นเองค่ะ จัดได้ว่าเป็น Tools ที่น่าสนใจตัวนึง
และใช้งานไม่ยาก ไปดูกันเลย

System Orchestrator = Application + Automation

System Orchestrator คืออะไร?

คือ ระบบจัดการและการควบคุมทรัพยากร IT แบบ ระบบ Application Automation เช่น จัดการ Tasks หรือ Activities ต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพราะใช้วิธีการทำงานแบบ Automated ประหยัดทั้งเวลา และ บุคลากร

Orchestrator Architecture ประกอบไปด้วย

1. Runbook คือ Workflow ที่ออกแบบ เพื่อสร้างระบบการทำงานอัตโนมัติ ประกอบด้วย Activities ที่มีเอกลักษณ์การทำงานแบบเฉพาะตัว ที่มีเส้นในการเชื่อมต่อ เรียกว่า Link สามารถสร้างเงื่อนไขได้ด้วยเช่น if-then-else
2. Management Server คือ ตัวกลางที่ใช้ในการติดต่อระหว่าง Runbook Designer และ ฐานข้อมูลที่เรียกว่า “Orchestration Database”
3. Runbook Designer คือ เครื่องมือที่ใช้ในการสร้าง Runbook Workflow สามารถใช้สร้าง, แก้ไข และจัดการ Runbooks มาพร้อมกล่องเครื่องมือที่มี Activities ต่างๆมากมายที่ใช้ในการสร้าง Workflow
4. Runbook Server คือ เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ควบคุมและสั่งงานของ Runbook สื่อสารโดยตรงที่ Orchestrator Database เราสามารถมีเซิร์ฟเวอร์ Runbook หลายเครื่องได้เพื่อเพิ่มความสามารถในการโหลดข้อมูลและเพิ่มความจุของระบบให้มีความพร้อมในการ ใช้งานสูงขึ้น
5. Runbook Tester คือ Tool ที่ใช้ในการเทส Runbook ช่วยในการทดสอบการทำงาน โดยจะมีการส่ง Log ต่างๆมาเก็บไว้ เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเจอได้ในระหว่างการใช้งาน
6. Orchestration Database คือ Database ที่ใช้เก็บค่า Runbook Jobs Logs และ Runbook Workflow
7. Orchestration console คือ ตัวจัดการ runbooks แบบ Real-time ใช้ดู Activity ของ Runbook Workflow สามารถ Start-Stop การทำงานได้ตลอดเวลา และเป็นตัวรวบรวมข้อมูลสถานะของ Runbook แบบ Real-time เครื่องมือนี้เป็นส่วนเชื่อมต่อกับ Web browser จึงสามารถ Remote เข้าถึงได้

จากภาพด้านบนเป็นตัวอย่างการทำงานของ System Orchestrator
เริ่มต้นจากนักพัฒนาใช้ Runbook Designer ในการสร้าง Workflow คำสั่งต่างๆ
ที่เราต้องการให้ระบบทำงาน เมื่อสร้างเสร็จแล้ว Workflow จะถูกบันทึกลงใน Database เมื่อมี Jobs หรือคำสั่ง Run Flow เกิดขึ้น Management Server จะทำหน้าที่ดึงคำสั่งของ Workflow ที่อยู่ในฐานข้อมูล ส่งต่อให้ Runbook Server ทำงานตาม Jobs การทำงานในส่วนนี้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบ Status ของงานที่ได้ที่ Web Console ซึ่งจะคอยแจ้งเตือน Status และ Log ต่างๆผ่านหน้าเว็บนี้ได้

Get Basic started with Runbook Designer

วิธีการสร้าง Automate Activities นั้น เราต้องมาสร้าง Workflow กันที่
“Runbook Designer” ตามรูปด้านล่างนี้ค่ะ

เรามาเริ่มออกแบบ Workflow กันเลยค่ะ

ในที่นี้เราจะสร้าง Runbook แบบ Simple โดยให้เปิด Task Manager ขึ้นมาค่ะ

1. เปิดหน้า Runbook Designer ขึ้นมา โดยกำหนดค่า Initialize Data เป็นเป็นชื่อ Computer Name จากนั้นทำการ ลาก icon “Run Program” และ ใส่ Path ของ Task Manager ที่เราต้องการเปิด ซึ่งโดยปกติ Task Manager จะอยู่ใน
   Drive C:\Windows\System32\Taskmgr.exe
   มา Set ค่า ตามรูปด้านล่างได้เลยค่ะ

2. ต่อมาเราก็มาเพิ่ม Condition ให้กับ Flow ของเรากันค่ะ
โดยให้เก็บค่า log ไว้เมื่อทำงาน Success หรือ หากทำงาน Failed ก็ส่ง Log มาเก็บเช่นกัน เพื่อที่เราจะได้ทราบ Error ของการ Failed นั้นๆ

3. หลังจากที่เราวาด workflow แล้ว ก็มาทดลอง Test กัน โดยที่กดปุ่ม
“Runbook Tester” ด้านบนขวา ก็จะเข้าสู่หน้า Test แล้วค่ะ แล้วก็เช็คผลลัพธ์ได้เลยแค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยของกระบวนการ Test ค่ะ

เสร็จเรียบร้อยแล้ว… Task Manager ของเรา ตามรูปด้านล่างนี้เลย^^

ก็จบแล้วนะคะสำหรับ System Center Orchestrator กับการทำงานแบบ Automation หวังว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆจะได้ประโยชน์จากบทความนี้กันนะคะ

อ้อ~ อย่าลืม กดไลค์กดแชร์เพื่อแบ่งปันความรู้ แล้วพบกันใหม่ Blog หน้าค่ะ
สามารถกดติดตามข่าวสารกับพวกเราได้ที่ Medium & FB: Sirisoft นะคะ^^