วิวัฒนาการปืนMK18 CQBR
GAU-5/CAR-15 แห่งศตวรรษที่ 21(ที่ไม่ล้มเหลว)
MK18 ออกแบบมาสำหรับใช้ในการรบในพื้นที่อาคาร การรบประชิด หรือ CQBR
เมื่อนึกถึงปืนในตระกูล AR-15/M16 ที่ตัดลำกล้องสั้นมากๆเเล้ว ส่วนใหญ่ก็คนจะนึกถึงปืนในตระกูล CAR-15/GAU-5 ที่สร้างชื่อเสียงไว้ไม่น้อยในช่วงสงครามเวียดนาม ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาร้ายแรงมากก็ตาม
ซึ่งสิ่งนี่้ก็จะทำให้มีการว่างเว้นจากการพัฒนา AR-15 ในแบบลำกล้องสั้นมากๆ ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลสหรัฐฯไปนานพอสมควรเลยทีเดียว
AR-15 เป็นปืนที่ถูกออกแบบโดย Eugene Stoner เป็นนักออกแบบอาวุธปืนชาวอเมริกันที่มีความเกี่ยวข้องมากที่สุดกับการพัฒนาของ Armalite AR-15 ปืนไรเฟิลที่เกิดมาจากผลพวงจาก Project Salvo ในปี 1948 และได้รับการแก้ไขโดยขายแบบพิมพ์เขียวปืน AR-15 ให้บริษัท COLT มาพัฒนาปรับปรุงเป็นปืนไรเฟิล M16 ในปี 1964 (การที่บริษัท Armalite ได้ตัดสินใจขายแบบพิมพ์เขียวปืน AR-15 เนื่องจากประสบปัญหาทางการเงินในการพัฒนา)
- Eugene Stoner=ออกแบบ AR-15 (Assault rifle)
- Mikhail Gorbachev=ออกแบบ AK-47 [Avtomat Kalashnikov (ชื่อบริษัท)]
วิวัฒนาการปืน MK18 CQBR
※โหมดการยิง
- S (Save) = ยิงไม่ออก
- 1 (Semi-Auto) = กึ่งอัตโนมัติ (ยิงทีละนัด)
- 3 (Burst) = ยิงทีละ3นัด
- F (Full-Auto) = ยิงแบบอัตโนมัติเต็มตัว (รัว)
AR-10 → AR-15 (1957)
- ลำกล้องยาว 20.8 นิ้ว → 20.0 นิ้ว
- กระสุนปืนขนาด 7.62×51mm NATO → .223 remington
- โหมดการยิง S-1-F → S-1
AR-15 → M16 (1964)
- โหมดการยิง S-1 → S-1-F
M16 → XM16E1(M16A1) (1967)
- เปลี่ยนปลอกลดแสง เพิ่มชุดส่งลูกเลื่อนและเพิ่มอัตราครบรอบเกลียวให้เร็วขึ้นจาก 14 นิ้วเป็น 12 นิ้ว เพื่อรองรับการใช้กระสุนส่องวิถี M196(Tracer)
XM16E1(M16A1) → M16A1E1 (1981)
- กระสุนปืนขนาด .223 remington → 5.56×45mm NATO
- โหมดการยิง S-1-F → S-1–3
M16A1E1 → M16A2 (1982)
- เปลี่ยนชื่อ
XM4 (1983)
- ปรับปรุงมาจาก M16A2 ให้มีขนาดสั้นและน้ำหนักเบาลง
- 80% สามารถใช้ชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมกับ M16A2 ได้
- ลำกล้องยาว 14.5 นิ้ว
- กระสุนปืนขนาด 5.56×45mm NATO
- โหมดการยิง S-1–3
- พานท้ายปืนยืดหดได้ 4 step
XM4 → M4 carbine/Colt M4 (1991)
- เปลี่ยนชื่อ
M4 carbine/Colt M4 → M4A1 (1994)
- โหมดการยิง S-1–3 → S-1–F
M16A2 → M16A3,M16A4 (1994)
- โหมดการยิง M16A3 = S-1-F
- นอกจากนั้น M16A3 เหมือนกับ M16A2 ภายนอกทุกประการ
โหมดการยิง M16A4
- รุ่น R0901 / NSN 1005–01–383–2872 = S-1-F
- รุ่น R0905 = S-1–3
สิ่งที่ M16A4 มีเพิ่มมาจาก M16A2
- M16A4 มีหูหิ้วแบบถอดได้และราง Picatinny แบบยาวเต็มความยาวสำหรับติดตั้งเลนส์และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
- ติดตั้งการ์ดแฮนด M5 RAS ของ Knight’s Armament Company ทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์จับยึดแนวตั้ง เลเซอร์ ไฟยุทธวิธี และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ
MK18 CQBR (2000)
- CQBR = Close Quarters Battle Receiver (ตัวรับการต่อสู้ระยะประชิด)
- ลำกล้องยาว 10.3 นิ้ว
- กระสุนปืนขนาด 5.56×45 มม. NATO
- โหมดการยิง = S-1–F
- พานท้ายปืนยืดหดได้ 6 step
Close Quarter Battle Receiver(CQBR) เป็นโครงปืนส่วนบนที่มีการตัดลำกล้องให้ลดเหลือเพียงแค่ 10–12 นิ้ว โดยแนวคิดคือ สร้างปืนที่ความยาวในระดับพอๆกับปืนกลมือ แต่ยิงกระสุนของปืนไรเฟิลมาตรฐาน(เพื่อใช้งานทดแทนกับปืนกลมือแบบ MP5 9mm ในหน่วยรบพิเศษที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน)
MK18 ส่วนใหญ่ที่พบว่ามีการใช้งานนั้นถ้าไม่ได้นำ Lower (โครงปืนส่วนล่าง)ของ M4/M4A1 (ที่เป็นของใหม่และมีจำนวนน้อยในคลังของกองทัพเรือ) ก็จะเป็นการนำเอา Lower ของ M16A1 ที่เหลืออยู่มากในคลังของกองทัพเรือมาใช้แทน โดยใน MK18 บางกระบอกนั้นถึงขั้นมีการเอาโคร่งลูกเลื่อน (Bolt carrier)แบบเก่าของ M16A1 มาใช้แต่ปรับปรุงเปลี่ยนหัวลูกเลื่อน (Bolt head)ใหม่แทน ส่วนพานท้ายนั้นก็เปลี่ยนเป็นแบบมีช่องเก็บถ่านสำรองและปรับตำแหน่งได้ 6 ตำแหน่ง ซึ่งแตกต่างจากของ M4 ที่ปรับได้เพียง 4 ตำแหน่งเท่านั้น
อ้างอิง
https://www.facebook.com/FirearmsHistory/posts/479897742392700/
https://www.youtube.com/watch?v=IrTzI6Egzrs&t=344s
https://www.youtube.com/watch?v=etTlgzFwuoI&t=996s
http://www.imfdb.org/wiki/M16_rifle_series