ไม่ต้องจบตรงสาย ก็มาเป็น Dev ที่ Sirisoft ได้ !!
สวัสดีครับ มอสนะครับผม ตอนนี้กำลังทำงานในตำแหน่ง Software developer ที่บริษัท Sirisoft ครับ วันนี้มีบทความที่อยากเล่า และคิดว่าน่าสนใจเกี่ยวกับการย้ายสายการทำงาน มาทำงานด้านสาย IT มาเล่าให้ฟังครับ
ทุกคนคงพอจะทราบกันอยู่แล้วนะครับ ว่าถ้าพูดถึงหนึ่งในสายงานที่มีรายได้ค่อนข้างดี มีความมั่นคง เป็นสายงานที่มีความต้องการในตลาดที่เยอะ และเป็นสายงานที่มีความ universal สายงานที่ต้องถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆคงจะหนีไม่พ้นสายงานทางด้าน Tech หรืองาน IT นั่นเองครับ โดยเจ้างาน Tech นี้ ก็จะแตกแขนงออกไปเป็นตำแหน่งอื่นๆอีกมากมายเลย โดยวันนี้จะมาพูดถึงเกี่ยวกับอาชีพ Software developer หรือที่เข้าใจกันในแบบบ้านๆว่าโปรแกรมเมอร์ก็ไม่ผิดนักครับ
ทุกวันนี้เทคโนโลยีนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากๆ และมันอยู่รอบตัวเราจริงๆครับ โดยสำหรับคนที่มีความสนใจและชื่นชอบด้านเทคโนโลยี ด้านภาษาอังกฤษ ด้านการคิดคำนวณ หรือด้านการเขียนโปรแกรม ไอเดียในการผันตัวเองมาทำงานในสาย Tech ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของการย้ายสายงานที่น่าสนใจมากๆ เนื่องจากในปัจจุบัน งานในสาย Tech หรือ IT นั้น มีการพัฒนาและขยายตัวอย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งย่อมส่งผลให้ตลาดมีความต้องการผู้ที่จะมาดูแลหรือพัฒนาทั้งในแง่ของ Hardware และ Software มากขึ้นตามไปด้วย เพื่อมาตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของคนนี่เอง
บางคนอาจกังวลว่าถ้าไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เลยนั้นจะสามารถย้ายสายมาทำงานได้มั้ย ถ้าตอบแบบสั้นๆเลย คือ ถ้าคุณเป็นคนที่ทำได้โอเคในการเรียนสมัยมัธยมหรือมหาวิทยาลัย เป็นคนที่ช่างสงสัย เป็นคนที่ชอบในการหาคำตอบ และเป็นคนชอบคิดแก้ไขปัญหาแล้วล่ะก็ สามารถทำงานได้แน่นอนครับ แต่อย่างน้อยๆก่อนที่จะเริ่มในการหางานหรือมาร่วมทีมกับพวกเรา ก็ควรจะต้องมีของ หรือมีสกิลอะไรที่สำคัญติดไม้ติดมือเข้ามาบ้างนะ เพราะในสายงานนี้ เชื่อเลยว่าไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ก็ต้องอยากได้บุคคลที่อย่างน้อยๆเลย ต้องมีความรู้และความเข้าใจในบทบาทของตนเอง ต้องสามารถทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้ รวมไปถึงประสานงานร่วมกับคนในทีมได้ มีการสื่อสารกันได้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน และกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอครับ
แล้วก่อนจะไปสู่ด่านนั้นได้ ต้องทำอะไรบ้างล่ะ?
เขาว่ากันว่า เราต้องรู้จักและรักในสิ่งที่ตัวเองทำก่อน ถึงจะสามารถอยู่และสามารถทุ่มเทกับมันได้ เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเลย เราควรจะรู้ก่อนว่าเราชอบอะไร ถนัดอะไร หรือมีความสามารถด้านไหนติดมา เพื่อจะสามารถนำไปสู่การสร้าง Roadmap หรือแผนสำหรับการฝึกฝนให้ตัวเองได้ในระยะเวลาที่เราตั้งไว้เอง อย่างเช่น เราอาจจะถนัดเรื่องการออกแบบ หรือสนใจเกี่ยวกับเรื่อง UXUI ก็อาจจะตั้งเป้าหมายไว้ที่ตำแหน่ง Web designer / Front end developer หรืออย่างเราอาจจะชอบและสนใจเกี่ยวกับมือถือ เกี่ยวกับการทำแอปพลิเคชัน ก็อาจจะลองตั้งเป้าหมายไว้ที่ตำแหน่ง Mobile developer ประมาณนี้นั่นเอง ส่วนหลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของการฝึกตามเป้าหมายแล้วล่ะ Consistency is a key นะ อย่าลืมข้อนี้เด็ดขาดเลย
และสำหรับการฝึกฝนนั้น อยากให้โฟกัสไปท่ีเรื่องที่เป็น Fundamental หรือพื้นฐานที่สำคัญของการเขียนโปรแกรมจริงๆ ไม่ใช่โฟกัสที่ภาษาใดภาษาหนึ่ง เพราะพื้นฐานที่สำคัญ จะสามารถต่อยอด และส่งผลให้เราเข้าใจหลักการ จนสามารถประยุกต์ใช้กับทุกภาษาได้อยู่แล้วนั่นเอง การเข้าใจพื้นฐานของการทำงานจะนำไปสู่การใช้งานภาษา หรือการเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หมั่นฝึกฝนการคิดแบบ logical ไประหว่างทางไปด้วย เพราะการจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการนั้น ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบเพียงแค่คำตอบเดียว แต่กลับกัน ตัวเราเองจะเป็นคนเลือกสร้างคำตอบให้กับปัญหานั้นๆ ลองหาทางออกหลายๆวิธี คำนึงถึงประสิทธิภาพของคำตอบหรือทางเลือกของเรา ข้อดี ข้อเสีย ไปจนถึงเรื่องของ Best practice ต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสามารถจดจำเป็นประสบการณ์สำหรับการแก้ปัญหานั้นๆ หรือเรื่องอื่นๆที่อาจจะเกี่ยวข้องได้ง่ายมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา และมี Learning curve ที่อาจจะค่อนข้างชันในช่วงแรก สนุกไปกับมัน แล้วเราจะมีความสุขกับการทำตามเป้าหมายตรงนี้ได้ง่ายขึ้น ไม่มีตำราตายตัวที่จะมาบอกว่าวิธีการเรียนรู้ของเราควรเป็นแบบไหน แต่เส้นทางที่เราเลือกนั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเอง อยากให้สม่ำเสมอ เชื่อใจในตัวเอง แต่ไม่มั่นใจเกินไป เพราะระหว่างทางก็ยังมีอีกหลายอย่างมากมายรอให้เราไปเรียนรู้และค้นพบจริงๆ
ตัวอย่างการวางแผนคร่าวๆ โดยดูเป็น ref แค่เอาไอเดียก็พอนะ ไม่ต้องรู้เป๊ะทุกอย่างขนาดนั้นก็ได้ ลองใช้เจ้าเว็บข้างต้นนี้เป็นโครง แล้วลองมาหาข้อมูล วางแผนเองอีกที
โดยการฝึกหรือเป้าหมายของเรานี่แหละ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาทักษะที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับความรู้ที่จะใช้ในการทำงาน โดยการเรียนรู้หลักการและภาษา Programming ต่างๆของสายที่เราสนใจอย่างที่กล่าวไปข้างต้น จะช่วยสร้างความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการเขียนโค้ดในงาน Software Developer นั่นเอง โดยอย่างที่บอกไปข้างต้น พยายามมองภาพกว้างๆไว้ก่อน จากนั้นจึงค่อยโฟกัสเจาะลึกเข้ามา หาข้อมูลเกี่ยวกับความนิยม ความจำเป็น และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อเปรียบเทียบว่าเวลาที่เรามีอยู่นั้นสามารถครอบคลุมได้หมดมั้ย เรื่องการฝึกใช้เครื่องมือและโปรแกรมต่างๆที่สำคัญ เช่น Git, Visual Studio Code และอื่นๆ จะช่วยให้เราทำงานร่วมกับทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้ การศึกษาและติดตามข่าวสารเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา Software อย่างสม่ำเสมอนั้น ยังช่วยให้เราเข้าใจแนวโน้มและหลักการทำงานเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราควรเตรียมตัวเพื่อการเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะสายงาน Software Developer เป็นสายงานที่ต้องพัฒนาทักษะและเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอเลยล่ะ
การเรียนรู้ของเราทีละก้าวเนี่ยแหละ จะนำไปสู่การสร้างผลงานของตนเอง เช่น การสร้างแอปพลิเคชัน เว็บไซต์หรือโปรแกรมต่างๆ ซึ่งการทำโปรเจคเป็นของตัวเองจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานด้าน Software Developer ได้อย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มทักษะของตัวเองแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของตัวเราเองผ่านการทำงานจริงๆด้วย เริ่มต้นจากการเลือกเทคโนโลยีที่ต้องการฝึกฝน เรียนรู้วิธีการใช้งาน และเมื่อเรามีความรู้พื้นฐานในการใช้งาน ลองเริ่มสร้างโปรเจคที่เป็นผลงานของเราเองขึ้นมาดู อาจจะเป็นโปรเจคเล็กๆที่ช่วยแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน หรือโปรเจคที่เติมเต็มสิ่งที่เรานั้นชอบและอยากทำ จากนั้นเพิ่มความซับซ้อนไปเรื่อยๆ ขัดเกลาและนำเสนอมันออกมาให้เป็นสิ่งที่ใช้งานได้จริง นอกจากนั้นยังช่วยให้เรามีโอกาสที่จะแสดงความสามารถที่มีให้ผู้สัมภาษณ์เห็นได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะ
และไม่ว่าจะกี่โปรเจคหรือกี่งานที่เราฝึกทำมา ลองเอามาปัดฝุ่น ตกแต่ง จัดเรียง แล้วรวบรวมเพื่อนำเสนอ เป็นเหมือนการขายตัวเองหรือขายงานตัวเองผ่าน Portfolio ดู โดยเจ้า Portfolio เนี่ยจะช่วยดึงดูด และสร้างความโดดเด่นจากผู้สมัครคนอื่นได้เป็นอย่างมากเลยล่ะ
ลองดูตัวอย่าง portfolio พวกนี้ที่ทำหน้าที่แทนคำแนะนำตัวเป็นพันๆคำสิ สุดจะเท่เลยไม่ใช่หรอไง อาจจะทำให้เราเกิดไอเดียบางอย่างขึ้นก็ได้นะ
การเตรียมตัวสัมภาษณ์
เรื่องการสอบเข้าหรือการสัมภาษณ์ในการทำงานนั้น เรียกได้ว่าสำหรับสายอาชีพนี้เป็นเรื่องที่แทบจะเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะ แต่ถ้าเราเตรียมตัวมาดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเลย ยิ่งไปกว่านั้นในทางกลับกัน การนำเสนอตัวเองผ่านการสอบและการสัมภาษณ์นั้น สามารถสร้าง Impact และ Impression ที่ดีให้กับผู้สัมภาษณ์ได้อย่างชัดเจนถึงตัวตนและความสามารถของเราอีกด้วยซ้ำ การทำทดสอบเพื่อทำสัมภาษณ์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำโจทย์หรือเขียนโค้ดสดๆต่อหน้าผู้สัมภาษณ์ การสัมภาษณ์ปากเปล่า การทำข้อสอบ Take home ภายในเวลาที่กำหนด เป็นต้น
การเริ่มต้นในการหางาน ประกอบกับการที่เราจบไม่ตรงสาย แน่นอนอยู่แล้วว่าไพ่บนมือของเรานั้นแต้มน้อยกว่าคนอื่นแน่นอน แต่อย่างที่บอก การมีหลักฐานหรือเครื่องยืนยันว่าเราตั้งใจ และสามารถทำงานได้จริงๆ จึงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์ต่อบริษัท หรือผู้สัมภาษณ์ที่จะรับเราเข้าทำงาน แอบเกริ่นให้ฟังว่าข้อสอบของที่ Sirisoft นั้น มีความท้าทายอยู่พอตัวเลย เพื่อคัดคนที่มีของดี หรือมีความสามารถจริงๆ เพราะฉะนั้นก่อนจะมาก็เตรียมตัวเตรียมใจกันให้ดีล่ะ อย่ามาสายนะ
จะจบแล้ว สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกว่าการย้ายสายงานนั้นเป็นเหมือนโอกาสในการพัฒนาตนเองและเปลี่ยนแปลงตัวเองในการทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน จากที่ลองอ่านๆมาเนี่ย รู้สึกมั้ยว่ามันมีหลายอย่างเหลือเกินที่เราต้องทำ ซึ่งก็เมคเซนส์นะ เพราะเรานั้นก็เริ่มต้นช้ากว่าคนอื่นจริงๆ ถึงได้บอกเลยว่านี่เป็นการวางแผนในระยะยาว อยากให้ตั้งใจ จะได้ไม่เสียเวลามากเกินไปสำหรับการลองผิดลองถูก การเตรียมตัวสำหรับงานด้าน Software Developer ไม่ได้จำเป็นต้องเรียนจบสายตรง แต่สิ่งสำคัญจริงๆคือความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ในการทำงานจริงกับตัวเอง โอกาสในการได้งานที่เราต้องการนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวอยู่พอสมควรเลย ไม่หมู แต่ไม่ได้ยากเกินความพยายาม ที่สำคัญปัจจุบันไม่ใช่ทุกที่นะ ที่จะเปิดรับเด็กข้ามสาย แต่ Sirisoft พร้อมที่จะพิจารณาและให้โอกาสเสมอ ยังไงก็ลองติดต่อและยื่นเรซูเม่เข้ามาดูก่อน เอาใจช่วยทุกคนที่กำลังพยายามอยู่นะ
และสำหรับใครที่พร้อม หรือมีความสนใจที่จะมาทำงานด้วยกันกับ Sirisoft สามารถสอบถาม ติดตามข่าวสาร และการอัพเดตต่างๆได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยนะ
แล้วเจอกันครับ บ้ายบายย
Medium : https://medium.com/sirisoft
Facebook : https://www.facebook.com/sirisoft
Instagram : https://www.instagram.com/sirisoft_official
Tiktok : www.tiktok.com/@sirisoft_official
Youtube : https://www.youtube.com/@sirisoftofficial1698